สยองเมืองมะกัน คนร้าย สังหารหมู่กราดยิงด้วยปืนนานาชนิดจากชั้น 32 โรงแรมดังลาสเวกัส ใส่ฝูงชนที่กำลังร่วมงานดนตรีคันทรี รูต 91 ฮาร์เวสต์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 59 ศพ บาดเจ็บอีก 527 คน ตำรวจยังไม่รู้สาเหตุจูงใจเพราะคนร้ายเป็นชายวัย 64 ปี ฆ่าตัวตายหลังก่อเหตุ

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญอย่างเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสหรัฐอเมริกา ในนครลาสเวกัส รัฐเนวาดา เมื่อคนร้ายกระหน่ำ สาดกระสุนหลายร้อยนัดจากชั้น 32 ของอาคารโรงแรมมัณฑะเลย์เบย์รีสอร์ต แอนด์ กาสิโน ใส่ฝูงชนที่ร่วมงานเทศกาลงานดนตรีคันทรี รูต 91 ฮาร์เวสต์ อยู่ด้านล่างอย่างชนิดไม่เลือกหน้า ท่ามกลางเสียงหวีดร้องและพยายามหลบหนีอย่างตื่นตระหนก จนมีผู้เสียชีวิต 59 ราย ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย 2 นาย และบาดเจ็บ 527 ราย ส่วนมือปืนยิงตัวตาย

ตำรวจท้องที่เปิดเผยว่า มือปืนชื่อนายสตีเฟน แพดด็อก เป็นคนในพื้นที่ของลาสเวกัส อายุ 64 ปี เจ้าหน้าที่หน่วยสว็อตตรวจพบปืนอย่างน้อย 16 กระบอกในห้องพักบนชั้น 32 ของอาคารโรงแรมที่มือปืนสาดกระสุนลงมา ในจำนวนนี้เป็นปืนไรเฟิลจำนวนมาก

นายโจ ลอมบาร์โด นายอำเภอเขตคลาร์ก พื้นที่เกิดเหตุ ตั้งข้อสันนิษฐานว่า นายแพดด็อก ก่อเหตุเพียงลำพัง และเป็นการยากที่จะล่วงรู้ถึงเหตุผลที่มือปืนรายนี้กราดยิงผู้บริสุทธิ์ ขณะเดียวกันตำรวจติดอาวุธหนักนำหมายค้นบุกบ้านนายแพดด็อกที่อาศัยอยู่กับนางแมรีลู ดันลีย์ อายุ 62 ปี เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว สามห้องนอน ในเขตชุมชนผู้เกษียณอายุ ซัน ซิตี เมสคีต ห่างจากตัวเมืองลาสเวกัสขึ้นไปทางเหนือ 128 ก.ม. แต่ไม่พบนางดันลีย์ หรือความเคลื่อนไหวใดๆ ในบ้าน

ด้านน.ส.โมนีก เดเคิร์ฟ พยานในที่เกิดเหตุเล่าเหตุการณ์ว่า ได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตก พอมองไปรอบๆ ก็ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น จนเงียบไปครู่หนึ่ง คิดว่าคงไม่เป็นอะไร แต่กลับดังขึ้นมาอีก

ส่วนนายโจ พิตซ์ ผู้ร่วมเหตุการณ์อีกคนที่ไปชมคอนเสิร์ตของเจสัน อัลดีน นักร้องเพลง คันทรีติดอันดับเจ้าของเพลงขายดี กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุทุกคนกำลังสนุกอยู่กับคอนเสิร์ต จู่ๆ ได้ยินเหมือนเสียงประทัด แต่ไม่แน่ใจว่าเสียงเหมือนปืนกลอัตโนมัติ จนอีกครู่หนึ่งมีรถพยาบาลมาและนักร้องเจสัน อัลดีน วิ่งเข้า ไปหลังเวที ทำให้รู้ว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นแล้ว และทุกอย่างโกลาหลไปหมด

หลังเกิดเหตุ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานา ธิบดีสหรัฐแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ถ่าย ทอดสด ณ ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเหยื่อ จากนั้นกล่าวประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง พร้อมขอให้ชาวอเมริกันสามัคคีและช่วยเหลือกันเพื่อผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกเสียใจ ผู้นำคนดังยังระบุว่าจะเดินทางไปนครลาสเวกัสในวันพุธ ที่ 4 ต.ค. เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ถึงมาตรการป้องกันและรับมือเหตุร้ายที่ไม่คาดคิดในอนาคต และทิ้งท้ายด้วยการอ้อน วอนขอให้พระเจ้าคุ้มครองสหรัฐอเมริกา

ด้านสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส แห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ส่งสารแสดงความเสียใจกับเหยื่อและญาติอย่างสุดซึ้ง และว่าเหตุการณ์นี้เป็นโศกนาฏกรรมที่ไร้เหตุผล

ส่วนสำนักข่าวอามักของไอเอสรีบแถลงอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุที่ลาสเวกัสครั้งนี้ หลังจากผู้ก่อเหตุเพิ่งเปลี่ยนศาสนาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานใดๆ สนับสนุนการกล่าวอ้างครั้งนี้

เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาการครอบครองอาวุธปืนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งในยุคของประธานาธิบดีบารัก โอบามา พยายามออกกฎหมายควบคุมโดยใช้อำนาจพิเศษของประธานาธิบดี กระทั่งในยุคของนายทรัมป์ มีนโยบายพลิกกลับไปต่อต้านการควบคุมอาวุธปืน โดยเตรียมผ่อนผันให้บริษัทปืนขายอาวุธปืนให้กับชาวต่างชาติได้ง่ายขึ้น

สำนักข่าวต่างประเทศยังรายงานอีกว่า เหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ เกิดขึ้นต่อจากเหตุสังหารหมู่ในงานคอนเสิร์ตเพิ่งเกิดขึ้นปีนี้ ที่แมนเชสเตอร์ อารีนา เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยเป็นเหตุการณ์ก่อการร้ายด้วยระเบิดพลีชีพ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. แรงระเบิดสังหารเหยื่อ 22 ราย บาดเจ็บจำนวน 64 คน

วันเดียวกัน น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลีสเร่งตรวจสอบข้อมูลว่า มีคนไทย ได้รับผลกระทบหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน