เตรียมเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเฝ้าฯ ถวายบังคมพระบรมศพ ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท วันที่ 28 ต.ค.นี้ ภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน และหลังจากครบ 50 วัน เปิดให้บุคคล คณะบุคคล ภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ส่วนศาลาสหทัยฯ เปิดให้ลงนามถวายความอาลัยตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. คลื่นพสกนิกรต่างหลั่งไหลมุ่งสู่พระบรมมหาราชวัง ปักหลักนอนค้างคืนท้องสนามหลวง ขณะที่ “กษัตริย์จิกมี” แห่งภูฏาน พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี เสด็จฯ ถึงแล้ว ทรงเข้าถวายพระราชสักการะ

พระเทพฯเสด็จฯในพิธีช่วงเช้า

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 15 ต.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ในวันที่สอง ทรงถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรมจากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 11.00 น. มีพิธีถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ทั้งนี้ ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ นอกจากพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพแล้ว ยังประโคมย่ำยามพระบรมศพตามโบราณราชประเพณี โดยกำหนดประโคมย่ำยาม 7 เวลา ได้แก่ 6 นาฬิกา, 9 นาฬิกา, 12 นาฬิกา, 15 นาฬิกา, 18 นาฬิกา, 21 นาฬิกา และ 24 นาฬิกา โดยจะมีพนักงานอยู่เวรตีระฆังบอกเวลา

2 วงประโคมย่ำยาม 7 เวลา

สำหรับวงประโคมย่ำยามในพระราชพิธี มี 2 วง ได้แก่ วงประโคมของสำนักพระราชวัง ประกอบด้วยวงสังข์แตร และวงปี่กลอง พนักงานประโคม 34 นาย ประกอบด้วย สังข์ 1 นาย, แตรงอน 4 นาย, แตรฝรั่ง 6 นาย, ปี่ไฉน 3 นาย, เปิง 1 นาย และกลองชนะแดงลายทอง 20 นาย โดยวงสังข์แตรประโคมเพลงสำหรับบท วงปี่กลองประโคมเพลงพญาโศกลอยลม และวงประโคมของกรมศิลปากร เป็นวงปี่พาทย์นางหงส์เครื่องคู่ บรรเลงเพลงเรื่องนางหงส์ (เพลงพราหมณ์เก็บหัวแหวน เพลงสาวสอดแหวน เพลงกระบอกทอง เพลงคู่แมลงวันทอง และเพลงแมลงวันทอง)

ส่วนการแต่งกาย ผู้ปฏิบัติสังข์ สวมเสื้อปัสตูแดงขลิบเหลือง กางเกงปัสตูแดงขลิบเหลือง หมวกกลีบลำดวนขลิบเหลือง, ผู้ปฏิบัติแตรงอน สวมเสื้อปัสตูแดงขลิบเหลือง กางเกงปัสตูแดงแขนบาน หมวกปัสตูแดงพู่ขาว, ผู้ปฏิบัติแตรฝรั่ง สวมเสื้อปัสตูแดงแขนบาน กางเกงปัสตูแดงขลิบเหลือง หมวกปัสตูแดงพู่ขาว, ผู้ปฏิบัติปี่ไฉน สวมเสื้อเข้มขาบไหม กางเกงมัสรู่ เข็มขัดแถบทองหัวครุฑ หมวกทรงประพาสยอดจุก, ผู้ปฏิบัติเปิงสวม เสื้อเข้มขาบไหม กางเกงมัสรู่ เข็มขัดแถบทองหัวครุฑ หมวกทรงประพาสยอดจุก, ผู้ปฏิบัติ กลองชนะแดงลายทอง สวมเสื้อปัสตูแดงขลิบเหลือง กางเกงปัสตูแดงขลิบเหลือง หมวกกลีบลำดวนขลิบเหลือง และผู้ปฏิบัติ วงปี่พาทย์นางหงส์ แต่งชุดขาวปกติ ติดแขนทุกข์

ให้ปชช.ถวายบังคมพระบรมศพ

สำนักพระราชวังประกาศเรื่อง การถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ด้วยสำนักพระราชวังได้รับพระราชานุญาตในการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้ 1.พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ในการนี้ ได้จัดสมุดหลวงลงนามถวายความอาลัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

2.พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนได้เข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 2559 เวลา 13.00 น.

3.พระราชทานพระราชานุญาตให้ภาคต่างๆ ทั้งบุคคล คณะบุคคล ภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 50 วัน จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

แห่ถวายอาลัยตลอดทั้งคืน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ก่อนหน้านี้หลังเวลาเที่ยงคืนวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ย่างเข้าสู่วันที่ 15 ต.ค. ที่บริเวณประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง มีประชาชนเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพที่บริเวณด้านนอกพระบรมมหาราชวัง จากการสอบถามต่างบอกว่ากลางวันมาไม่ได้ต้องทำงาน จึงต้องอาศัยเวลาตอนกลางคืน และบางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัด บางคนมาเพื่อร่วมพิธีในตอนเช้า บางครอบครัวพาลูกน้อยวัย 2-3 ขวบมาร่วมถวายสักการะ รวมทั้งผู้พิการด้วย

น.ส.ศิริพร ศรีเทียนแก้ว อายุ 41 ปี มีอาชีพขายเสื้อผ้าอยู่ย่านสยามสแควร์ กล่าวว่า ป่วยเป็นโปลิโอมาตั้งแต่เด็ก ตอนกลางวันตนเองมาไม่ได้ เพราะคนมากและรถติด เดินทางมาไม่สะดวก จึงต้องเดินทางมาตอนกลางคืนแทน

ขณะที่ “เต้ย”จรินทร์พร จุนเกียรติ ดาราสาวชื่อดัง หนึ่งในผู้เดินทางมาถวายสักการะตอนกลางคืน กล่าวว่า กลางวันติดถ่ายละคร มาไม่ได้ และทำรายการเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวด ล้อมตามรอยในหลวง ทำมาได้ปีครึ่ง เข้าใจได้ดีว่าพระองค์ทรงงานเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน

ปักหลักค้างคืนรอถวายสักการะ

ต่อมาตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 15 ต.ค. ที่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง มีพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศแต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ทยอยหลั่งไหลมาเฝ้าถวายสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่องจนเต็มบริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี และมีประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดปักหลักพักค้างคืนที่ท้องสนามหลวงด้วย ภายหลังกรุงเทพมหานครอนุญาตให้ผู้มาร่วมงานนอนค้างแรมที่ท้องสนามหลวงได้

ขณะที่บริเวณกำแพงพระบรมมหาราชวัง มีประชาชนส่วนหนึ่งนั่งสวดมนต์ภาวนา หันหน้าเข้าไปภายในพระบรมมหาราชวัง บางคนก้มกราบด้วยความอาลัยน้ำตานองใบหน้า ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นรถประชาสัมพันธ์ผ่านเครื่องขยายเสียงแจ้งให้ประชาชนที่มาร่วมงานทราบว่าวันนี้ยังไม่เปิดให้ประชาชนเข้า สักการะพระบรมศพ และต้องรอประกาศจากสำนักพระราชวังต่อไป แต่ประชาชนก็ยังปักหลักนั่งอยู่ด้านนอกพระบรมมหาราชวัง นอกจากนี้ ที่บริเวณท้องสนามหลวง มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊งตั้งโรงทานแจกจ่ายอาหารและน้ำให้ ผู้ที่มาร่วมถวายอาลัย รวมถึงประชาชนจำนวนหนึ่งที่นำน้ำและอาหารมาแจกจ่ายให้ประชาชนด้วยกัน

คุณป้าจากโคราชเสียใจมาก

นางมลิวัลย์ สมพร อายุ 58 ปี ชาว จ.นครราชสีมา กล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่าหลังจากทราบว่าพระองค์ท่านสวรรคต เสียใจมาก เดินทางออกจากบ้านตั้งแต่ 16.00 น. นั่งรถโดยสารมาถึงกทม.ในเวลา 01.00 น. วันที่ 14 ต.ค. นั่งอยู่บริเวณสนามหลวงตลอดทั้งคืน กระทั่งช่วงเช้าย้ายมานั่งหน้าพระบรมมหาราชวัง

“ฉันรักพระเจ้าอยู่หัวมาก เพราะพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของความพอเพียง และทรงงานหนักเพื่อให้พสกนิกรมีชีวิตที่ดี ก่อนหน้าที่ทราบว่าพระองค์ท่านมีพระอาการประชวร ฉันเคยมาถวายพระพรที่ ร.พ.ศิริราช และที่ศาลาสหทัยสมาคม ขณะอยู่บ้านจะสวดมนต์ขอพรให้พระองค์หายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว หลังจากนี้ฉันจะปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ตลอดไป” นางมลิวัลย์กล่าว

รักเคารพเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์

ส่วนนางสำรวย เติมสกุลไทย อายุ 62 ปี อดีตข้าราชการครู จาก จ.สระบุรี กล่าวว่าเดินทางมาจากจ.สระบุรีตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ตั้งใจมาร่วมถวายสักการะที่โรงพยาบาลศิริราช แต่เนื่องจากมีประชาชนเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องเดินเท้ากลับมาที่หน้าพระบรมมหาราชวัง และปักหลักอยู่ที่นี่ตั้งแต่เย็นวันที่ 14 ต.ค. อาศัยนอนที่บริเวณท้องสนามหลวง ร่วมกับประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด นั่งคุยกันทั้งคืนจนถึงเช้าก็ย้ายมาปักหลักที่หน้าพระบรมมหาราชวัง

นางสำรวยกล่าวต่อว่าเสียใจและร้องไห้เมื่อทราบข่าวว่าพระองค์ท่านสวรรคต ที่ผ่านมาเคยมาร่วมพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ เพราะรักและเคารพเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ ครั้งนี้ตั้งใจจะอยู่ฟังพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมจบแล้วจะเดินทางกลับสระบุรี แล้วจะกลับมาอีกครั้งเมื่อเปิดให้ประชาชนเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ ชีวิตไม่มีอะไรที่ต้องห่วงแล้วใจก็อยู่แต่ที่นี่อย่างเดียว และหลังจากนี้จะมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง

ศาลาสหทัยฯแถวยาวเหยียด

ต่อมาสำนักพระราชวังแจ้งว่า จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาลงนามถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เวลา 12.00 น. โดยมีประชาชนรอด้านนอกเป็นจำนวนมาก เมื่อทราบข่าวประชาชนต่างส่งเสียงแสดงความดีใจที่ได้มีโอกาสเข้าไปถวายความอาลัยในศาลาสหทัยฯ วิ่งกรูกันมาเข้าแถว เพียงไม่กี่นาทีแถวยาวไปจนถึงแยกท่าพระจันทร์

เจ้าหน้าที่ต้องปัดหางแถวให้เข้าไปอยู่บริเวณสนามหลวง เพื่อไม่ให้กระทบกับการจราจรหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยประชาชนที่จะเข้าไปในพระบรมมหาราชวังต้องตั้งแถวเรียงหน้ากระดาน 4 แถว และจะให้เข้าไปรอบละประมาณ 100 คน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ประกาศแจ้งระเบียบสำหรับผู้ที่จะเข้าไปลงนามถวายความอาลัยให้แต่งกายสุภาพ ห้ามใส่เสื้อแขนกุด กระโปรงสั้น และกางเกงขาสั้น ประชาชนที่แต่งกายไม่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ก่อนจะอนุญาตให้เข้าและออกทางประตูมณีนพรัตน์ เพื่อความเป็นระเบียบ โดยสำนักพระราชวังจะเปิดให้ ลงนามถวายความอาลัย ตั้งแต่เวลา 08.30 -16.00 น. เริ่มวันที่ 15 ต.ค.เป็นต้นไป

2 ดาราสาวแจกน้ำดื่ม-ขนม

“ฝ้าย” ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว และ ธีร์ วณิชนันทธาดา นักแสดงสาวจากช่อง 7 ที่มาร่วมแจกน้ำฟรีให้ประชาชนที่เดินทางมาถวาย สักการะ ร่วมกันกล่าวว่าทราบข่าวและเห็นว่าประชาชนยังต้องการน้ำดื่ม ขนม รวมถึงกระดาษทิชชู เนื่องจากอากาศร้อน เลยรวบรวมสมาชิกกันมาจัดแจกซื้อของ โดยตั้งใจจะแจกรอบบริเวณพระบรมมหาราชวัง ประชาชนที่มาตรงบริเวณดังกล่าวคงเหนื่อยและมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน รักผืนแผ่นดินเหมือนกัน ถ้าได้น้ำดื่ม ขนม จากพวกเราคนไทยด้วยกันคงเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยเราก็ได้ช่วยเหลือกัน

ส่วนน.ส.พิมพ์ชนก อินทรประสิทธิ์ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ที่มาเข้าแถวรอลงนามถวายความอาลัย กล่าวว่าครอบครัวเดินทางออกจาก จ.นครสวรรค์ มาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิตั้งแต่เวลา 05.00 น. วันที่ 15 ต.ค. ก่อนเดินทางมาถวายสักการะ และรอรับเสด็จอยู่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง เพราะพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จมาร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม

เปิดโรงทานแจกน้ำ-อาหารฟรี

ผู้สื่อข่าวรายงานในช่วงบ่ายถึงค่ำ มีภาคเอกชนบางส่วนมาเปิดโรงทานแจกน้ำและอาหารให้แก่ผู้ที่มาร่วมถวายอาลัย อาทิ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิร่วมกตัญญูฯ โดยนายอรัญ โตทวด ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กล่าวว่านายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นายสุทัศ เตชะวิบูลย์ กรรมการมูลนิธิ และประธานอาสาสมัคร นายอรัญ เอี่ยมสุรีย์ ผู้ช่วยกรรมการและรองเลขาธิการ ได้มอบหมายให้นายวุฒิชัย อภิวัฒนกุลชัย ผู้จัดการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิ พร้อมข้าวสารอาหารแห้ง และน้ำดื่ม เพื่อนำไปประกอบเลี้ยงที่บริเวณท้องสนามหลวง ให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาลงนามถวายอาลัย

นายอรัญกล่าวต่อว่ามูลนิธิจัดอาหารครบ 3 มื้อ พร้อมน้ำดื่มบริการฟรีตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังจัดเตรียมรถพยาบาลกู้ชีพ อยู่ตามจุดที่มีประชาชนเดินทางเข้า-ออก เป็นจำนวนมาก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง หากประชาชนที่เดินทางมาแล้วรู้สึกว่าไม่สบาย สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ฉุกเฉิน 1418 เพียงแจ้งจุดที่ท่านอยู่ว่าอยู่บริเวณใดในพื้นที่ทางเจ้าหน้าที่จะรีบเข้าไปดูแลทันที

“กษัตริย์จิกมี”เสด็จฯถึงไทยแล้ว

ขณะเดียวกัน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และภริยา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก เพื่อร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยในวันที่ 16 ต.ค. มีหมายกำหนดการเสด็จฯ ไปถวายราช สักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เวลา 10.00 น.

การเสด็จฯมาร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี แห่งภูฏาน สะท้อนความผูกพันระหว่างสองประเทศ โดยในวันที่ 13 ต.ค. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีทรงจุดเทียนถวายอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ พร้อมจัดสวดมนต์พิเศษในวัดทั่วประเทศภูฏาน และยังประกาศให้ใน วันที่ 14 ต.ค. เป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศภูฏาน ลดธงครึ่งเสา รวมทั้งปิดโรงเรียนและหน่วยงานทั่วประเทศด้วย

พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม

เวลา 18.50 น. สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราช ดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี คุณพลอยไพลิน เจนเซน และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหา ราชวัง เพื่อทรงเป็นประธานในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ

โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ บูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร ทรงกราบ และประทับพระราชอาสน์ จากนั้นพระสงฆ์จากวัดประยุรวงศาวาส ในด้านทิศตะวันออก จึงเริ่มสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ และต่อด้วยพระสงฆ์จากวัดราชสิทธาราม ในด้านทิศตะวันตก

สมเด็จพระบรมฯเสด็จฯพิธี

เมื่อจบพิธี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทอดผ้าไตรถวายแด่พระสงฆ์สดับปกรณ์ และประทับพระราชอาสน์ พระสงฆ์อนุโมทนา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ไปทรงกราบพระพุทธที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร จากนั้นเสด็จฯ ไปที่หน้าพระบรมโกศพระบรมศพ ทรงกราบ แล้วทรงมีพระราชปฏิสันถารกับข้าราชการที่มารับเสด็จ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ

ต่อมาเวลา 20.55 น. สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ มาทรงเป็นประธานในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เมื่อเวลา 18.50 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมในพิธีพร้อมกับข้าราชการระดับสูงด้วย

ทั่วปท.พร้อมใจถวายอาลัย

สำหรับการถวายอาลัยและถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมคณะรัฐมนตรี เดินทางมายังห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อลงนามน้อมเกล้าฯถวายอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ

ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุมศตส.มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติปรับแผนการจราจร โดยใช้สนามหลวงเป็นจุดตั้งต้นและปิดถนนรอบสนามหลวง แต่จะให้ผ่านเข้าเฉพาะรถขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถตู้และรถบัส ห้ามรถยนต์ส่วนบุคคลผ่าน อีกทั้งจะเพิ่มจุดกลับให้มากขึ้น นอกจากนี้จัดทีมพยาบาล 4 ชุดเดินเท้า และตั้งกองอำนวยการในจุดสำคัญโดยรอบ ขณะที่กทม.จัดเต็นท์เพิ่มเติมและจอมอนิเตอร์ในวันที่ 16 ต.ค. เพื่อให้ประชาชนในท้องสนามหลวงติดตามชมงานพระราชพิธีอย่างใกล้ชิดเหมือนดูทีวีอยู่บ้าน โดยในวันที่ 16 ต.ค. คสช. สำนักงานปลัดฯ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแถลงชี้แจงความเรียบร้อยผ่านทางช่อง 11 ในเวลา 15.30 น.

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รักษาราชการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า กระทรวง มหาดไทย (มท.) ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ ขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ในเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ต.ค. ที่ศาลากลางจังหวัด จะบันทึกเทปเพื่อออกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที

“เบื้องต้นประสานงานกับปลัดกระทรวงมหาดไทยผ่านไปยังผู้ว่าฯใน 12 จังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็นบีทีในส่วนภูมิภาคให้เริ่มดำเนินการก่อน โดยให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดเป็นแกนกลางประสานงานกับผู้ว่าฯ ในแต่ละจังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น อุบลราชธานี เชียงใหม่ พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี สงขลา จันทบุรี กาญจนบุรี ภูเก็ต นครศรีธรรมราช ตรัง และยะลา จากนั้นจังหวัดอื่นๆ จะทยอยดำเนินการถวายความอาลัยเป็นลำดับจนครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

ให้ทุกจว.จัดสวดพระอภิธรรม

ด้านนายกฤษฎา บุญราช ปลัดมท. มีหนังสือสั่งการด่วนที่สุดถึงผู้ว่าฯจังหวัด ระบุว่าให้ทุกจังหวัดจัดพิธีสวดพระอภิธรรมหรือพิธีกรรมทางศาสนาของแต่ละศาสนาตามความเหมาะสม โดยให้ผู้ว่าฯ ปรึกษาหารือผู้นำศาสนา เพื่อจัดพิธีดังกล่าว ณ ศาสนสถานในพื้นที่ ในกรณีมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก ให้จังหวัดพิจารณาประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน พร้อมจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ เพิ่มเติม ยังสถานที่ที่เหมาะสมและสมพระเกียรติ และจัดกิจกรรมหรือนิทรรศการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่

ที่ท้องสนามหลวง นางผุสดี ตามไท รักษาราชการแทนผู้ว่าฯกทม. นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตรวจความพร้อมรองรับประชาชนที่เดินทางมาเคารพพระบรมศพ โดยตั้งกองอำนวยการร่วม จัดรถสุขาเคลื่อนที่ 29 คัน จัดจุดปฐมพยาบาลและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่รอบท้องสนามหลวง ขณะเดียวกันจัดโรงทานบริการอาหารและน้ำดื่มแก่ประชาชน

นางผุสดีกล่าวว่า สำหรับกรณีมีประชาชนนอนในสนามหลวงนั้น กทม.เปิดให้บริการสนามหลวงเวลา 05.00-22.00 น.เท่านั้น เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย จึงไม่อยากให้นอน อีกทั้งกทม.ต้องเตรียมพื้นที่ทิศใต้ เพื่อประกอบพระราชพิธี

แม่เฒ่าโคราชปีติถวายเนกไท

สำหรับบรรยากาศถวายอาลัยและถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายา ลักษณ์ในต่างจังหวัด โดยในภาคเหนือ ที่จ.เชียงราย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ จัดศาลาธรรมภายในวัดร่องขุ่น ให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวถวายความอาลัย พร้อมจัดทำโปสการ์ดชื่อพระเมตตาต่อไพร่ฟ้าผู้ทุกข์ยาก (กายทิพย์) ปี 2533 ให้ผู้ถวายความอาลัย 100 คนแรก ส่วนบรรยากาศในตลาดและร้านค้า มีชาวบ้านมาหาซื้อเสื้อดำสวมใส่ไว้ทุกข์จำนวนมาก จนบางแห่งเริ่มขาดตลาดแล้ว

เช่นเดียวกับหลายจังหวัดภาคเหนือ ทั้งเชียงใหม่ น่าน แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำพูนและลำปาง เป็นต้น ผู้ว่าฯแต่ละจังหวัดนำเจ้าหน้าที่ และประชาชน ทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล

ส่วนภาคอีสาน ที่จ.นครราชสีมา คณะหมอเพลงโคราชร่วมถวายอาลัย ก่อนนั่งพับเพียบแหล่เพลงโคราชที่ลานอนุสาวรีย์ท้าว สุรนารี โดยจะทำเช่นนี้ 30 วัน ขณะที่คุณยายบัวผัน ราชวงศ์ อายุ 103 ปี อดีตครูโรงเรียนบ้านพลกรัง เล่าว่าเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2498 ระหว่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเสด็จฯโคราช มีโอกาสถวายเนกไทผ้าไหมที่ทำขึ้น โดยพระองค์ตรัสว่าขอบใจนะ สร้างความปลาบปลื้มปีติให้ครอบครัวอย่างมาก

ที่จ.อำนาจเจริญ นายวิชาญ สารธิมา อายุ 90 ปี บุคคลในภาพเคยเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เล่าว่าเคยเฝ้าฯรับเสด็จที่บ้านหนองทับม้าเมื่อปี 2522 โดยไม่คิดไม่ฝันว่าพระองค์จะเข้ามาตรัสถามสารทุกข์สุกดิบและความเป็นอยู่ แต่หลังทราบข่าวว่าพระองค์สวรรคต น้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความเศร้าโศก

ขณะที่ทุกจังหวัดในภาคอีสาน ผู้ว่าฯแต่ละจังหวัด นำข้าราชการและชาวบ้าน ร่วมทำบุญตักบาตรและถวายอาลัยด้วยบรรยากาศที่ โศกเศร้า

คนแห่ซื้อชุดดำ-กรุงติดหนึบ

สำหรับภาคใต้ ที่จ.นราธิวาส นายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส นำข้าราชการร่วมพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 89 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ส่วนร้านนัมเบอร์วันที่เปิดขายของในตัวเมือง นางเพ็ญภา แซ่ปึ๋ง อายุ 78 ปี เจ้าของร้านเล่าว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เสด็จฯถนนภูผาภักดี พอทรงผ่านร้านนัมเบอร์วัน พระองค์เข้ามาตรัสว่าขายดีนะ แล้วทรงเลือกเสื้อผ้าและตรัสถามหาเสื้อโปโลสีแดง ก่อนเลือกเสื้อไปหลายตัว ซึ่งเป็นความประทับใจสุดซึ้ง

ด้านจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ ผู้ว่าฯนำข้าราช การ ร่วมทำบุญตักบาตรและถวายอาลัยเช่นกัน ขณะที่ชาวบ้านต่างซื้อเสื้อดำมาใส่ไว้ทุกข์

ส่วนจังหวัดในภาคตะวันออกและภาคกลาง ต่างจัดนิทรรศการและทำบุญตักบาตร พร้อมสวดมนต์และอธิษฐานจิต โดยที่จ.สมุทรปรา การ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผวจ.สมุทรปราการ นำข้าราชการใส่ชุดดำโยนดอกบัวหลวงใส่เรือประดิษฐานองค์พระหลวงพ่อโตจำลอง และทำบุญถวายเป็นพระราชกุศล

ขณะที่การจราจรในกรุงเทพฯ บนถนน วิภาวดีฯ ถนนลาดพร้าวและถนนพหลโยธินติดขัดเป็นทางยาว เนื่องจากประชาชนต่างขับรถไปหาซื้อเสื้อดำใส่ไว้ทุกข์ที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวและห้างยูเนี่ยนมอลล์

สุริยาปีติ-ทำหีบพระบรมศพ

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่บริษัทสุริยาพรเทพหีบศพ 2499 พรานนก-ศิริราช ผู้ออกแบบและประดิษฐ์หีบบรรจุพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ นายพรเทพ สุริยเสนีย์ ผู้ก่อตั้งบริษัทสุริยาพรเทพ 2499 พรานนก-ศิริราช กล่าวว่า ร้านทำธุรกิจเกี่ยวกับหีบศพตั้งแต่ปี 2491 และทำมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2538 ได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยให้ออกแบบและวางโครงสร้างหีบพระศพเมื่อครั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า เสด็จสวรรคต จากการเริ่มต้นในครั้งนั้นทำให้มีโอกาสออกแบบและประดิษฐ์หีบพระศพแก่เชื้อพระวงศ์มาต่อเนื่องหลายพระองค์ ทั้งหม่อมหลวงบัว กิติยากร คุณพุ่ม เจนเซน และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่วนตัวครอบครัวและบริษัทมีความปลื้มปีติที่ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ในการออกแบบและประดิษฐ์หีบบรรจุพระศพ จนถึงครั้งนี้ที่นับว่าเป็นเกียรติสูงสุดของครอบครัวที่ได้รับใช้พระองค์ท่าน” นายพรเทพกล่าว

ด้านนางกนกวรรณ สัมพัฒนวรชัย บุตรสาวนายพรเทพกล่าวว่า สำหรับวัสดุภัณฑ์ที่นำมาประดิษฐ์หีบบรรจุพระบรมศพ ทำมาจากไม้สักทองอายุเกินร้อยปี เป็นไม้แผ่นเดียวไม่มีรอยต่อ โดยนำมาประดิษฐ์แกะสลักลวดลายเป็นลายกุหลาบไทย ผสมผสานกับลายหลุยส์ โดยคำนึงถึงความงดงามเป็นหลัก แต่ความสำคัญคือการปิดทองแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งใบ ขนาดของหีบพระบรมศพมีความกว้างที่ 29 นิ้ว ยาว 85 นิ้ว สูง 34 นิ้ว วัดรอบหีบพระบรมศพอยู่ที่ 229 นิ้ว ภายในออกแบบโดยบุผ้าไหมอย่างดี เป็นผ้าไหมจับจีบสีงาช้าง มีการรองที่บรรทม ส่วนผ้าคลุมร่างเป็นผ้าไหมปักดิ้นทอง ซึ่งหลังจากสวรรคต ทางร้านเร่งประกอบหีบบรรจุพระบรมศพทันทีด้วยความอาลัยยิ่ง

จัดแผนจราจรรับถวายอาลัย

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่บก.จร. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมรองผบช.น. ผบก.น.1-9 ผบก.สปพ. และผบก.จร. ประชุมสรุปผลการปฏิบัติรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนที่มาถวายอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ

พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า สั่งการให้บช.น. บก.น.1-9 สภ.ทั้ง 88 แห่ง จัดทำสถานที่ลงนามถวายอาลัย เพื่อให้ประชาชนร่วมอาลัย รวมถึงในสถานที่ราชการอื่นที่ลงนามถวายอาลัยได้ เพื่อลดจำนวนประชาชนที่จะเดินทางไปยังพระบรมมหาราชวัง ส่วนการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรนั้น ขณะนี้การจราจรค่อนข้างติดขัด จึงอยากให้ประชาชนใช้บริการขนส่งมวลชน โดยเฉพาะการใช้เรือด่วนเจ้าพระยา ที่มาลงบริเวณท่าช้าง จะช่วยทำให้ลดการจราจรติดขัดได้ อีกทั้งขอให้หลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ส่วนตัว

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการป้องกันเหตุอาชญากรรมนั้น สั่งการให้ดูแลตามปกติ แต่เน้นบริเวณที่มีประชาชนค่อนข้างหนาแน่น อาทิ พระบรมมหาราชวังให้เจ้าหน้าที่ป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพ อีกทั้งขอให้ประชาชนระมัดระวังการสะพายกระเป๋าและถือกระเป๋าด้วย ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จัดตั้งที่ทำการส่วนหน้าไว้บริเวณประตูวิเศษไชยศรี เพื่อดูแลความปลอดภัยแล้ว พร้อมวางแผนให้กรุงเทพฯเป็นเซฟตี้โซน โดยสั่งการให้ทำงานเชิงรุกและเตรียมกวดขันเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ด้วยการตรวจสอบบุคคล ยานพาหนะ อุปกรณ์และสถานที่ในพื้นที่ รวมถึงติดตั้งกล้องวงจรปิดบริวณจุดล่อแหลมและตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยเฉพาะบริเวณศูนย์การค้าต่างๆ ขอให้บันทึกข้อมูลการเข้าออกของรถ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน