ตร.มุ่งปมคนในรู้เห็น คดี 6 ไอ้โม่ง ก่อเหตุปล้นเงินเยน ของนักธุรกิจค้าทองคำ จำนวน196 ล้านเยน หรือ 60 ล้านบาท เผยพฤติกรรมสุดอุกอาจ ดักรอที่ลานจอดรถหรูกลางกรุง เมื่อเหยื่อนำเงินสดที่ขนทางเครื่องบินจากญี่ปุ่นมาไทยเพื่อเอามาเก็บก็ดักปล้น ก่อนเอาปิกอัพผู้เสียหายหลบหนีไปด้วย ตร.เร่งประชุมสั่งไล่ล่า เช็กวงจรปิดหาเส้นทางหลบหนี พร้อมเอาประวัติคนที่เคยทำหน้าที่ขนเงินมาสอบละเอียดยิบ

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.40 น. ร.ต.อ.นวพล วิทยะเกริกไกร พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุจากนายภัทริศ หรือโต้โต้ แต้รัตนชัย อายุ 34 ปี นักธุรกิจซื้อขายทองคำแท่ง เครื่องประดับ และเครื่องเพชร ส่งขายยังประเทศญี่ปุ่น ผู้เสียหายคดีร่วมกันปล้นทรัพย์(เงินสกุลเยน) เป็นเงินสด 196 ล้านเยน รวมเป็นเงินไทย ประมาณ 60 ล้านบาท จากลานจอดรถชั้น 5 คอนโดรัชดา พาวิลเลี่ยน ซ.รัชดา 30 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพ มหานคร

หลังรับแจ้งเหตุ จึงรุดไปตรวจสอบที่ เกิดเหตุ สอบสวนทราบว่า นายภัทริศ หรือ โต้โต้ ให้นายณรงค์ชัย หรือจั๊ว สวัสดิผล นำเงินสดสกุลญี่ปุ่น 196 ล้านเยน ใส่กระเป๋าเดินทางและส่วนที่เหลือบางส่วนนำใส่กระเป๋า สะพายหลัง เดินทางจากประเทศญี่ปุ่น มายังสนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย โดยการผ่านการสำแดงต่อศุลกากร

เมื่อมาถึงยังบริเวณชั้นผู้โดยสารขาเข้า พบกับนายจิรภัสส์ หรือเนย พิทักษ์กิจวัฒนา และ นายเกียรติพงษ์ หรืออุ้ย พึ่งยิ้ม ซึ่งรับคำสั่งจากนายภัทริศ มายืนรออยู่ เพื่อรอรับเงินจำนวนดังกล่าว นำไปเก็บไว้ที่คอนโดรัชดา พาวิลเลี่ยน ห้อง 104 ชั้น 15 ซึ่งเป็นห้องของนายภัทริศ ต่อมานายจิรภัสส์ หรือเนย นายเกียรติพงษ์ หรืออุ้ย และนายณรงค์ชัยหรือจั๊ว ทั้ง 3 คน ได้เดินไปยังลานจอดรถชั้น 3 อาคาร 2 โดยนำกระเป๋าเดินทางที่ใส่เงินไว้ท้ายรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 6 สีขาว ทะเบียน 4กบ 7806 กรุงเทพมหานคร

จากนั้น นายณรงค์ชัยนำเงินจากกระเป๋าสะพายหลัง ถ่ายไปใส่ยังถุงดิวตี้ฟรี ก่อนที่แฟนสาวมารอรับ และกลับออกไปด้วยกันแล้ว โดยนายเกียรติพงษ์นำถุงดิวตี้ฟรี ดังกล่าวไปไว้ยังเบาะหลังฝั่งคนนั่ง โดยที่นายเกียรติพงษ์ได้เดินไปขึ้นรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีส้ม ทะเบียนป้ายแดง ส 5179 กรุงเทพ มหานคร และเป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าว

ส่วนนายจิรภัสส์เป็นผู้ขับขี่รถยนต์บีเอ็ม ดับเบิลยู ออกไปเพื่อมุ่งหน้ามายังคอนโดรัชดา พาวิลเลี่ยน ต่อมาเวลาประมาณ 23.15 น. นายเกียรติพงษ์ และนายจิรภัสส์ มาถึงคอนโดรัชดา พาวิลเลี่ยน และกำลังนำรถขึ้นมาจอดบนชั้น 5 ตามที่เคยจอดมา เมื่อนำรถจอดเสร็จ นายจิรภัสส์นำกระเป๋าเดินทางที่ใส่เงินลงจากรถ และถุงดิวตี้ฟรีที่ใส่เงินวางบนกระเป๋าเดินทางอีกที จากนั้นนายเกียรติพงษ์เป็นผู้มาลาก กระเป๋าเดินทางใบดังกล่าวไป

ขณะที่นายเกียรติพงษ์และนายจิรภัสส์กำลังเดินไปยังประตูเข้าอาคารจากลานจอดรถ ปรากฏว่ามีกลุ่มชายประมาณ 5-6 คน สวมหมวกไหมพรมสีดำ โดยนายจิรภัสส์ให้การว่า 1 ในคนร้ายได้นำอาวุธปืนออกมาข่มขู่นาย เกียรติพงษ์ และรุมทำร้ายนายเกียรติพงษ์จนได้รับบาดเจ็บ ส่วนนายจิรภัสส์โดนกลุ่มคน ร้ายกดหัวลงกับพื้น ถูกมัดมือไพล่หลัง และมัด ข้อเท้า มีเทปกาวปิดปาก จากนั้นนายเกียรติพงษ์และนายจิรภัสส์ ถูกคนร้ายนำถุงกระสอบป่านมาคลุมศีรษะ และนำตัวไปไว้หลังเสา

ต่อมาเมื่อกลุ่มคนร้ายหลบหนีไป นายเกียรติ พงษ์แก้มัดจนหลุดและช่วยนายจิรภัสส์แก้มัด จากนั้นทั้งสองได้ขึ้นไปยังชั้น 15 ห้อง 104 เพื่อแจ้งให้นายภัทริศทราบ จากนั้นจึงเดินทางมาแจ้งความเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนนายเกียรติพงษ์ได้รับบาดเจ็บ ได้มีนายกัมพลหรือต้อม บุญตันตราภิวัฒน์ พาไปรักษาตัวยัง ร.พ.เปาโล สาขาโชคชัย 4

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวส รรท.ผบช.น. ร่วมประชุมและติด ตามความคืบหน้าของคดี ที่ห้องประชุม สน. พหลโยธิน โดยมี พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผบช.น. พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร รองผบก.2 พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ ผกก.สน.พหลโยธิน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าร่วมประชุมโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนเปิดเผยว่า ภายหลังจากรับแจ้งเหตุแล้วทางเจ้าหน้าที่แบ่งงานและจัดทีมติดตามคดีในทันที มีความคืบหน้าไปมากและได้รับข้อมูลและความร่วมมือกับทางผู้เสียหายอย่างดี ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานสักช่วงเวลาหนึ่ง

พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวต่อว่า ทีมสืบสวนสอบสวนได้สอบถามรายละเอียดกับผู้เสียหาย โดยมอบหมายให้พล.ต.ต.สมพงษ์ เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนตามหาคนร้าย จากการสอบถามผู้เสียหายทราบว่า ประกอบธุรกิจซื้อขายทองคำมาหลายปี มีการนำเงินหลากหลายสกุลเข้ามาในประเทศหลักพันล้าน แต่ละครั้งหลายสิบล้าน นำเข้าประเทศผ่านระบบดีแคลร์เงินซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย และทำมานานกว่า 5 ปี ใช้ทีมขนเงินกว่า 10 คน ซึ่งก็กำลังตรวจสอบให้ละเอียดว่าหลบเลี่ยงศุลกากรหรือไม่

พล.ต.ท.ชาญเทพ เผยต่อว่า จากการสอบสวนทราบว่าคนร้าย 4-6 คน สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังหน้า มารอที่ลานจอดรถ ซึ่งต้องใช้คีย์การ์ดผ่านเข้าออกเท่านั้น จากนั้นใช้ปืนจ่อหัวผู้เสียหาย ทุบเข้าที่ศีรษะเย็บกว่า 20 เข็ม หลังก่อเหตุขับรถฟอร์ดเรนเจอร์ สีส้มของ ผู้เสียหายไปด้วย ซึ่งตั้งประเด็นว่าประสงค์ต่อทรัพย์ ทั้งนี้กลุ่มผู้เสียหายระบุว่าการขนเงินเหล่านี้จะปิดเป็นความลับ รู้กันไม่กี่คน จึงต้องสอบสวนคนใน แต่ก็ไม่ทิ้งประเด็นเรื่องขัดแย้งทางธุรกิจ

พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า ล่าสุดสั่งการให้สกัดจับรถที่คนร้ายใช้หลบหนี รวมถึงประสาน ไปยังแต่ละธนาคาร จุดรับเปลี่ยนแลกเงิน ตม.ทั่วประเทศ พร้อมกับให้นำคดีเมื่อปี 2555 ที่มีคนร้านปล้นเงินนักธุรกิจอินเดียไป 50 ล้านมาเทียบเคียง เชื่อคดีไม่ยากและซับซ้อน

พล.ต.ต.สมพงษ์ เผยว่า แบ่งงานกันหมดแล้ว ทั้งการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด การประสานแต่ละสน.เพื่อส่งข้อมูลให้จุดรับแลกเงินสำหรับข้อมูล ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำผู้เสียหาย

รายงานข่าวระบบุว่าเจ้าหน้าที่นำรายชื่อผู้เกี่ยวข้องที่เคยเป็นอดีตคนขนเงิน และผู้ที่ทราบเกี่ยวกับการขนเงิน 12 คน นำประวัติมาตรวจสอบ

ต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่เชิญตัวนายเอ (ขอสงวนชื่อ-สกุลจริง) อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดฯดังกล่าว มาสอบปากคำเพื่อหาข้อมูลของคนร้ายเพิ่มเติม โดยนายเอ กล่าวว่า วันเกิดเหตุ ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 17.00 -05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งปกติผู้ที่นำรถเข้า-ออก นั้นจะต้องเป็นบุคคลภายใน หากเป็นบุคคลภายนอกต้องแลกบัตร อีกทั้งหากจะขึ้นคอนโดฯก็ต้องมีคีย์การ์ดเท่านั้น

ทั้งนี้สำหรับรถที่หายไปนั้นตนจำได้ว่าเป็นของกลุ่มผู้เสียหายแต่คนขับเป็นใครไม่สามารถทราบได้แน่ชัด เนื่องจากเท่าที่ทราบกลุ่มผู้เสียหายมีรถใช้หมุนเวียนกันมากกว่า 10 คัน และรถคันไหนเป็นของผู้ใดตนก็ไม่ทราบ ขณะที่ในวันเกิดเหตุตนไม่ได้จดจำว่ารถฟอร์ดที่หายไปได้ออกไปช่วงเวลาใด แต่มาทราบภายหลังอีกทีว่า เมื่อผ่านไปเพียง 15 นาที ผู้เสียหายได้ขับรถเบนซ์ตามออกไป และอีกพักใหญ่ๆ มีรถฟอร์จูนเนอร์ของผู้บาดเจ็บตามออกมาอีกคัน นอกจากนี้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. เป็นต้นไป ตนจำได้ว่ารถที่เข้า-ออก มีแต่รถยนต์ของบุคคลภายในเท่านั้นเพราะไม่มีการเรียกให้หยุดเพื่อแลกบัตร

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนรวบรวมมานั้นยังพบข้อพิรุธหลายประการ ซึ่งคาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นคนภายใน หรือบุคคลที่คุ้นเคยกับผู้เสียหายเนื่องจากรู้ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีการเตรียมอุปกรณ์โดยคนร้ายได้นำกระสอบป่านที่ใช้คลุมศีรษะมา 3 ใบ เพื่อเตรียมใช้คลุมศีรษะของนายณรงค์ชัย นายจิรภัสส์ และนายเกียรติพงษ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นบุคคลที่นำเงินออกมาจากสุวรรณภูมิ แต่ขณะเกิดเหตุกลับใช้คลุมศีรษะเพียงแค่ 2 ใบ เพราะนายณรงค์ชัย แยกตัวออกไปก่อนหน้านี้ จึงคาดการณ์ว่าคนร้ายทราบว่าในการนำเงินมาที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้ โดยปกติจะเดินทางมาครั้งละ 3 คนแต่ครั้งนี้มีเพียง 2 คนเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนร้ายยังทราบถึงสถานที่จุดจอดรถว่าชั้นใด ใช้รถอะไร ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ และใกล้เคียง รวมทั้งเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนีเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน