แม่ด.ช.วัย 14 ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ลูกชายโดนรุ่นพี่-เพื่อน 3 คน แกล้งจับขังในห้องเก็บของโรงเรียนที่ชัยนาท ก่อนฉีดยาฆ่าแมลงแล้วจุดไฟลุกท่วมไหม้ร่าง แขนขา-ลำตัวถูกไฟคลอกเป็นแผลพุพอง เผยแขนอาจพิการ ตอนนี้ยังเดินไม่ได้ด้วย ที่ผ่านมาพ่อแม่เด็กที่ก่อเหตุให้เงินมาแค่ 3 พันกว่าบาท ปวีณาเตรียมรุดช่วยเหลือ-เยี่ยมที่โรงพยาบาล

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี น.ส.กชพรรณ อายุ 42 ปี อาชีพหมอนวดแพทย์แผนไทยประจำ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.อุทัยธานี เข้าร้องทุกข์กับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ หลังน้องเอิร์ธ ลูกชายวัย 14 ปี เรียนอยู่ชั้นม.3 โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งใน จ.ชัยนาท ถูกเพื่อนและรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันรวม 3 คน แกล้งปิดประตูใส่กุญแจขังไว้ในช่องเก็บของอาคารเรือนนอน แล้วฉีดยาฆ่าแมลงเข้าไปจนไม่มีอากาศหายใจ จากนั้นจุดไฟแช็กจนทำให้เกิดประกายไฟลุกท่วมภายในช่องเก็บของ ก่อนจะเผาไหม้ร่างกายของน้องเอิร์ธจน บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา

นางกชพรรณกล่าวว่า หลังเกิดเหตุครูที่โรงเรียนโทร.มาแจ้งว่าลูกชายได้รับอุบัติเหตุถูกไฟไหม้ตามร่างกาย ทางโรงเรียนนำส่งรักษาที่ร.พ.ชัยนาท จึงรีบเดินทางไปที่ โรงพยาบาล พบสภาพลูกชายอยู่ในอาการหวาดผวา แขนทั้งสองข้าง ขาขวาและตาม ลำตัวเป็นแผลไหม้พุพอง จึงสอบถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น โดยน้องเอิร์ธเล่าว่าช่วงเย็นวันที่ 20 ก.ย. หลังเลิกเรียนขณะนำหนังสือเรียนไปเก็บในช่องเก็บของอยู่ใต้อาคารเรือนนอน มีเพื่อนและรุ่นพี่ 3 คนนั่งเล่นหมากเก็บอยู่ โดย 1 ใน 3 คนเอาหนังสือมาตีศีรษะ แต่น้องเอิร์ธไม่เล่นด้วยและเดินหนี เมื่อน้องเอิร์ธเข้าไปในช่องเก็บหนังสือ เด็กคนหนึ่งได้เดินมาปิดประตูแล้วใช้กุญแจคล้องไว้เพื่อไม่ให้เปิดออกได้ จากนั้นได้ยินเสียงเพื่อนอีกคนตะโกนบอกให้ไปเอากระป๋องยาฆ่าแมลงและฉีดเข้ามาในช่องเก็บของ ทำให้หายใจไม่ออก น้องเอิร์ธได้ตะโกนบอกให้หยุดฉีด แต่เพื่อนไม่ยอมหยุดและฉีดเข้ามามากกว่าเดิม พร้อมได้ยินเสียงจุดไฟและมีเปลวไฟเข้ามาตามช่องประตูห้องเก็บของ ทำให้ถูกไฟไหม้ตามร่างกายและมีเสียงระเบิดภายในช่องเก็บของด้วย ทำให้เพื่อนตกใจรีบเปิดประตูและเห็นว่าไฟไหม้ตนเอง จึงฉีดน้ำดับไฟและตามครูมาช่วย

นางกชพรรณกล่าวอีกว่า ต่อมาในวันที่ 21 ก.ย. โรงเรียนได้เรียกตนและผู้ปกครองของเด็กทั้ง 3 คนที่ก่อเหตุมาพูดคุย โดยโรงเรียนตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เบื้องต้นตกลงกันว่าให้ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 3 คนช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น 10,000 บาท แต่มีผู้ปกครองของเด็กเพียง 1 คนที่ช่วยเหลือมา 3 พันกว่าบาทเท่านั้น ส่วนผู้ปกครองอีก 2 คนแจ้งว่าไม่มีเงิน ทางโรงเรียนก็ไม่ได้หยิบยื่นความช่วยเหลือให้ อีกทั้งยังขอร้องไม่ให้ไปแจ้งความ ซึ่งขณะนี้ลูกชายยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะ ยังเดินไม่ได้และแขนข้างหนึ่งอาจพิการ อีกทั้งแพทย์ให้ระวังเรื่องการติดเชื้อ คาดต้องใช้เวลารักษาตัวอีกระยะ เบื้องต้นตนได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่สภ.เมืองชัยนาท แต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ

ด้านนางปวีณากล่าวว่า ในวันที่ 5 ต.ค. เวลา 13.00 น. จะเดินทางไปเยี่ยมน้องเอิร์ธที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร เพื่อให้กำลังใจและสอบถามอาการจากแพทย์ เนื่องจากทราบว่าแขนข้างหนึ่งของน้องเอิร์ธไม่สามารถยืดออกได้ และขาที่เป็นแผลฉกรรจ์ทำให้ไม่สามารถเดินได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจจะพิการ ซึ่งมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมประสานโรงพยาบาล เพื่อรักษาให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะเดียวกันประสานนายธีร์ ภวังคนันนท์ เลขาธิการคณะกรรมการสำนักงานพื้นที่การศึกษาหรือคุ้มครองนักเรียน เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว โดยนายธีร์รับปากจะตรวจสอบข้อเท็จจริงจาก ทางโรงเรียนและเดินทางไปเยี่ยมด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน