หลังจากที่สันธนะ – เสี่ยโป้ เดินทางมากองปราบ เพื่อร้องกองปราบ เอาผิดกับ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ กรณี เสื้อสีชมพู จี้เอาผิด 4 ข้อหาหนัก ทำให้หลายคนสงสัยในความสัมพันธ์ของ เสี่ยโป้-บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ว่าทั้งสองรู้จัก และเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร วันนี้ทางทีมข่าวสดจะมาย้อนอดีตความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้ได้รู้กัน

เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นเมื่อปี 2562 ในช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งในช่วงแรก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้ตัดพ้อต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น และเล่าเรื่องราวความทุกข์ของชาวบ้าน พร้อมเบิกเงินส่วนตัว 1 ล้านบาท และเปิดรับบริจาคจากผู้ใจบุญทั้งหลาย ก่อนจะเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัย

ซึ่ง เสี่ยโป้ อานนท์ ก็ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่าตนได้โอนเงิน 1 ล้านบาทเข้าบัญชี บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ด้วย พร้อมบอกว่า “ผมและครอบครัวขอช่วยบริจาค 1 ล้านบาท ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมขอให้พี่เจริญๆคับ และตอนนี้ ได้ขอร้องให้คาสิโนทางต่างประเทศร่วมทำบุญเป็นจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้ประสบภัย จังหวัดอุบล และ จะเดินทางไปแจกด้วยตัวเอง ในเร็ววันนี้”

ขณะที่ทางรัฐบาล ได้จัดรายการรับบริจาคช่วยน้ำท่วม ที่ได้รวมคนดังหลายวงการ รวมถึงบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่บินด่วนเข้ากรุงเทพฯ มาร่วมด้วย ก่อนจะเป็นที่ฮือฮาเมื่อ เสี่ยโป้ โพสต์ภาพร่วมเฟรม กับ บิณฑ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โดย เสี่ยโป้ ได้โพสต์ภาพ โมเมนต์ บิณฑ์ กำลัง เอามือจับมือเสี่ยโป้ และนายกฯ ชี้มาพอดี พร้อมแคปชั่นว่า “…. นิสัยดี เป็นกันเอง ขอบคุณคับ”

จนมาถึงปี 2563 ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในบรรยากาศเฝ้ารับเสด็จ ในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการรถไฟฟ้า ก็พบว่าบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ ได้มารอรับเสด็จด้วยกัน และโพสต์ภาพคู่ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว

แต่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการ ตำรวจสันติบาล ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้ง ยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เพื่อขอให้สืบสวนพฤติกรรมเรียกรับเงินบริจาค ประเด็นการซื้อเสื้อสีชมพู และอ้างว่าได้รับข้อมูลจากเสี่ยโป้ ว่ามีการระบุให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว และชี้แจงไม่ได้

วันเดียวกัน “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” จึงได้มาไลฟ์เฟซบุ๊ก เพื่อชี้แจงถึงกรณีนี้เป็นเวลากว่า 12 นาที เพราะพบว่ามีการโชว์ภาพตนเองพาดพิงมาถึงตน จึงต้องออกมาชี้แจง พร้อมระบุว่า ถ้าโกหกขอให้มีอันเป็นไป และร่ายยาวว่า เสี่ยโป้ เป็นคนโทรมาเองว่าจะให้ 20 ล้าน แต่ได้ปฏิเสธไป ก่อนที่จะบอกบุญเรื่องเสื้อสีชมพู โดยเสี่ยโป้ รับปากว่าจะซื้อเสื้อแต่ก็หายไป จนกลายเป็นเรื่องราว

จนถึงวานนี้ (13 ธันวาคม) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล พร้อมด้วยนายเสี่ยโป้ ได้เปิดเผยถึงการร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดาราจิตอาสา ที่ขอรับบริจาคเงินซื้อเสื้อชมพู ของโรงพยาบาลศิริราช เพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ

ทางเสี่ยโป้ ได้ไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนไปเจอบิณฑ์ในงานหนึ่ง และบอกว่าจะให้เงิน 20 ล้าน เพื่อให้เขาพาคนที่อยากร่วมรับเสด็จมาให้เยอะที่สุด ใครไม่มีเงิน ไม่มีค่ารถ ให้มาเอาเงินที่ตน เพราะอยากให้คนได้มาร่วมงาน จนพี่บิณฑ์อยากนัดเจอ เพื่อคุยเรื่องเสื้อสีชมพู

โดยได้ซัดว่า พี่บิณฑ์ได้ขอเงินบริจาค 10 ล้าน เพื่อนำไปซื้อเสื้อชมพู ตนก็เห็นด้วยเพราะว่ามีอุดมการณ์ตรงกัน และเงิน 10 ล้านก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ตนกลับติดปัญหาเรื่องคดี ทำให้ไม่สามารถโอนเงินได้ คนรู้จักจึงแนะนำให้พี่บิณฑ์โทรไปคุย เรื่องเงินบริจาคกับนายสันธนะเอง หลังจากวันนั้นตนก็ไม่ได้พูดคุยกับพี่บิณฑ์ หรือนายสันธนะอีกเลย

จนกระทั่งในวันนี้ 14 ธันวาคม นายสันธนะ ได้เดินทางเข้าแจ้งความตำรวจกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ใน 4 ข้อหา รวมถึงความผิดที่เกี่ยวกับการแอบอ้างสถาบัน เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหลังได้รับข้อมูลการเปิดรับบริจาคเงินเพื่อจัดทำเสื้อสีชมพูไปแจกจ่ายให้ประชาชน

แต่อย่างไรก็ตาม เสี่ยโป้ ได้ชี้แจงว่าตนมาให้ปากคำในฐานะพยาน และร้สึกลำบากใจ ที่ต้องมาอยู่ตรงกลาง เพราะจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนที่เสีย แต่ตนเองก็ยังคงติดใจในเรื่องที่นายบิณฑ์ทำเสื้อสีชมพูมาถึง 3 แสนตัว แต่คุณหมอที่เป็นเจ้าของโครงการ เปิดเผยว่าทำมาเพียงแค่ 2 แสน 4 หมื่นตัวเท่านั้น จึงต้องการต้องการให้นายบิณฑ์ ได้ออกมาอธิบายให้สังคมได้เข้าใจในประเด็นนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน