คลิปแชร์วอน! หนุ่มหัวร้อน รอเมียเข้าไปซื้อนมในเซเว่น มีปากเสียงกับพนง. เหตุต้องลงชื่อก่อนเข้าร้าน อ้างพูดจาไม่ดีทำฟิวขาด เลยถือหมวกกันน็อก ไปกระแทกหน้า
จากกรณีโลกโซเชียลได้แชร์คลิปเหตุการชายหนุ่มรายหนึ่งทะเลาะกับพนักงานร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี จนเป็นที่วิพากย์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมดังกล่าว ทางสาวพนักงานได้เข้าแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เหตุเกิดช่วงเช้าของวันที่ 12 ม.ค. 64 ที่ผ่านมา
- เย้ยกฎหมาย! แฉโจ๋ไลฟ์จัดเต็ม เสพโชว์ จี้จัดการกวาดล้าง
- ทัวร์ลงยับ! เจ้าของคาร์แคร์ บูลลี่ลูกค้าหนัก บอกไม่ตรงปก-ไล่ลดน้ำหนัก
- กองสลากมั่นใจ แก้ปัญหารวมชุดอยู่หมัด ไม่พบชุด 10 ใบแล้ว ราคาดิ่งเหลือ 80
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2564 ที่สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้เชิญตัวน.ส.ขนิษฐา อายุ 23 ปี ชาวจ.ชุมพร พนักงานร้านสะดวกซื้อ และนายจริวัฒน์ อายุ 40 ปี ชาวจ.สุราษฎร์ธานี อาชีพลูกจ้างแพปลา เข้าสอบถามถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้น
โดยนายจิรวัฒน์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้พาภรรยาไปซื้อนมที่ร้านเกิดเหตุโดยให้ภรรยาเป็นคนเข้าไปซื้อส่วนตนเองได้ยืนรอที่หน้าประตู โดยมีพนักงานหญิงคู่กรณีทำหน้าที่วัดอุณหภูมิและให้ลงชื่อก่อนจะเข้าร้านจนเกิดการโต้เถียงกันในช่วงแรก
หลังจากที่ภรรยาจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยขณะที่กำลังเดินไปที่รถจยย. ตนเองได้ยิงเสียงด่าด้วยคำหยาบจึงเกิดโมโหจึงเดินเข้าไปต่อว่าและได้ใช้หมวกกันน็อกเหวียงไปโดนบริเวณคางของผู้กรณี ก่อนที่ภรรยาได้ห้ามปราม จนมาทราบว่าได้มีผู้นำคลิปไปแชร์กันในโซเชียล และมีคนคอมเมนต์ให้ตนเสียหาย ส่วนตัวก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าตนใจร้อน และยินดีที่จะขอโทษคู่กรณี
ด้านน.ส.ขนิษฐา คู่กรณี เปิดเผยว่า ที่ตนเองต้องมาแจ้งลงบันทึกประจำวันเพราะกลัวว่าคู่กรณีจะกลับมาหาเรื่องทำร้ายอีกจึงได้ให้นายจ้างพาเข้าแจ้งความ แต่เมื่อได้มาเจอกันและปรับความเข้าใจกันแล้วก็รู้สึกโล่งใจและก็ไม่ติดใจเอาความและก็ขอให้จบกันด้วยดี
ด้านพ.ต.อ.นิพล กล่าวว่า จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกิดจากการเข้าใจผิดกันแต่ถ้าดูจากภาพในคลิปแล้วทางคู่กรณีฝ่ายชายได้ใช้หมวกกันน็อกฟาดโดนหน้าฝ่ายหญิงจริงแต่ก็ได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อย ซึ่งทั้งคู่ได้ปรับความเข้าในกันแล้ว
จึงได้ให้พนักงานสอบสวนนำตัวฝ่ายชายไปเสียค่าปรับ 400 บาท ในข้อหา “ทำร้ายร่างกายแต่ไม่ถึงกับอันตราย” และฝากถึงพี่น้องประชาชนให้ปฎิบัติตัวตามมาตรการป้องกัน โควิด-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งบางที่อาจจะมีวิธีการในการเข้าใช้บริการที่ไม่เหมือนกัน ต่อไป