เดือดเคลียร์ใจ ลุงพล-หมอปลา คลี่ทุกปมร้าว ตอนนี้มากกว่าคำว่าสายเกินไป หมอปลาขอลุงพลกลับไปทำตัวน่ารักเหมือนเดิม ลุงพล โชว์ของดีศักดิ์สิทธิ์ที่หมอปลาให้ไว้ยังใส่ติดคอไม่เคยถอด ทนายตั้ม ยื่นมือช่วยคดีชมพู่ หากลุุงพลโดนหมายจับ

เกาะติดข่าว กดติดตามข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 20 ม.ค.64 นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงเขยของน้องชมพู่ กล่าวให้สัมภาษณ์ ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี กรณีทำร้ายนักข่าวว่า วันนี้อารมณ์ของตนก็ดีขึ้นแล้ว ที่ตนไปดึงหน้ากากอนามัยของนักข่าวนั้น ปกติแล้วถ้าไม่มีเรื่องโรคโควิด-19 เข้ามา ตนก็จะเห็นหน้ากันอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นก็ยอมรับว่าโมโหและอารมณ์ขึ้นด้วย เพราะน้องฟ้า นักข่าวอมรินทร์ ทีวี ไม่ให้ถือไมค์เสียที นอกจากนี้ยังรู้สึกน้อยใจที่คุณพุทธ(พิธีกรทุบโต๊ะข่าว)เปลี่ยนไป กลายเป็นความรู้สึกน้อยใจว่าทำไมข่าวออกมาแบบนั้น แต่ตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่า “ผมก็ยังเป็นลุงพลเหมือนเดิม”

ส่วนประเด็นของพ่อแบมที่พูดเรื่องเวลาไม่ตรงกัน มันมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตนไปถามว่า “พ่อแบมจำเวลาผิดไหม มันน่าจะเป็นช่วงเวลา 7 โมงกว่าที่เจอกัน” เพราะตอนนั้นหัวหน้าโทรศัพท์มาให้ไปดูเครื่องสีข้าว แต่ถ้าเวลา 09.20 น. ตนอยู่ที่สวนยาง จับจีพีเอส และกลับออกมาจากสวนยาง 09.22 น.

ทั้งนี้ ตนรู้จักกับพระอาจารย์พลจริง เพราะท่านเป็นพระนักปฏิบัติ มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งประเทศ แต่ตนยืนยันได้ตนไม่เคยมีเหล็กไหลจริง ๆ และตนก็ไม่ได้ถูกผีเข้าสิง ไม่มีอะไรเข้าสิงทั้งนั้น วันที่ไปแย่งไมค์น้องฟ้าจึงเป็นแค่อารมณ์เท่านั้น นอกจากนี้ตนเคยพูดแล้วว่า การอาบน้ำมนต์เป็นประเพณีของคนโบราณทางอีสาน ไม่เกี่ยวกับการทำของใส่ตน หรือเกี่ยวข้องกับหมอปลา

เช่นเดียวกับเรื่องพญาครุฑ ที่หมอปลามอบให้ตน แล้วตนยกให้คนอื่นไปแล้วนั้น เพราะตนมีเครื่องรางของขลังที่พกติดตัวจำนวนมาก และความจริงแล้วตนก็ยังคล้องเบี้ยแก้และยันต์โสฬส ที่หมอปลามอบให้ตั้งแต่ที่รู้จักกันวันแรก ไว้ที่คอของตนตลอด แม้กระทั่งเวลาอาบน้ำตนก็ยังไม่เคยถอดออกเลย

ส่วนเรื่องที่คนบอกลุงพลเป็นคนเกรี้ยวกราดจนกลัว ตนกล้าพูดว่าตนไม่ได้สร้างภาพ แรงมาแรงไป นิสัยตนเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประชุมอะไรก็ตาม ตนก็จะเป็นคนพูดเสียงดัง ตนยังเป็นลุงพลคนเดิม อยู่กับหมอปลาแบบไหน ก็อยู่กับพี่น้ำฟ้า ภรรยาหมอปลาแบบนั้น

ถามว่าทำไมไม่ให้สัมภาษณ์สื่อหลัก เวลามาขอสัมภาษณ์จนจะถามก่อนเสมอว่าประเด็นอะไร ระยะหลังมีสื่อมาถามถึงหมอปลา พี่น้ำฟ้า พี่อุ๊บ ทนายโนบิ นายอัจฉริยะ ตนก็บอกว่า “ผมไม่ขอตอบได้ไหม ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากพาดพิงถึงใคร”

อย่างไรก็ตาม ถ้าหมายจับมาออกที่ตน ก็คงจะใช้สิทธิ์ต่อสู้ตามขั้นตอนและกระบวนการยุติธรรม เช่น การประกันตัวออกมาสู้คดี ทั้งนี้ตนยังได้ติดต่อไปที่ “ทนายตั้ม” หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพราะเชื่อว่าทนายตั้ม มีความสามารถ และคงจะเข้ามาดูแลคดีน้องชมพู่ เพราะเป็นคดีใหญ่ แต่ถ้าเป็นคดีเล็กๆ เช่น กรณีหมอปลาไปแจ้งความหมิ่นประมาทตน ทนายตั้มแจ้งว่าไม่ทำ

ส่วนนายอัจฉริยะกับทนายตั้มจะมีปัญหากันหรือไม่ ตนทราบว่า เมื่อก่อนทั้งคู่เคยรู้จักเป็นพี่น้องกันมาก่อน แต่จู่ ๆ ตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มารู้ข่าวอีกทีก็ทราบว่าทั้งคู่ไม่ถูกกันแล้ว แต่ตนก็ยังมั่นใจว่า ความรู้ ความสามารถของทนายตั้ม จะมาสามารถช่วยเหลือตนได้ ส่วนหมอปลาตนก็ขอให้กลับมาเป็นคนเดิม ที่จะช่วยตนเหมือนครั้งก่อนได้เเล้ว

นอกจากนี้ ลุงพล ยังกล่าวถึงประเด็นการสร้างศาลาสำนักสงฆ์ภูหลวงว่า ขณะนั้นหมอปลาแนะนำตนว่าไม่อยากให้เปิดบัญชีรับบริจาคส่วนตัว ตนก็ได้ทำตาม และขอให้ตนปิดบัญชีบริจาค แต่บังเอิญว่าช่วงนั้นเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ธนาคารปิด ทำให้ปิดบัญชีล่าช้าไป 3 วัน แต่เมื่อถึงวันทำการวันจันทร์ ตนก็รีบอายัดบัญชีทันที แต่ก็พบว่ามีเงินเข้ามาในบัญชีจำนวน 886,914.82 บาทแล้ว ส่วนเรื่องความโปร่งใส ตนยืนยันได้ว่าโปร่งใส 100% แต่เรื่องการนำรูปคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตมาตัดต่อชักชวนให้เปิดบัญชีนั้น ตนขอให้พี่น้ำฟ้าช่วยสืบให้ตนได้หรือไม่ เพราะตนไม่ทราบและไม่มีความรู้เรื่องไอที แต่ตนก็มั่นใจว่า พี่น้ำฟ้ามีความรู้เรื่องไอที สามารถหาต้นตอของภาพตัดต่อได้อย่างแน่นอน

ด้านนายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา เปิดเผยในรายการทุบโต๊ะข่าว พร้อมกับ ลุงพล ทางโทรศัพท์ว่า ตนอยากให้ดูที่พฤติกรรมว่าใครเปลี่ยน ที่ลุงพลเคยถามตนว่าจริงใจกับลุงพลแค่ไหน ตนอยากให้มองย้อนไปที่การกระทำของตนกับลุงพลว่า ก่อนหน้านี้ใครกันที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ ที่ลุงพลให้สัมภาษณ์ว่า “อยากทราบว่าหมอปลาคนเดิมอยู่ที่ไหน” ตนอยากบอกลุงว่า ช่วงหลัง ๆ มานี้ลุงพลระแวงเกินไป ตนเคยเตือนหลายเรื่องแล้ว ทั้งเรื่องยูทูบเบอร์ที่มาถ่ายทำ เรื่องการเปิดรับบริจาค และการติดเครื่องดักฟังที่บ้านลุงพล ซึ่งไม่แฟร์กับตนเลย

“ผมกล้าพูดว่าตอนที่ลุงพลไม่มีใคร ผมคือคนไทยคนเดียวที่เป็นห่วงลุงพลมาก ลุงก็น่าจะรู้ แต่หลังจากที่ลุงพลมียูทูบเบอร์ข้างกาย ลุงก็ไม่ได้สนใจผมเลย ไม่ฟังผมเลย เตือนอะไรก็ไม่ทำ” หมอปลา กล่าว

หมอปลา กล่าวต่อว่า เรื่องเครื่องดักฟัง ลุงพลสามารถแจ้งความและอธิบายกับเจ้าหน้าที่ได้เรื่องความไม่ปลอดภัย ลุงพลน่าจะรู้หมายเลขโทรศัพท์ในซิมที่ติดกับเครื่องดักฟังหรือเครื่อง GPS นั้น ตนอยากถามว่าแล้วลุงพลจะไม่รู้หมายเลขโทรศัพท์ได้อย่างไร ในเมื่อตรวจสอบได้จากการเช็กยอดเงินในซิมนั้น ส่วนที่ลุงพลขอให้ตนพาไปแจ้งความ ตนอยากให้ทราบเรื่องบรรยากาศที่เปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม

นอกจากนี้ ข่าวที่ออกมาก็มาจากยูทูบเบอร์ข้างกายลุงพล ตนอยากถามว่าคนเหล่านั้นไว้ใจได้หรือไม่ ตนเคยเตือนแล้วเพราะข่าวที่ออกมาก็มาจากยูทูบเบอร์

ถามว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม “ตอนนี้มากกว่าคำว่าสายเกินไป ทำไมลุงพลระแวงผม แล้วไม่มาหาผม แต่ไปเชื่อคำพูดของยูทูเบอร์แทน” เช่นเรื่องเหรียญพญาครุฑของตนกับภรรยาที่ลุงพลพูดผ่านสื่อว่า มอบให้คนอื่นแล้ว ก็หมายถึงความสัมพันธ์กับตน สื่อความหมายว่าไม่เอาตนแล้ว

ดังนั้นวันนี้ตนอยากบอกว่า ทั้งเรื่องเครื่องดักฟัง หรือไสยศาสตร์ ตนไม่ได้ทำ ถ้าตนทำได้จริง คงจะทำใส่คนร้ายที่ทำร้ายน้องชมพู่แล้ว และที่ผ่านมาตนเตือนลุงพลมาตลอดว่า ไม่ให้แสดงพฤติกรรมไม่น่ารัก ลุงอยากน่ารักให้ทำตัวเหมือนเดิม และพูดคุยกับสื่อหลักอย่างตรงไปตรงมาที่นำเสนอข่าวทุกทาง ไม่ใช่ยูทูบเบอร์ที่นำเสนอเพียงด้านเดียว

ทั้งนี้ ที่ตนไม่อยากยุ่งเกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่แล้ว เพราะลุงพลระแวงตนจึงต้องถอยห่าง ตนปากกับใจตรงกัน วันนี้ตนไม่เหมือนเดิม ถ้าตนบอกว่าเหมือนเดิม ก็คงเป็นการโกหกคนทั้งประเทศ ตนเคยเตือนลุงพลว่าไม่ควรใช้ความรุนแรง ให้ทำตัวเหมือนลุงพลคนเดิมตอนแรกที่คุยกัน ส่วนที่ทำรุนแรงกับนักข่าวอมรินทร์ พระอาจารย์พลก็ควรตักเตือนลูกศิษย์ ไม่ใช่ถือหางลูกศิษย์อ้างว่าเพราะผีเข้า ตนมองว่าคำว่าขอโทษและยอมรับผิดก็จะทำให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ คนคิดว่าเรื่องการเปิดรับบริจาค ไม่มีความโปร่งใส อีกทั้งมีการตั้งยูทูบเบอร์ที่ไม่ใช่คนในหมู่บ้านกกกอกมาเกี่ยวข้องกับบัญชีอีกด้วย ส่วนที่มีการอ้างว่าภรรยาตนเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “อย่าหาทำ” ที่โจมตีลุงพล อยากถามว่าเอาอะไรคิด ทั้งที่ตนกับภรรยาก็ปกป้องลุงพล “วันนี้ลุงพลมีแฟนคลับมากมาย ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคดี เพราะไม่อยากเกาะกระแส ส่วนความสัมพันธ์จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่นั้น ผมขอให้ลุงพลเปิดใจก่อน เพราะเคยเตือนอะไรไป ลุงพลก็รับปากว่าจะทำ แต่ไม่เคยตามทำเลย” หมอปลา กล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณที่มาอมรินทร์ทีวี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน