ศาลปกครองกลางพิพากษา 5 ผู้ต้องหา คดีระบายข้าว ชดใช้ 2 หมื่นล้าน พร้อมรอลุ้น 2 เม.ย. นัดชี้ปมคลังสั่ง ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายทุจริตจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้าน

วันที่ 29 มี.ค. ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ผู้ฟ้องที่ 1 นายทิฆัมพร นาทวรทัต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ ผู้ฟ้องคดีที่ 2 นายอัฐฐิติพงศ์ ทีปวัชระ เลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ ผู้ฟ้องคดีที่ 3 นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ ผู้ฟ้องคดีที่ 4 และ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ผู้ฟ้องคดีที่ 5 กับ นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 รมว.พาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 กระทรวงการคลัง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4

ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ฟ้องว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ที่มีคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ลับ ที่ 453/2559 ลงวันที่ 19 ก.ย. 2559 เรียกให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้ารับผิดชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กระทรวงพาณิชย์ กรณีการระบายข้าวโดยเจรจาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐโดยให้ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ถึงที่ 3 รับผิดเป็นเงินคนละ 4,011,544,752.33 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 4 รับผิดเป็นเงิน 2,242,571,739.67 บาท และผู้ฟ้องคดีที่ 5 รับผิดเป็นเงิน 1,768,973,012.66 บาท

คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในสาระสำคัญว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กระทรวงพาณิชย์ตามความเห็นของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ปฏิบัติหน้าที่ในการระบายข้าวโดยการแบ่งหน้าที่กันทำ ในลักษณะจงใจกระทำต่อกระทรวงพาณิชย์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับ ความเสียหายตามสัญญาระบายข้าวรวม 4 ฉบับ คิดเป็นเงินจำนวน 20,057,723,761.66 บาท อันเป็นการกระทำละเมิดตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์

เมื่อคำนึงถึงระดับความร้ายแรง แห่งการกระทำและความเป็นธรรมในแต่ละกรณีแล้ว มีเหตุให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ไม่ต้องใช้เต็มจำนวนความเสียหาย ตามมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 การมีคำสั่งให้ ผู้ฟ้องคดี 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 รับผิดในอัตราร้อยละ 20 ของความเสียหายในแต่ละสัญญาที่แต่ละคน มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงเป็นธรรมในแต่ละกรณีแล้ว

แต่ในส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ 3 เพิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว การมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 3 รับผิดในอัตราร้อยละ 20 เท่ากับผู้ฟ้องคดีที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ในสัญญาฉบับที่ 1 และที่ 2 ซึ่งบางส่วนเกิดขึ้นก่อนผู้ฟ้องคดีที่ 3 จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว จึงไม่เป็นธรรม

การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 มีคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ลับ ที่ 453/2559 ลงวันที่ 19 ก.ย. 59 ให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเห็นของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เฉพาะส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ในส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ 3 ที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 2,694,464,066.21 บาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ลับ ที่ 453/2559 ลงวันที่ 19 ก.ย.59 เฉพาะในส่วนที่เรียกให้ผู้ฟ้องคดีที่ 3 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 2,694,464,066.21 บาท ยกฟ้องผู้ฟ้องคดีที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

นอกจากในวันเดียวกัน ศาลปกครองยังพิจารณาคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 9 คน กรณีขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 59 ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 3.5 หมื่นล้าน จากเหตุขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการตามอำนาจหน้าที่ เป็นทำให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหาย

โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองรวม 4 คำฟ้อง ซึ่งศาลได้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียว รวมทั้งให้ตุลาการผู้แถลงคดีจะได้แถลงความเห็นส่วนตัวที่ไม่มีผลผูกพันต่อการพิจารณาวินิจฉัยคดีขององค์คณะตามขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครอง อย่างไรก็ตามศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งนัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 2 เม.ย. เวลา 09.00 น.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน