จากกรณี ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เข้าช่วยเหลือ นายกิตติ ดัสกร ภายหลังจากทราบข่าวว่าป่วย และมีการโพสต์ขอเงินบริจาคช่วยเหลือ แต่พบว่า สภาพความเป็นอยู่ ต้องนอนจมที่นอนสกปรก และภายในบ้านเต็มไปด้วยขยะเน่าเหม็นไปทั้งบ้าน ต่อมาทราบว่าอดีตภรรยาได้ครอบครองบัตรเอทีเอ็มไว้ และมีการเบิกจ่ายเงินไปใช้โดยไม่สามารถตรวจสอบได้

โดยล่าสุด วันที่ 10 พ.ย. ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ได้นำทีมเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เนื่องจากพบว่า มีการเบิกจ่ายเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมเปิดเผยกับ “ข่าวสดออนไลน์” ว่า หลังจากมีการเข้าช่วยเหลือ นำตัวคุณกิตติ ส่งโรงพยาบาล มีการตกลงกันว่าจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเงินบริจาคที่ประชาชนส่งมาให้ แต่พบว่าน.ส.ศศิประภา หรือ คิตตี้ อดีตภรรยาของกิตติ ได้เบิกเงินไปใช้ เมื่อขอตรวจสอบบัญชี ได้อ้างว่าทำสมุดบัญชีหาย บ่ายเบี่ยงไม่ให้ตรวจสอบ จากนั้น คณะกรรมการ จึงให้คุณกิตติ โทรศัพท์ตรวจสอบกับธนาคาร จนทราบว่าบัญชีมีความเคลื่อนไหว มีการกดเงินออกไปจำนวนกว่า 8 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคิตตี้ยังยืนกรานว่าไม่ได้กด จนสุดท้ายมีหลักฐานแสดง จึงยอมรับว่า ได้กดเงินไปใช้

“การแก้ปัญหาตอนนี้ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการนำเงินออกไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม และได้ปิดบัญชี เพื่อเปิดบัญชีใหม่ มีการตั้งคณะกรรมการดูแลเงิน เพื่อนำมาช่วยเหลือคุณกิตติ ตามความประสงค์ของผู้บริจาค ส่วนเงินที่คิตตี้กดไปใช้นั้น มีการทวงถามแล้ว โดยในระยะ 5 วันตั้งแต่กดเงินไป คิตตี้อ้างว่าเอาไปใช้หลายอย่าง และเหลือเงินเพียงพันกว่าบาทเท่านั้น ซึ่งเราก็สามารถแก้ปัญหาได้เพียง ตัดไม่ให้คิตตี้ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้เงินส่วนนี้อีก ไม่ให้มีสิทธิในการเบิกจ่ายบัญชีใหม่ที่ตั้งขึ้น ส่วนเรื่องจะเอาความหรือไม่ คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพี่กิตติไป” เอกพันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า อาการของนายกิตติ เป็นอย่างไรบ้างและคิตตี้ ได้เข้ามาอยู่ด้วยหรือไม่นั้น นายเอกพันธ์ กล่าวว่า อาการของพี่กิตติ ยังต้องพาไปพบแพทย์เพื่อดูแลเรื่องตาที่มองไม่ค่อยเห็น และเรื่องกายภาพ ส่วนอดีตภรรยานั้น ยังเข้ามาหาที่โรงพยาบาล แต่พบว่าคอยปลุกพี่กิตติ อยู่ตลอดจนแทบไม่ได้นอน ซึ่งทางโรงพยาบาล ต้องเชิญตัวให้กลับเพื่อคนไข้จะได้พักผ่อน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน