สื่อญี่ปุนเกาะติดข่าว 2 นายแพทย์ดังพร้อมครอบครัว ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดย เจ้าหน้าที่สถานทูตพาญาติเดินทางมารับศพ พร้อมจุดธูปเชิญวิญญาณที่จุดเกิดเหตุ รองอธิบดีขนส่งฯ เผยเบื้องต้นจะจ่ายเงินชดเชย ผู้เสียชีวิตรายละ 4 แสน โดยหากผลการสอบสวนออกมาว่าบริษัทรถตู้เป็นฝ่ายผิด จะได้ชดเชยเพิ่มอีก 5 แสนบาท ขณะที่ผลการตรวจสอบสาเหตุเบื้องต้น พบความเร็วรถอยู่ที่ 93 ก.ม.ต่อช.ม. ไม่พบรอยเบรกที่ถนน ด้านคนขับรับวูบก่อนเกิดการชน

จากกรณีรถตู้ทัวร์ญี่ปุ่นพุ่งเสยท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ ที่จอดรอเลี้ยวเข้าบ่อดิน บนถนนสาย 347 ปทุมธานี-บางปะหัน มุ่งหน้าบางปะหัน ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 28 ม.8 ต.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเย็น วันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้นายคัตสึฮิโร นาริโมโตะ อายุ 65 ปี ประธานอำนวยการโรงพยาบาลนาริโมโตะเลดี จังหวัดโอซากา และนายโยชิโอะ โคเมอิมะ อายุ 68 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลทาเคดะ จังหวัดเกียวโต พร้อมครอบครัว และไกด์ชาวไทยเสียชีวิตรวม 5 ศพ ส่วนผู้ขับขี่รถตู้บาดเจ็บสาหัส พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 พ.ย. ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีนักข่าวประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจ มาทำข่าวรับศพนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นทั้ง 4 ราย ต่อมาเจ้าหน้าที่สถานทูตประเทศญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เดินทางมาติดต่อรับศพนัก ท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นทั้ง 4 รายกลับไป โดยอยู่ระหว่างรอญาติของทั้ง 4 รายตัดสินใจว่าจะ ให้ส่งศพกลับไปทำพิธีที่ประเทศญี่ปุ่นเลย หรือจะดำเนินการฌาปนกิจศพก่อนนำเถ้ากระดูกกลับไป ส่วนศพนางปิยทิพย์ มีนายวิเชียร เครื่องใต้ น้องชายเดินทางมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.นครพนม ต่อไป

วันเดียวกันที่ สภ.บางปะอิน จ.พระนคร ศรีอยุธยา พ.ต.อ.สง่า ธีรศรัณยานนท์ รอง ผบก. ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ชัยยะ เพชรปัญญา ผกก.สภ.บางปะอิน นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมการขนส่งทางบก น.ส.อิสรี เกตุกล่ำ ผอ.คปภ. จ.พระนครศรีอยุธยา นายมานิตย์ ศรีทอง ทนายความของบริษัททัวร์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

นายมานิตย์ ทนายความของบริษัททัวร์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย ทางบริษัท ขอยืนยันในมาตรฐานการดูแลลูกค้า ในส่วนของการเยียวยาผู้เสียชีวิตขอดูรายละเอียดของเหตุการณ์และสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยยินดีรับผิดชอบทั้งหมด

พ.ต.อ.สง่ากล่าวว่า ในการตรวจสอบและสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมีความชัดเจน ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผย ส่วนของรายละเอียดสำนวน ทางรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้เปิดเผย

ด้านนายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพของรถยนต์ตู้ พบว่ามีความพร้อมในการใช้งานตามมาตรฐานที่ขนส่งกำหนด ทั้งเข็มขัดนิรภัยที่มีการติดตั้งทุกที่นั่ง และผู้โดยสารทั้งหมดที่อยู่ในรถมีการคาดเข็มขัดนิรภัย ตรวจสอบความเร็วจากระบบจีพีเอสพบว่ารถยนต์ตู้วิ่งที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วไปเกิดอุบัติเหตุ จึงสันนิษฐานได้ว่าผู้ขับขี่อาจจะมีการอ่อนเพลียแล้วเกิดอุบัติเหตุ ที่ผ่านมาทางกรมการขนส่งฯ เข้มงวดในส่วนของการตรวจสภาพของรถยนต์สาธารณะ รวมถึงผู้ขับขี่มาโดยตลอด ซึ่งต่อไปจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์สาธารณะและตัวผู้ขับขี่

ขณะที่น.ส.อิสรี เกตุกล่ำ ผอ.คปภ. จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เบื้องต้นรถตู้มีประกันภัยพ.ร.บ. และภาคสมัครใจ ป.1 กับ บมจ.แอลเอ็มจีประกันภัย ซึ่งทางบริษัทพร้อมจ่ายค่าชดเชยตามที่กำหนดทันที ผู้เสียชีวิต รายละ 400,000 บาท ส่วนรถยนต์บรรทุก 10 ล้อมีประกันพ.ร.บ. และภาคสมัครใจ ป.3 กับ บมจ.วิริยะประกันภัย ซึ่งหากผลคดีมีความชัดเจนทางบริษัททั้งสองพร้อมจ่ายค่าสินไหมตามที่กำหนด

รายงานข่าวแจ้งว่า นายจรัญ อักษรศรี อายุ 52 ปี ผู้ขับขี่รถตู้ ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเบื้องต้น ว่ารับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นทั้งหมดในช่วงเช้ามืดวันที่ 8 พ.ย.ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากนั้นช่วงบ่ายอยู่ระหว่างเดินทางมาท่องเที่ยวในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ก่อนถึงจุดเกิดเหตุเกิดวูบพอได้ยินเสียงสัญญาณของจีพีเอสดังเตือนว่าความเร็วเกินจึงรู้สึกตัว เห็นว่ารถ 10 ล้อจอดอยู่แต่ก็เบรกไม่ทันเสียแล้ว

ต่อมานายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอุบัติเหตุดังกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุไม่พบรอยห้ามล้อในบริเวณที่เกิดเหตุ ประกอบกับการตรวจสอบความเร็วจากจีพีเอส แสดงความเร็วสุดท้ายก่อนเกิดเหตุคือ 93 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากความประมาทของพนักงานขับรถ ส่วนเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นพบว่าเกิดจากท่อน้ำมันขาดตรงตำแหน่งการชน โดยรายละเอียดต่างๆ อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และรอผลตรวจเลือดของพนักงานขับรถเพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้มอบหมายให้สำนักงานขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาติดตามผลทางคดีอย่างใกล้ชิด

นายกมลกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ขณะนี้ผลทางคดีจะยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด แต่เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน กรมการขนส่งทางบกได้สั่งถอนรถตู้คันเกิดเหตุออกจากบัญชีประกอบการขนส่ง และให้บริษัท อาร์.แอล. เซอร์วิส จำกัด นำรถทั้งหมดในบัญชี จำนวน 84 คัน เข้ารับการตรวจสภาพโดยละเอียดอีกครั้ง และให้พนักงานขับรถทุกคนของบริษัทเข้ารับการอบรมด้านความปลอดภัยในการขับรถกับกรมการขนส่งทางบก พร้อมเปรียบเทียบปรับฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยความปลอดภัยในอัตราโทษสูงสุดเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท

ด้านพนักงานขับรถสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที มีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป สำหรับในส่วนของการคุ้มครอง ผู้โดยสารและช่วยเหลือเยียวยาญาติผู้เสียชีวิตนั้น ผู้ประกอบการขนส่งได้ทำประกันภัยภาคบังคับตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ 300,000 บาท และประกันอุบัติเหตุภาคสมัครใจเพิ่มเติมกับบริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) 100,000 บาท ซึ่งเบื้องต้นญาติผู้เสียชีวิตจะได้รับการคุ้มครองทันที 400,000 บาทต่อราย และหากผลคดีถึงที่สุดผู้ประกอบการขนส่งมีความผิดจริง จะได้รับการคุ้มครองเพิ่มอีก 500,000 บาทต่อราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาญาติผู้เสียชีวิตชาวญี่ปุ่นพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานทูตชาวญี่ปุ่นประจำประเทศไทย รวมทั้งล่ามคนไทยเดินทางมาสอบถามข้อมูลและทำเอกสารรับศพ โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าทำข่าว โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นญาติ ผู้เสียชีวิตรีบขึ้นรถบัสเดินทางต่อไปยังจุด เกิดเหตุ โดยมี ผกก.สภ.บางปะอิน อธิบายและให้ข้อมูลถึงลักษณะการเกิดเหตุอยู่บนรถบัส ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นญาติของผู้เสียชีวิตซึ่งทราบว่าเป็นบุตรชายและบุตรสาวได้เดินลงมาจากรถทัวร์แล้วเดินตรงไปยังจุดเกิดเหตุ โดยมีสีหน้าโศกเศร้า ทั้งคู่จุดธูปไหว้ทำพิธีเคารพดวงวิญญาณตามความเชื่อ จากนั้นรีบขึ้นรถบัสเดินทางกลับทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน