“หมอยอร์น” เจอข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง หลังตร.สอบสวนอีกรอบ จากกรณีขับเก๋งชนรปภ.สาหัส ส่วนข้อหาเมาขับก็โดนด้วย รรท.รองผบ.ตร. ยันแม้เจ้าตัว ไม่ยอมให้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่ก็สามารถแจ้งข้อหาได้ และเตรียมสอบพยานแวดล้อมต่างๆ ระบุ ไม่เคยได้ยินมีนายตำรวจใหญ่ให้การช่วยเหลือ ด้านสธ.ต้นสังกัดหมอยอร์น ยังไม่ตั้งกรรมการ สอบวินัย ระบุให้คดีสิ้นสุดก่อน กลัวทำงานซ้ำซ้อนตร. ตั้งเพียงกรรมการสอบข้อเท็จจริง เผยเจ้าตัวออกมารับผิดแล้วขอให้สังคมเข้าใจ ขณะที่อาการรปภ.หนุ่มดีขึ้น กรมคุ้มครอง สิทธิฯรุดเยี่ยมแจ้งสิทธิ์ผู้เสียหาย ขณะที่หมอยอร์นให้เลขาฯติดต่อพร้อมดูแลรับผิดชอบ ค่าเสียหาย ยันไม่ได้เมาขับ พร้อมใช้ตำแหน่งตีราคา 5 แสนยื่นประกัน

จากกรณี นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 จ.สงขลา ขับรถชนนายสมชาย ยามดี หรือนัท รปภ.กระทรวงสาธารณสุข แล้วลากไปไกลกว่า 20 เมตร เหตุเกิดภายในกระทรวงสาธารณสุข เวลา 20.30 น. เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา จนนายสมชายบาดเจ็บสาหัส ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ร.พ. พระนั่งเกล้า โดยครอบครัวผู้เสียหายระบุว่านพ.ยอร์นไม่เคยมาเยี่ยมเลย จนกระทั่งปรากฏเป็นข่าว เมื่อวันที่ 13 พ.ย. จึงเดินทางไปเยี่ยมพร้อมเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข และแถลงข่าวยอมรับว่าเป็นผู้ขับรถชน ส่วนเรื่องเมาหรือไม่ ไม่ขอให้สัมภาษณ์ เพราะให้การในชั้นพนักงานสอบสวน ตามที่ข่าวสดนำเสนอ ไปก่อนหน้านี้

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 14 พ.ย. ที่สภ.เมืองนนทบุรี นพ.ยอร์น เดินทางมา พบกับ ร.ต.ท.สุวัฒน์ เสน่หา รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา

พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ ผกก.สภ. เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหาคือ ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย อีกข้อหาคือ เมาแล้วขับ แม้วันเกิดเหตุผู้ถูกกล่าวหา ปฏิเสธการทดสอบ ระดับแอลกอฮอล์ เมื่อพนักงานสืบสวนร้องขอ ซึ่งตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2557 กล่าวไว้ว่า ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบระดับแอลกอฮอล์ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นฝ่าฝืนขับขี่รถขณะเมาสุรา

ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยาน หลักฐาน เพื่อตรวจสอบว่า ในวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมาหรือไม่ ด้วยการสอบถามพยานแวดล้อมที่อยู่ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ

พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์เปิดเผยว่า นพ.ยอร์น ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม และไม่ได้บอก ว่าก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมา จากนี้ต้องสอบถาม ผู้ชำนาญเกี่ยวกับรถยนต์ เพราะนพ.ยอร์น ให้การว่า ถุงลมนิรภัยพองออกมา จึงต้องหาข้อเท็จจริงว่าหากถุงลมพองออกจะปิดบังทัศนวิสัยหรือไม่ ล่าสุดยังเห็นแค่ภาพนิ่งของเหตุการณ์ ไม่เห็นภาพเคลื่อนไหว

จากนั้นพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รองผบ.ตร. และโฆษกตร. เดินทางมาสอบสวน นพ.ยอร์น ซึ่งนพ.ยอร์นให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้ ดื่มสุราหรือมึนเมาขณะขับขี่ แต่ยอมรับว่า วันนั้นไม่ได้ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดระดับ แอลกอฮอล์จริง

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.วิระชัย เปิดเผย หลังสอบปากคำนพ.ยอร์นเสร็จสิ้น ว่า เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานพ.ยอร์น 4 ข้อหา คือ 1.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส 2.ขับรถยนต์ขณะเมาสุรา เป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 160 วรรค 3 3.และกระทำการโดยประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 มีอัตราโทษ จำคุก 2-6 ปี ปรับ 40,000 – 120,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาต 4.พยายามฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 รับโทษ 2 ใน 3 ของโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต คือจำคุก 15 ถึง 20 ปี

พล.ต.อ.วิระชัยเปิดเผยว่า ทั้งหมดถือเป็น การกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ กรรมที่ 1 คือ ผู้ต้องหาชนรั้วประตูจนล้มทับ รปภ. จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนกรรมที่ 2 คือ ช่วงที่ผู้ต้องหาหยุดรถประมาณ 25 วินาที ถือเป็นการไตร่ตรอง ก่อนขับรถทับร่างของรปภ. ลากร่างไปไกลกว่า 20 เมตร มีเจตนาฆ่า รปภ. ให้ถึงแก่ความตาย

ส่วนข่าวที่ออกมาว่า หลังจากก่อเหตุ ผู้ต้องหาติดต่อไปหานายตำรวจใหญ่ ให้สั่งพนักงานสอบสวนไม่ให้เป่าแอลกอฮอล์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีรายงานมาถึง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ต้องรับทราบแน่นอน หากผู้ต้องหาไม่เป่า ทางเจ้าหน้าที่ก็มีหลักฐานพิสูจน์ว่า ผู้ต้องหาอยู่ในอาการมึนเมาได้

พล.ต.อ.วิระชัยเปิดเผยว่า ทั้งนี้จะดูแล และกำกับคดีให้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใสมากที่สุดแก่ทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีตำแหน่งเพียงพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงอย่างคุณหมอ ก็ตาม ส่วนความกังวลว่าการที่ผู้ต้องหาไม่ได้ตรวจแอลกอฮอล์ แล้วอาจจะทำให้ข้อกล่าวหานี้ถูกยกฟ้องนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่มีพยาน แวดล้อม พยานในที่เกิดเหตุพบเห็น หรือพยานหลักฐานอื่นๆ ที่จะยืนยันว่าผู้ต้องหา อยู่ในอาการมึนเมาขณะเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะข้อหาเมาสุราแล้วขับ

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ยอร์นใช้ตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 ตีราคา 5 แสนบาท ยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบ สวน ขณะที่พนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัว

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวง สาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับการดูแลช่วยเหลือ นั้น ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดสธ. กำชับให้ดูแลอย่างดี ส่วนเรื่องคดีจะเป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยนพ.ยอร์นด้วยหรือไม่ พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า ปกติขั้นตอนจะเข้าสู่กระบวนการ ทางคดี โดยทราบว่า นพ.ยอร์นได้เดินทางไปสถานีตำรวจแล้ว หากคดีสิ้นสุด ตามระบบราชการก็จะพิจารณาว่าเกี่ยวโยงกับระเบียบราชการอย่างไรบ้าง และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยตามระเบียบของข้าราชการพลเรือนพิจารณา แต่ขณะนี้คดียังไม่สิ้นสุด ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการก่อน

“ที่ไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยควบคู่ ไปนั้น เพราะต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเราตั้งควบคู่ไปก็จะเหมือน เราทำเรื่องแทนตำรวจ แต่หากนพ.ยอร์น หลบหนีทาง สธ.จะดำเนินการได้ตามระเบียบราชการได้เลย ขอให้สังคมมั่นใจว่า สธ.ไม่นิ่งนอนใจหากผู้กระทำผิดหลบหนีหรือไม่รับผิดชอบ เราจะดำเนินการตามระเบียบข้าราชการพลเรือนทันที แต่เบื้องต้นผู้กระทำผิดออกมารับผิดชอบและให้ความร่วมมือแล้ว” พญ. พรรณพิมลกล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ปิยะสกล สกล สัตยาทร รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม. ว่า เจ้าตัวออกมาแสดงสปิริตยอมรับและดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว กรณีดังกล่าวเป็นคดีอาญา ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ส่วนจะตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยหรือไม่นั้นต้องพิจารณาก่อน เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นอยู่นอกเวลาราชการ

เมื่อถามว่าหากตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยหรือไม่ รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า ต้องว่าตามกฎหมาย เรื่องอาญาต้องถามตำรวจ ตนไม่ใช่ตำรวจ ทุกอย่างว่าตามเนื้อผ้าและข้อเท็จจริง ต่อข้อถามว่า ในวันเกิดเหตุ นพ.ยอร์น มีอาการเมาสุรา หรือไม่ นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า ต้องไปดู เพราะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไปสอบสวน

ต่อมาในช่วงบ่าย พญ.พรรณพิมลให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น เพื่อ ให้มั่นใจว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นคนของกระทรวงสาธารณสุข และ เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนราชการ พร้อมกำชับทีมแพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ดูแลรปภ.ผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด และจะดูแลภรรยาที่ทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุขด้วย เช่นกัน

“อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มไฟส่องสว่าง ที่ประตูทางเข้า-ออกทุกประตู ตัดแต่งต้นไม้ สำรวจแก้ไขบริเวณจุดเสี่ยงอื่นๆ โดยเฉพาะบริเวณประตูทางเข้า-ออกด้านสถาบันบำราศ นราดูรที่เป็นจุดเกิดเหตุ ที่ค่อนข้างมืด และประตูโปร่งสีเข้มกลืนกับความมืด จะต้องมีการปรับปรุงให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น และต้องทาสีรั้วใหม่ จากสีเขียวให้เป็นสีสะท้อนแสง” พญ.พรรณพิมลกล่าว

ขณะที่นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า สงสัยว่าทำไมนพ.ยอร์น ที่ระบุว่าไม่เมา ทำไมไม่ยอมตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ถ้าไม่เมาจริง ก็รีบตรวจทันที อย่างไรก็ตามกฎหมายใหม่กล่าวไว้ว่า ถ้าผู้ใดไม่มีความประสงค์จะตรวจแอลกอฮอล์ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิสันนิษฐานได้เลยว่า ผู้นั้นเมา โดยการดูจากพยานแวดล้อมประกอบ ดังตัวอย่างเช่น การตรวจสอบว่าเวลาพูด มีการพูดอ้อแอ้หรือเปล่า พูดออกมามีกลิ่นแอลกอฮอล์หรือเปล่า มีการเดินเซหรือเปล่า ถ้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเก็บพวกนี้ไว้เป็นหลักฐานไว้ได้เลย ทั้งการอัดคลิปวิดีโอไว้ ทางศาลสามารถตัดสินว่าผู้นั้นเมาได้ และสามารถเอาผิดกับผู้นั้นได้

สำหรับอาการของนายสมชาย รปภ.ที่ถูกชน นพ.สกล สุขพรหม รองผอ.ร.พ.พระนั่งเกล้า กล่าวว่า จากการตรวจอาการเมื่อช่วงเช้า พบว่า อาการคงที่ สัญญาณชีพปกติ ระดับความรู้สึกตัวสามารถตอบสนองดีขึ้น ยกมือยกเท้าได้ เมื่อบอกให้ชู 2 นิ้ว ก็สามารถทำได้ สัญญาณตอบสนองทางสมองอยู่ในระดับดี เพียงแต่ยังไม่พ้นวิกฤต ยังไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ จึงต้องประเมินต่อไปว่าอีก 1-2 สัปดาห์หากยังหายใจเองไม่ได้ จำเป็นต้องเจาะคอ ทั้งนี้พบว่ามีไข้สูงประมาณ 38.2-38.3 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อหลังผ่าตัด ต้องปรับยาปฏิชีวนะ และเพาะเชื้อคาดว่าจะทราบพบ 2-3 วัน ทั้งนี้เมื่อเป็นอุบัติเหตุ ผู้ป่วยมีสิทธิรักษาฟรี 72 ชั่วโมง

ต่อมาเวลา 11.30 น. น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เดินทางเข้าเยี่ยมนายสมชาย ที่ร.พ.พระนั่งเกล้า เพื่อเป็นการให้กำลังใจและแจ้งสิทธิต่างๆ ให้แก่ญาติของ ผู้เสียหายได้รับทราบ โดยพูดคุยกับนายชัยณรงค์ นาคไทย พี่ชายของนายสมชาย

น.ส.ปิติกาญจน์กล่าวว่า กรมคุ้มครองสิทธิฯ มีความห่วงใยถึงสิทธิของนายสมชายซึ่งเป็นผู้เสียหาย จึงจะเข้าเยี่ยมเพื่อให้ความช่วยเหลือดูแลเรื่องการเยียวยา รวมทั้งแจ้งสิทธิแก่ญาติผู้เสียหายในกระบวนการยุติธรรม เช่น การช่วยเหลือ ตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 การให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย รวมทั้งสิทธิอื่นๆ ในกระบวนการยุติธรรม และการประสานส่งต่อช่วยเหลือด้านอื่นๆ แก่ครอบครัว เนื่องจากผู้เสียหายเป็นหัวหน้าครอบครัว

น.ส.ปิติกาญจน์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยกับทางครอบครัวของผู้เสียหายในส่วนของคดีทางแพ่ง การชดใช้จากส่วนต่างๆ เพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบ เพราะทางครอบครัวของผู้เสียหายมีฐานะยากจน ทั้งจากการประกันภัยรถยนต์ ที่คาดว่าจะได้เบื้องต้นก่อนประมาณ 35,000 บาท ส่วนค่ารักษาพยาบาลจะต้องดูในเรื่องของประกันสังคม บัตรทองของผู้เสียหาย ว่ามีสิทธิอะไรบ้าง

ด้านนายชัยณรงค์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ได้เห็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์ ทางครอบครัวเกิดความไม่พอใจ แต่เมื่อนพ.ยอร์นออกมาแสดงความรับผิดชอบทั้งหมด จึงขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่จะมีการพูดคุยและบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการช่วยเหลือ ทั้งค่ารักษาพยาบาล เงินเยียวยา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ส่วนคดีความทางอาญาก็ขอให้เป็นหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายชัยณรงค์กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเหตุนพ.ยอร์น ส่งเลขาฯ มาดูแลครอบครัวและให้ความเชื่อมั่นว่าจะไม่หลบหนี ส่วนสถานะทาง ครอบครัวนั้น นายสมชายถือเป็นเสาหลัก ในการดูแลแม่ที่กำลังป่วย น้องชาย ภรรยา และ ลูกติดอีก 2 คนด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน