ตร.จำลองเหตุจุด”นพ.ยอร์น” ขับเก๋งชนรปภ. เจอพิรุธเพียบ รองผบ.ตร.เผยที่เกิดเหตุมีแสง สว่างเพียงพอมองเห็นชัดในระยะ 50-100 เมตร ไม่ตรงกับนพ.ยอร์นอ้างมองไม่เห็น ระบุตอนเกิดเหตุมีรถคันหลังจอดเปิดไฟอยู่ด้วย-เป็นพยานปากสำคัญ ส่วนที่อ้างถุงลมนิรภัยทำงานแล้วมองไม่เห็น เมื่อลองทดสอบพบมองเห็นร่างรปภ.ได้จากกระจกมองข้าง แถมรถคันเกิดเหตุมีลักษณะต่ำ เมื่อขับชน-ทับรปภ.จึงต้องรู้มีคนอยู่ใต้ท้องรถ เพราะต้องเร่งเครื่องขับข้ามร่างไป พร้อมเอาผิดเพิ่มอีกข้อหา ด้านรปภ.อาการดีขึ้น เริ่มรู้สึกตัว-แต่ยังใส่เครื่องช่วยหายใจ ญาติหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม
จากกรณี นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 จ.สงขลา ขับรถชนนายสมชาย ยามดี หรือนัท รปภ.กระทรวงสาธารณสุข แล้วลากไปไกลกว่า 20 เมตร เหตุเกิดภายในกระทรวงสาธารณสุข ช่วงค่ำเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา จนนายสมชายบาดเจ็บสาหัส โดยนพ.ยอร์นอ้างมืดเลยมองไม่เห็น ขณะที่ตำรวจเอาผิดข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง เมาแล้วขับและขับรถโดยประมาท ส่วนกระทรวงสาธารณสุขยังไม่ตั้งกรรมการสอบวินัย ระบุให้คดีสิ้นสุดก่อน กลัวทำงานซ้ำซ้อนตำรวจ แต่ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ด้านอาการ รปภ.หนุ่มดีขึ้น ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหัวค่ำวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รอง ผบ.ตร. พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางมายังจุดเกิดเหตุที่ นพ.ยอร์น ขับรถชนรปภ. บริเวณประตู 2 ด้านร.พ. บำราศนราดูร เพื่อตรวจดูจุดเกิดเหตุตามเวลาและสถานที่จริง โดยจะได้เห็นว่าช่วงเวลาเกิดเหตุทัศนวิสัยมืดมากแค่ไหน ตามที่ นพ.ยอร์น กล่าวอ้างกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ พร้อมให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจำลองเหตุการณ์ วัดระยะการเบรกของรถเป็นช่วงต่างๆ เพื่อมองแสงไฟจากหน้ารถส่องถึงประตูรั้วเหล็กว่าเห็นชัดเจนแค่ไหน จากจุดประตูรั้วเหล็กที่เริ่มทับร่างของรปภ. ก่อนลากร่างไปจนถึงจุดที่รถยนต์ไม่สามารถไปต่อได้ รวมระยะทางเกือบ 30 เมตร
พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.02 น. ดังนั้น ทัศนวิสัยการมองเห็นของสถานที่จริงในที่เกิดเหตุเป็นเรื่องสำคัญ จึงจำเป็นต้องพิสูจน์ให้ชัดเจน และจากการพิสูจน์ทำให้ชัดเจนแล้วว่าจุดเกิดเหตุมีแสงสว่างเพียงพอแน่นอนและมองได้ชัดเจนในระยะตั้งแต่ 50-100 เมตร ดังนั้น การมองไม่เห็นตามที่ นพ.ยอร์นกล่าวอ้างกับเจ้าหน้าที่จึงไม่ใช่
จากนั้นช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ. วิระชัย นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาจำลองเหตุการณ์ยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยพล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า มาจำลองเหตุการณ์เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน โดยทราบว่าลักษณะการชนประตูรั้วคนขับได้ขับมาด้วยความเร็วที่ไม่เกินจากกฎหมายกำหนด แต่ลักษณะของการชนแบบนี้ไม่ว่าเร็วหรือช้า ส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งขณะเกิดเหตุรถยนต์ได้ชนประตูรั้ว ในขณะประตูรั้วปิดสองด้านและไปชนกับ รปภ.ที่กำลังปิดประตู จน รปภ.กระเด็นไป 7 เมตร จากนั้นรถเคลื่อนไปทับร่างรปภ.
พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวอีกว่า ในส่วนของแสงสว่างบริเวณจุดเกิดเหตุพบมีหลอดไฟติดอยู่มาก แสงสว่างมีเพียงพอต่อการมองเห็นและมีรถคันหลังที่มาจอดและเปิดไฟหน้ารถอยู่ ไฟส่องสว่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเจ้าของรถที่จอดอยู่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนคำให้การ นพ. ยอร์นที่ระบุถุงลมนิรภัยเกิดทำงาน เป็นเหตุให้บังทัศนวิสัยด้านหน้ารถและมองไม่เห็นคนเจ็บ จากการจำลองเหตุการณ์พบว่าสามารถมองเห็นคนเจ็บได้จากกระจกด้านขวา จะเห็นคนเจ็บนอนเจ็บอยู่ หรือหากมองจากกระจกด้านหลังก็สามารถเห็นร่างคนเจ็บได้แน่นอน
พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวต่อว่า ส่วนคำให้การ นพ.ยอร์นที่ระบุไม่ได้ยินเสียงหรือรู้สึกว่าทับร่างรปภ.นั้นเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถที่ต่ำ เมื่อขับข้ามคนจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขับผ่านคนได้ จะต้องเร่งคันเร่ง เพื่อให้รถขับข้ามร่างรปภ. ทำให้ร่างของรปภ.เฉียงไปทางด้านขวามือ หลังจากนั้นก็มีการขับต่อ เพื่อให้ข้ามร่างของรปภ.อีกครั้ง ในตอนนั้นรถยนต์จะต้องโดดและมีเสียงขูดตลอดเวลาในระหว่างเคลื่อนที่ไป แต่เพียง ผู้ขับขี่ไม่หยุดเท่านั้นเอง จึงยืนยันว่าผู้ขับจะต้องรู้ว่ามีร่างของ รปภ.อยู่ใต้ท้องรถแน่นอน
พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเพิ่ม 1 ข้อหาคือขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บแล้วหลบหนีและไม่หยุดลงมาช่วยเหลือ และไม่แจ้งเหตุให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบ รวมดำเนินการเอาผิด 5 ข้อหา ส่วนการเอาผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น เนื่องจากผู้ขับขี่มีเจตนาที่จะใช้ทั้งล้อหน้าและล้อหลังทับไปที่จุดสำคัญ ส่วนผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่การสืบสวนจะต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน
ขณะที่ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้ว มี นพ. ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน และมอบให้ตนรับผิดชอบเรื่องนี้ โดยได้สั่งการให้ฝ่ายอาคารสถานที่เร่งเพิ่มความปลอดภัยด้าน การจราจรภายในกระทรวง โดยประสานการไฟฟ้านคร หลวงเขตนนทบุรี สำรวจและ ติดตั้งไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มไฟส่องสว่างทุกประตูเข้า-ออก ตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ไม่ให้บดบังแสงไฟ พร้อมทาสีสะท้อนแสงบนประตูรั้วเดิมที่เป็นสีเขียวเข้ม เพื่อให้เห็นชัดเจน ยกเว้นประตูด้านสถาบันบำราศนราดูรต้องรอจนกว่าคดีสิ้นสุด
ด้าน นพ.สกล สุขพรหม รอง ผอ.ร.พ. พระนั่งเกล้า กล่าวว่า เบื้องต้นจากการประเมินอาการของนายสมชายพบว่ามีสัญญาณชีพปกติขึ้น ผู้ป่วยเริ่มรู้สึกตัวและตื่นลืมตามากขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำตามคำสั่งได้ดี แต่ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ โดยภายในวันที่ 15 พ.ย. จะทดลองถอดเครื่องช่วยหายใจ เพื่อดูว่าผู้ป่วยสามารถหายใจด้วยตัวเองได้หรือไม่ ส่วนแขนซ้ายที่มีอาการอ่อนแรงนั้นขณะนี้เริ่มมีแรงมากขึ้น แต่ยังมีไข้อยู่ แพทย์จึงยังต้องให้ยาปฏิชีวนะและต้องรอผลเพาะเชื้ออีก 3-5 วัน เพื่อหาสาเหตุของอาการไข้ว่าเกิดจากอะไร
ส่วนบ้านเกิดนายสมชายใน ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ บรรดาญาติพี่น้องต่างเป็นห่วงอาการของนายสมชาย ทั้งในส่วนของคดีและอาการบาดเจ็บ เนื่องจากครอบครัวยากจน โดยนายสมชัย ยามดี อายุ 54 ปี น้าชายของคนเจ็บ เล่าว่า หลังทราบข่าวทั้งลุงป้าน้าอาต่างตกใจและมีความเป็นห่วงมาก เพราะผู้ขับ รถชนเป็นถึงนายแพทย์ เป็นคนมีฐานะ ต่างจากหลานที่เป็นแค่ รปภ. โดยหลานเป็นคนน่าสงสาร พ่อเสียชีวิตไปแล้ว ก็เดินทางไปหากินที่กรุงเทพฯ กับแม่ ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ ตอนนี้อยากไปเยี่ยมหลาน แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะกำลังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ส่วนหนึ่งเกรงว่าหลานจะไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านคดี อีกส่วนหนึ่งก็คิดว่าแพทย์ที่ขับรถชนน่าจะสงสารหลาน เพราะทำงานอยู่สถานที่เดียวกัน เพียงแต่คนละหน้าที่
