พยานเท็จ! ตร.จ่อฟันยกแก๊งพิษคดี”ครูจอมทรัพย์” หลังศาลฎีกายกคำร้องขอรื้อฟื้นคดีขับรถชนคนตาย ผบก.นครพนมตั้งทีมสอบรูด ขอคัดสำเนาคำพิพากษาดูคำเบิกความชั้นสืบพยานมีใครเกี่ยวข้องบ้าง ลุยแจ้งความกับ 3 โรงพักในพื้นที่เกิดเหตุ เอาผิดทั้งแจ้งความเท็จ ให้การเท็จ เบิกความเท็จต่อศาล ขณะที่ทนายความระบุ เมื่อศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลเดิม ถือว่าครูจอมทรัพย์ไม่ได้เป็นแพะ เรื่องกระบวนการเยียวยาต้อง จบลง ส่วนขั้นตอนต่อไปเป็นหน้าที่ตำรวจที่จะเข้าไปตรวจสอบเอาผิดใคร

จากกรณีศาลจังหวัดนครพนมอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครู ผู้ต้องหาคดีขับรถชนคนตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548 ในพื้นที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ซึ่งศาลฎีกาตัดสินให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน ต่อมาเมื่อครูจอมทรัพย์ พ้นโทษ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรื้อคดีตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 รวมทั้งทำเรื่องขอกลับเข้ารับราชการตามเดิม จนกระทั่งศาลจังหวัดนครพนมอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา “สั่งยกคำร้อง” เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานของนางจอมทรัพย์ที่นำสืบในชั้นศาลระหว่าง วันที่ 8-10 พ.ย.2559 ไม่น่าเชื่อถือ รวมทั้งมีพิรุธ ศาลจึงมีความเห็นให้ยกคำร้องทำให้คดีนี้เป็นอันยุติหลังยืดเยื้อมาหลายปี ขณะที่ตำรวจเตรียมเอาผิดผู้ที่มาให้การเท็จ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 18 พ.ย. ที่สภ.เมืองนครพนม จ.นครพนม พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หลังศาลจังหวัดนครพนม อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้ยกคำร้อง โดย พล.ต.ต.สุวิชาญ เปิดเผยหลังการประชุมว่า ขณะนี้ได้แต่งตั้งให้ พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ด้านการสืบสวนสอบสวนคดีครู จอมทรัพย์ ซึ่งอยู่ระหว่างขออนุญาตคัดสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกาจากศาลจังหวัดนครพนม หลังได้คำเบิกความในศาลตั้งแต่ต้น และในชั้นสืบพยานระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ.2559 ที่ผ่านมานั้นคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ก็อาจจะรู้ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง

พล.ต.ต.สุวิชาญกล่าวต่อว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างให้คณะทำงานชุดนี้รวบรวมพยานหลักฐาน ตลอดจนคำให้การของพยานที่เคยไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปรากฏไว้กับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่เกิดเหตุต่อเนื่องในคดีนี้คือ สภ.นาโดน สภ.เรณูนคร และ สภ.เมืองนครพนม ซึ่งตนกำลังดูอยู่ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง โดยอาจจะขออนุญาตคัดสำเนาคำเบิกความจากศาลจังหวัดนครพนม ในขณะเดียวกันยังจะขอดูคำเบิกความในสืบพยานชั้นศาลในขณะนั้นมาประกอบ หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้ว คาดภายใน 1-2 วันนี้ ตนก็จะให้คณะทำงานชุดนี้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ทั้ง 3 แห่ง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ให้การเท็จในครั้งนั้น ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องขอเวลาดูคำให้การของพยานและคำเบิกความเสียก่อน เพื่อดำเนินคดีในข้อหาให้การเท็จต่อไป

“กรณีนี้ พ.ต.ท.ทงศักดิ์ โพธิ์โหน่ง พนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีขณะนั้น ซึ่งปัจจุปันเกษียณอายุราชการแล้ว สามารถแจ้งความเอาผิดได้เนื่องจากเป็นเจ้าของสำนวนคดีและตกเป็นจำเลยสังคมว่าจับแพะ คาดว่าใช้เวลาไม่นานในการสืบสวนเนื่องจากพยานหลักฐานต่างๆ ก็มีบ้างอยู่แล้ว แต่ต้องสอบสวนพยานบุคคลต่างๆ มาประกอบกับคำพิพากษาด้วย” พล.ต.ต.สุวิชาญ ระบุ

วันเดียวกัน นายพงศา ราตรี ทนายความของครูจอมทรัพย์ ในฐานะฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า คดีครูจอมทรัพย์เมื่อมีคำพิพากษาของศาลฎีกาออกมาถือเป็นที่สิ้นสุด หน้าที่กระทรวงยุติธรรมได้ดูแลและรวบรวมหลักฐาน ให้ศาลพิจารณารื้อคดีตามคำร้องทุกข์ เมื่อสิ้นสุดศาลฎีกาตัดสินว่ายืนตามศาลชั้นต้นและศาลฎีกาเดิม ถือว่าครู จอมทรัพย์ ไม่ได้เป็นแพะ ในเรื่องของกระบวน การเยียวยาต้องจบลง ส่วนเนื้อหารวมถึงคำพิพากษาตัดสินของศาลนั้น ในการนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาเบิกความต่อศาลของฝ่ายผู้ร้อง ถือว่าไม่ใช่หลักฐานและเป็นหลักฐานที่เชื่อถือไม่ได้ ส่วนขั้นตอนต่อไปคงต้องเป็นหน้าที่ของทางหน่วยงานตำรวจ ว่าจะเข้าไปตรวจสอบเอาผิดใคร

“หากพูดถึงตัวครูจอมทรัพย์เองว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ จะต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานทั้งหมด เพราะส่วนหนึ่งจากหลักฐาน ในช่วงระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพื่อขอรื้อคดี พบว่า เป็นช่วงที่ครูจอมทรัพย์ ยังอยู่ในเรือนจำ อย่างไรก็ตามทางกระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการตามภารกิจเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเรื่องที่ตามมาให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรับผิดชอบ” นายพงศากล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน