กลายเป็นที่ฮือฮาหลังจากการเดินบนเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2020 ในรอบชุดประจำชาติ เมื่อสาวงามจากประเทศเมียนมาได้ออกมาแสดงและสื่อสารถึงชาวโลกพร้อมกับชูป้าย “Pray for Myanmar” วันนี้ ทีมข่าวสด จะพาทุกคนไปรู้จักกับสาวงมตัวแทนจากประเทศเมียนมาคนนี้กัน

ธูซาร์ วินท์ ลวิน วัย 22 ปี ผู้ครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์สพม่า 2020 เธอได้ชื่อใช้วงการว่า ‘แคนดี้ธูซาร์’ เธอนั้น เธอมีอาชีพเป็นนางแบบและบล็อกเกอร์ความงาม และกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย East Yangon เอกภาษาอังกฤษ ในปีสุดท้าย ก่อนที่จะลงประกวดมิสยูนิเวิร์สพม่า 2020

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และอาหาร

โดยเธอเป็นตัวแทนจากเมืองฮ่าค่า จากรัฐชีนเป็นคนแรก ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้ครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์สแล้วนั้น เธอยังกวาดรางวัลพิเศษไปอีก 4 รางวัล นั่นก็คือคือ รางวัลชุดราตรียอดเยี่ยม , Miss Photogenic , Miss Healthy Skin, Miss Dentiste Award อีกด้วย

ทั้งนี้ในตอนแรกก่อนเริ่มการประกวดนั้นเหล่าแฟนนางงามก็เกือบจะสิ้นหวัง ที่จะเห็น ‘มิสยูนิเวิร์สพม่า’ เดินเฉิดฉายบนเวทีโลก เพราะไม่มีการเคลื่อนไหวหรือยืนยันเรื่องการเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมใดๆ อย่างเป็นทางการ ซึ่งสาเหตุที่กองประกวดพม่าไร้ความเคลื่อนไหว นั้นก็คาดว่าทางกองประกวดได้ถูกออกหมายจับจากทางการพม่า ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ส่ง ฮาน เลย์ รองอันดับหนึ่งมิสยูนิเวิร์สพม่า และมิสแกรนด์พม่าที่ได้เข้าร่วมการประกวดมิสแกรนด์ที่เมืองไทยนั่นเอง

และเช่นเดียวกันกับ ฮาน เลย์ ธูซาร์ วินท์ ลวิน ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาเป็นกระบอกเสียงด้วยเช่นเดียวกัน เธอเคยเดินร่วมถนนพร้อมกับผู้ชุมนุมมาแล้วหลายครั้ง และเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่ชาวพม่าให้ความสนใจรวมถึงติดตามเรื่องราวและการแสดงจุดยืนของเธอ ทำให้เป็นที่จับตามองว่าเธอนั้นจะแสดงออกต่อสถานการณ์ในประเทศอย่างไรบนเวทีการประกวดระดับโลก

บอกเลยว่าเธอเป็นสาวงามใจสู้อีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากการแสดงออกทางการเมืองแล้ว เธอยังจัดทำโครงการที่ส่งเสริมให้ผู้คนตระหนักถึงมะเร็งเต้านม จากประสบการณ์ตรงที่เธอประสบมาด้วยตนเอง เพราะตอนที่เธออายุ 19 นั้น เธอได้ตรวจพบกับก้อนเนื้อที่เต้านมทั้ง 2 ข้าง และกำลังจะกลายเป็นมะเร็ง ทำให้เธอต้องเข้ารับการผ่าตัด เพื่อตัดก้อนเนื้อร้ายทิ้ง

แต่นั่นก็ส่งผลให้เธอมีแผลเป็นแบบถาวรที่เต้านมทั้ง 2 ข้าง ซึ่งมันทำให้เธอไม่มีความมั่นใจ และผิดหวังเป็นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อลบรอยแผลเป็นนี้ออกแต่มันก็ไม่หายไป มันทำให้เธอเริ่มตั้งคำถาม ว่าทำไมเธอจะต้องลบมันออกในเมื่อ “ตัวฉันก็ยังคงเป็นตัวฉัน” และค้นพบว่าไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนของเธอและคุณค่าที่เธอมอบให้ตัวเองได้ และทุกวันนี้เธอก็รู้สึกดีใจที่ได้ผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายนั้นออกไป มันทำให้เธอมีพลังและรักตัวเองมากยิ่งขึ้น

เพราะหากเธอไม่ผ่าตัดเธอก็อาจจะเสียชีวิต เพราะโรคมะเร็งแล้ว ทำให้รอยแผลนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นเครื่องเตือนความจำ “ฉันอยากจะบอกว่าผู้หญิงทุกคนที่เป็นโรคนี้ว่า ‘อย่าละอายในแผลเป็นที่คุณมี’ และ ‘คุณต้องเป็นผู้รอดชีวิตที่น่าภาคภูมิใจ’ จงสร้างความตระหนักจากสิ่งที่เราเคยผ่านมาเพื่อเป็นแสงสว่างให้กับผู้หญิงทั้งโลก” เธอกล่าว

ที่มา : Thuzar Wint Lwin

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน