จบไปแล้วสำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 69 ประจำปี 2020 หนึ่งในนางงามที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘ธูซาร์ วินท์ ลวิน’ มิสยูนิเวิร์สเมียนมา

ตลอดการเข้าร่วมการประกวดเธอ เธอได้ใช้เวทีประกวดเพื่อแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศของเธอนับตั้งแต่ที่มีการเกิดรัฐประหารภายในประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอยังได้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ และสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และอาหาร

การเป็นตัวแทนประเทศของเธอในครั้งนี้ เธอได้ใช้เวทีการประกวด เพื่อเรียกร้องความสนใจให้กับการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของเมียนมาและขอความช่วยเหลือจากนานาชาติในการปลดปล่อยผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งถูกควบคุมตัว

“พวกเขาฆ่าคนของเราเหมือนสัตว์” เธอให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากเมียนมา เพื่อเข้าร่วมการประกวด “มนุษยธรรมอยู่ที่ไหน? โปรดช่วยเรา เราทำอะไรไม่ได้เลยที่นี่” และระหว่างการประกวดในรอบชุดประจำชาติเธอก็ได้ออกไปพร้อมกับชูป้าย “Pray for Myanmar” ก่อนที่ชุดดังกล่าวจะได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมไปในที่สุด แต่การกระทำนั้นก็ทำให้เธอไม่สามารถกลับประเทศได้ เนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัย

แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่เธอจะเดินทางมาเข้าประกวดยังฟลอริดานั้น ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศเธอได้แสดงถึงการต่อต้านการรัฐประหารของเผด็จการทหารมาโดยตลอด ในช่วงแรกเธอทำได้เพียงแค่โพสต์ข้อความ แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ออกไปเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงเคียงข้างประชาชนพม่า ที่ผ่านมาเธอสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงมาโดยตลอด เธอแจกขวดน้ำให้กับผู้ประท้วงในย่างกุ้ง รวมไปถึงการบริจาคเงินออมส่วนตัวให้กับครอบครัวของประชาชนที่ถูกสังหารโดยรัฐบาล

นอกจากนี้เธอยังแสดงการต่อต้านรัฐบาลทหารในเฟซบุ๊กมาโดยตลอด อาทิ การโพสต์รูปถ่ายขาวดำของตัวเองที่ถูกปิดตาโดยมีเทปปิดปากและมัดมือไว้ เธอว่าการโจมตีของทหารทำให้ประเทศต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว “ทหารลาดตระเวนในเมืองทุกวันและบางครั้งพวกเขาก็ตั้งเครื่องกีดขวางเพื่อขัดขวางคนที่ผ่านไปมา ในบางครั้งพวกเขาก็ยิงโดยไม่ลังเล เรากลัวทหารของเราเอง เวลาพวกเราเจอเขา พวกเราทำได้แค่รู้สึกโกรธและรู้สึกกลัว”

โดยเส้นทางของเธอการเคลื่อนไหว เพื่อประชาธิปไตยนั้นสามารถย้อนไปได้ไกลตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ และเมื่อตอนที่เธออายุ 7 ขวบนั้นเธอยังเคยอยู่ในเหตุการณ์การประท้วงใหญ่ของกลุ่มพระสงฆ์ ที่ประท้วงต่อต้านการปกครองของทหาร ก่อนทหารจะสั่งให้หยุดการประท้วงด้วยการยิงปืนขึ้นกลางอากาศ ทำให้เธอต้องวิ่งหนีเข้าไปหลบกระสุนปืนในบ้านของคนแปลกหน้า “เรากลัวมาก” เธอเล่า “เราเข้าไปในบ้านคนแปลกหน้าและซ่อนตัวอยู่” และหลังจากนั้นไม่นานทหารก็เริ่มสลายการชุมนุมด้วยการยิงผู้คนที่ออกมาประท้วง

ทั้งนี้เธอยังเป็นหนึ่งในคนรุ่นแรกที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกอย่างเต็มที่ “เราใช้ชีวิตอย่างอิสระมาห้าปีแล้ว” เธอกล่าว “อย่าพาเรากลับไป เรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลก เรามีอินเทอร์เน็ต” และเธอยังได้เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ แต่เมื่อพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของอองซานซูจีชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ก็กลับโดนกองทัพคว่ำผลการเลือกตั้งด้วยการยึดอำนาจ

ที่มา : nytimes

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน