จากกรณี นางอรุณพร หวังสันติพร อายุ 83 ปี เจ้าของกิจการบริษัท กรุงไทยออดิโอ จำกัด ซึ่งผลิตผลงานศิลปินลูกทุ่งในอดีตฟ้องร้องหลังจาก ถูกพนักงานสาว ธนาคารแห่งหนึ่ง โกงเงินไปจำนวน 13,550,000 บาท แต่ทางธนาคารจ่ายค่าเสียหายมา 10 ล้าน ส่วนที่เหลืออีก 3 ล้านกว่าบาทให้ผู้เสียหายไปฟ้องร้องเอาเองนั้น
ทนายรัชพล ศิริสาคร ซึ่งได้ทำคดีดังกล่าว ได้เปิดเผยความคืบหน้าว่า จากกรณี อาม่า (นางอรุณพร หวังสันติพร) เอาเงินไปฝากธนาคารแห่งหนึ่ง รวมเงินประมาณ 13 ล้านกว่าบาท แต่ถูกพนักงานธนาคารยักยอกเงินในบัญชี โดยทำบัญชีปลอมขึ้นมา ทำให้เงินฝาก 13 ล้านกว่าบาท ไม่เข้าธนาคารสักบาท จากการไกล่เกลี่ยธนาคารยอมคืนเงินมาประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนอีก 3.6 ล้าน ให้ไปฟ้องเอา ซึ่งอาม๊าได้เข้าแจ้งความที่กองปราบ 28 พย 62 และยื่นฟ้องทวงเงินคืนต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้
วันที่ 17 พค 63 ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นายประเสริฐ หวังสันติพร สามีอาม่า เจ้าของบริษัท กรุงไทยออดิโอ จำกัด พร้อมด้วย นายวิจิตร หวังสันติพร บุตรชาย และนางวันวิสาข์ หวังสันติพร ลูกสะใภ้อาม่า ทนายรัชพล ศิริสาคร เข้ารับฟังคำตัดสิน ซึ่งศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ธนาคารคืนเงินอามา 3.6 ล้านบาท (อาม๊าไม่ได้มาเพราะเดินไม่ไหวแล้ว)
โดยนางอรุณพร เคยเปิดเผยถึงเรื่องราวดังกล่าวในปีก่อนว่ าตนเป็นลูกค้าฝากเงินประจำกับธนาคารดังกล่าวมาตั้งแต่ยังสาวๆ เงินส่วนใหญ่มาจากเงินเดือนครูสอนภาษาจีนเล่นหุ้นและเงินจากค่ายเพลงจนได้เป็นลูกค้าวีไอพี ทุกครั้งที่ไปทำธุรกรรมที่ธนาคารจะมีเจ้าหน้าที่มาดูแลอำนวยความสะดวกให้เป็นประจำ โดยช่วงหลังพนักงานคนดังกล่าวมาเป็นผู้ดูแลจนไว้วางใจเหมือนญาติคนหนึ่ง เนื่องจากซื้อขนมมาฝากถึงบ้านเป็นประจำ
ต่อมา ในช่วงปี 2558-2560 พนักงานคนดังกล่าว ขอให้เปิดบัญชีธนาคารสาขาคลองสาน 3 บัญชี หลังจากนั้นพนักงานได้ย้ายไปอยู่สาขาถนนตากสิน ก่อนออกอุบายว่าให้ฝากหลายบัญชีจะมีดอกเบี้ยสูง 5.5 เปอร์เซ็น ตนหลงเชื่อตามไปเปิดบัญชีอีก 8 บัญชีรวม 11 บัญชี ยอดเงิน 13,550,000 บาท โดยนำเงินไปมอบให้พนักงานถึงธนาคาร จากนั้นผู้จัดการธนาคารสาขาดังกล่าวโทรมาบอกว่าเจอสมุดบัญชีธนาคารตนตกอยู่ที่ธนาคาร ตนจึงเอะใจ สมุดธนาคารอยู่ที่ตนทั้ง 11 เล่ม จะไปตกที่ธนาคารได้อย่างไร จึงเล่าให้ลูกฟัง ก่อนไปตรวจสอบยอดเงินในบัญชีที่ธนาคาร พบว่าไม่มีข้อมูลการฝากเงินแต่อย่างใด
นางอรุณพร กล่าวอีกว่า จากนั้นเมื่อเดือนมีนาคม 2561 ธนาคารก็ได้แจ้งว่าพนักงานคนดังกล่าวทุจริตเงินลูกค้าไป 4-5 ราย ตอนนี้ติดคุกอยู่เรือนจำ โดยทางธนาคารยอมชดใช้เงินคืนให้พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 10,075,629 บาท ส่วนที่เหลืออีก 3,474,372 บาท ธนาคารไม่คืนให้อ้างว่าตรวจสอบแล้วยอดไม่ตรงกัน ถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องร้องเอา แต่ทางตนไม่สามารถฟ้องร้องได้เพราะคดีอยู่ระหว่างตรวจสอบลายมือชื่อ จนเวลาผ่านไป 1 ปี แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จึงมาร้องกองปราบให้ช่วยเร่งรัดคดีอีกทาง
