นักต้มตุ๋นชายสวมหน้าอกปลอม หลอกชายหนุ่มขี้เหงาร่วม ‘แชทเปลือย’ หลอกอัดคลิปและเก็บไว้แบล็คเมล์ พบเหยื่อยแล้วกว่า 2000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 89 ล้านบาท
เรื่องราวที่เกิดการต้มตุ๋นสุดประหลาดนี้เกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อนักต้มตุ๋นเพศชายได้แปลงกายเป็นผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นการทาผิวให้ขาว แต่งหน้า หรือใส่หน้าอกปลอม เพื่อจะได้มีลักษณะที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดหลัง จากนั้นก็จะเริ่มหลอกเหยื่อผู้ชายขี้เหงาผู้โชคร้ายผ่านการแชท พูดคุยคุย และเปิดกล้องเว็บแคมชวนสยิว
จากนั้นนักต้มตุ๋นก็จะแอบถ่ายผู้ชายเหล่านั้นขณะที่พวกเขากับลังโป๊เปลือย ก่อนจะเปิดเผยตัวว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ชาย พร้อมทั้งใช้คลิปที่แอบถ่ายมาแบล็คเมล์ และให้ส่งเงินมาให้พวกเขาไม่งั้นคลิปเหล่านั้นจะถูกเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ โดยนักต้มตุ๋นเหล่านี้จะใช้เวลานานหลายสัปดาห์ เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจ ก่อนจะล่อลวงให้เหยื่อเหล่านั้นร่วมการแชทเปลือยสุดสยิว
และนักต้มตุ๋นจะหลอกให้พวกผู้ชายดาวน์โหลดโปรแกรมที่ดูเหมือนจะเป็นโปรแกรมวิดีโอแชททั่วไป แต่แท้จริงแล้วโปรแกรมเหล่านั้นเป็นสปายแวร์ที่ออกแบบมา เพื่อสแกนรายชื่อโทรศัพท์และอีเมล ซึ่งการต้มตุ๋นในลักษณะนี้กำลังแพร่ระบาดหนักขึ้น ระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยในช่วงหกเดือนแรกของปี 2020 แผนกความมั่นคงสาธารณะของมณฑลกวางตุ้งได้รับการร้องเรียนมากกว่า 9,000 เรื่องเกี่ยวกับการแบล็กเมล์เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “แชทเปลือย” และมีการระบุแก๊งแบล็กเมล์อย่างน้อย 10 กลุ่ม โดยจับจับกุมผู้กระทำผิดได้ 86 คนตามรายงานของตำรวจ และพบผู้เสียหายไปแล้วอย่างน้อย 2,000 ราย และมีการรีดไถเงินไปแล้วกว่า 2 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 88.9 ล้านบาท
จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาเตือนประชาชนถึงรูปแบบการก่ออาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าว ที่พบได้บ่อยมากขึ้น และยังกระจายไปในหลายพื้นที่ของประเทศจีน ทั้งเจ้าหน้าที่ยังได้ออกมาเปิดเทคนิคที่นักต้มตุ๋นเหล่านั้นใช้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นสามารถหลอกลวงผู้ชายได้อย่างไร และมันสมจริงมากน้อยแค่ไหน
โดยในภาพจะแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชายแต่งกายเป็นผู้หญิง สวมเสื้อชั้นในและกางเกงชั้นใน ก่อนจะดึงผิวหนังเทียมออก เผื่อเผยให้เห็นหน้าอกชายที่อยู่ข้างใต้ “คุณคิดว่าสิ่งที่คุณเห็นเป็นอย่างที่คุณคิดหรือไม่?” “คุณผู้ชายอย่าแชทเปลือยมันเป็นการหลอกลวง” วิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ครั้งแรกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังวัดเจ้อเจียง ก่อนจะถูกแชร์ต่อไปโดบัญชีโซเชียลของตำรวจทั่วประเทศจีน เพื่อที่ประชาชนจะได้รู้ทันกลยุทธ์ดังกล่าว
ที่มา : thesun
