ตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ที่ 12 มิ.ย. ยาวจนมาถึงวัน โดยชาวเน็ตได้มีการพูดถึง แฮชแท็ก #เหยื่อจิตอาสาไม่ได้มีคนเดียว เผื่อเผยแพร่ถึงเรื่องราวความเน่าเฟะของเครือข่ายจิตอาสาแห่งหนึ่ง
โดยเรื่องราวได้เริ่มต้นหลังจากที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ได้เล่าถึงชายคนหนึ่ง ที่มักจะเข้าไปติดต่อขออนุญาตโรงเรียนมัธยมในละแวกนั้นให้นักเรียนมาร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กับเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการ เข้าค่ายจิตอาสา จัดกิจกรรมนอกสถานที่ หรือการพาเด็กไปเรี่ยไรเงินต่าง ๆ แต่เรื่องราวที่กลายเป็นประเด็นอย่างหนักนั่นก็คือเรื่องราว ‘การคุกคามทางเพศ’ เด็กผู้หญิงที่ไปเข้ามร่วมกิจกรรมดังกล่าว จากผู้ชายคนนี้คนเดียว
โดยชาวเน็ตได้ระบุถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า ชายคนนี้มักจะเข้าหาเด็กผู้หญิงที่หน้าตาดี ดูซื่อ ๆ หรือกำลังมีปัญหา โดยจะทำเหมือนว่าเข้ามาช่วยปลอบใจ หรือเคลียร์ปัญหาต่าง ๆ ให้ ก่อนจะใช้โอกาสนี้คุกคามทางเพศเด็กหญิงในลักษณะต่าง ๆ และถ้าหากออกค่ายไปนอนค้างต่างจังหวัด ชายคนนี้ก็มักจะจัดให้มีเด็กผู้หญิงมานอนข้าง ๆ เขาตลอดก่อนจะฉวยโอกาสกับเด็กผู้หญิงเหล่านั้น ทั้ง ๆ ที่ตนเองนั้นก็มีภรรยาและลูกสาวแล้ว
แต่เด็กหญิงส่วนใหญ่ก็มักจะเก็บเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้เป็นความลับ จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีการออกมาพูดเปิดใจกันระหว่างเพื่อน ก็พบว่าหลาย ๆ คนได้เจอประสบการณ์การคุกคามทางเพศจากชายเดียวกันทั้งหมด ทั้งนี้เหยื่อที่เคยโดนคุกคามทางเพศนั้นก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าชายคนนี้ได้กระทำในลักษณะดังกล่าวมาร่วม 10 ปีแล้ว
หากเด็กคนไหนที่รู้เท่าทันชายคนนี้และตีตัวออกห่าง ก็จะโดนใส่ร้ายและนินทาต่าง ๆ นานา และชายคนนี้ยังได้สร้างเครือข่ายภายในโรงเรียนกลาย ๆ ผ่านเด็กในเครือข่าย นอกจากนี้ชายคนนี้ยังมีสำนักงานที่ใช้เป็นตึกบัญชาการรวมพลเตรียมกิจกรรมจิตอาสา แต่เหยื่อจะเรียกที่นี่ว่า “โรงเชือด” หรือแหล่งมั่วสุม เพราะนายหนึ่งมักเรียกเด็ก ๆ เข้าไปนวดให้อยู่บ่อยครั้ง
และยังมีการเปิดเผยว่าชายคนนี้นั้นมักจะให้เด็ก ๆ ออกไปเปิดรับบริจาคตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ไม่เคยมีเอกหรือรายละเอียดการเงินออกมาให้เห็นเลย พร้อมทั้งตั้งคำถามไปถึงคนใหญ่คนโตภายในโรงเรียนว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นมานาน แต่ก็ไม่ได้มีการจัดการใด ๆ
ทำให้ต้องออกมาแชร์เรื่องราวดังกล่าวบนโลกออนไลน์ เพื่อให้ไม่เกิดเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นกับรุ่นน้องรุ่นหลังอีก และยังมีการพูดคุยเรื่องราวดังกล่าวใน clubhouse จึงทำให้เห็นว่าเหยื่อของชายคนนี้นั้นไม่ได้มีเดียว จึงได้เริ่มมีการเปิดโปงผ่านทวิตเตอร์ รวมทั้งตามหาเหยื่อและหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม
