‘อนุทิน’ ย้ำ’ปีใหม่’ เน้น 3 ม ลดอุบัติเหตุ สกัดโควิด มีวินัยรับผิดชอบต่อตัวเอง คนรอบข้าง เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่บุคลากรการแพทย์ พร้อมด่านชุมชนคัดกรอง

วันที่ 27 ธ.ค.64 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดแถลงข่าวชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วง 7 วันปีใหม่ 2564 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,333 ครั้ง เสียชีวิต 392 ราย บาดเจ็บ 3,326 คน สาเหตุคือขับรถเร็ว 33.6% ดื่มแล้วขับ 33.06%

ดังนั้น เทศกาลปีใหม่ 2565 ซึ่งยังอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด 19 ขอให้ใช้หลัก 3 ม คือ ไม่เมา ใส่แมสก์ และสวมหมวก ขอให้ตระหนักหากขับขี่ยานพาหนะ ต้องไม่ดื่ม ไม่ใช่แค่เมาไม่ขับ แต่ต้องดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม สวมหมวกกันน็อกเวลาขี่รถจักรยานยนต์ ช่วยลดความรุนแรงการบาดเจ็บอวัยวะสำคัญ และใส่แมสก์ช่วยเรื่องโควิด ซึ่งเรารณรงค์ทุกรูปแบบการเตือน

หลักอยู่ที่ว่าอย่าดื่มในช่วงขับขี่ เพราะไม่ได้เสี่ยงแค่ตัวเอง ยังเสี่ยงทั้งผู้โดยสารร่วมทาง และคนที่อยู่ในทางขับขี่ของคนเมาก็เกิดความสูญเสียได้ ต้องแก้ต้นทาง คืออย่าดื่มช่วงขับขี่ ต้องควบคุมตนเองให้ได้

นายอนุทิน กล่าวว่า ปีนี้ สธ.สั่งการชัดเจนให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) แลพ ผอ.รพ.ทุกแห่งอยู่ในพื้นที่ ให้ดูแลสวัสดิภาพประชาชน ผู้บริหารจะแยกย้ายไปตรวจแต่ละพื้นที่ เราเตรียมความพร้อมกรณีฉุกเฉินแต่จะดีมากหากไม่ต้องใช้ รวมถึงมีด่านชุมชน ที่เป็นความร่วมมือฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร อสม.

หากทุกคนร่วมกันเฝ้าระวัง ไม่กินเหล้า รับผิดชอบตัวเองในการขับขี่ รับผิดชอบกับผู้อื่นและประชาชนทั่วไป ถ้าเราใส่ใจไม่เมา สวมหมวก และใส่แมสก์ ก็จะปลอดภัย ถ้าทำตามนี้จะลดอุบัติเหตุไปเยอะ

“เราต้องได้รับความร่วมมือ เราทำได้แค่แนะนำว่าทำอย่างไรให้ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีมาตรการเอาผิด หากขายเหล้าผิดกฎหมาย เกินเวลาหรืออายุไม่ถึง 20 ปี แต่เป็นเรื่องปลายทางไม่ใช่ต้นเหตุ อยากให้ทุกคนสำนึกรับผิดชอบ เพราะดื่มไม่ได้เกิดอันตรายกับเราคนเดียว แต่รอบตัวที่เรารักหรือรักเราทั้งนั้น ไม่ควรบังเกิด

ของขวัญปีใหม่ คือ ทุกคนช่วยกันดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม สอดส่องความปลอดภัยด้วยกัน จะถือเป็นของขวัญสำหรับบุคลากร เราไม่ต้องการสิ่งของ คำสรรเสริญเยินยอ หรือรายได้เพิ่มขึ้น แค่ไม่เมา สวมหมวก ใส่แมสก์ ทำตาม COVID Free Setting ก็เป็นของขวัญแล้ว” นายอนุทินกล่าว

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. กล่าวว่า ขอให้ อสม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และท้องถิ่น ดูแลความปลอดภัยประชาชน ประเมินอาการมึนเมา คัดกรองดื่มแล้วขับไม่ให้ออกไปขับรถบนถนน เฝ้าระวังร้านค้าในชุมชนไม่ให้ฝ่าฝืนกฎหมาย จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกสถานที่และเวลาที่ห้ามจำหน่าย ห้ามจำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ช่วยเคาะประตูบ้าน สื่อสารความรู้การดูแลป้องกันอุบัติเหตุคนในชุมชน

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. กล่าวว่า สั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งส่วนกลางและจังหวัด ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและ รพ.ฝึกทักษะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยฉุกเฉินให้กับชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นของ อปท. เตรียมความพร้อมศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการทีมปฏิบัติการฉุกเฉินของ รพ. เครือข่ายภาครัฐและเอกชน หน่วยปฏิบัติการทางอากาศและเรือ มีหน่วยกู้ชีพ

ทั้งระดับพื้นฐานและระดับสูงประจำบนเส้นทางถนนสายหลักที่มีจุดตรวจ/จุดบริการอยู่ห่างกันมาก เพื่อให้การรักษาพยาบาลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วน รพ.ทุกแห่งมีการเพิ่มจำนวนบุคลากรเป็น 120-130% เตรียมพร้อมห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้อง ICU และระบบส่งต่อ ให้บริการเจาะเลือดตรวจระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุตามที่ตำรวจร้องขอ

เตรียมป้องกันเหตุความรุนแรงในสถานพยาบาลประสานตำรวจท้องที่ตรวจความเรียบร้อยเป็นระยะ หากมีผู้เข้ารับการรักษาจากเหตุทะเลาะวิวาท ให้ส่งกำลังพลมาเตรียมพร้อมระงับเหตุและดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุขั้นเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วย และญาติ ที่มารับบริการ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ผ่านมายังพบร้านค้ากระทำผิด ขอให้พื้นที่ทำงานเชิงรุก ช่วงก่อนเทศกาลออกตรวจเตือน ช่วงเทศกาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ขอความร่วมมือผู้ประกอบการเพื่อป้องกันการกระทำผิด และขอให้ประชาชนช่วยสอดส่อง

หากพบการทำผิดกฎหมาย ขายและดื่มในสถานที่ห้าม เช่น ปั๊มน้ำมัน สถานที่ราชการ สถานศึกษา ศาสนสถาน สวนสาธารณะของราชการ เวลาที่ห้ามขาย เร่ขาย และโฆษณาส่งเสริมการขายให้แจ้งศูนย์ร้องเรียนบุหรี่และสุรา โทร 0 2590 3342 หรือสายด่วน 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในช่วงปีใหม่ 2565 สสส. มีมาตรการสำคัญ ได้แก่ 1.สนับสนุนคณะทำงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) 76 จังหวัด หนุนเสริมการทำงานลดอุบัติเหตุในระดับพื้นที่

2.สนับสนุน “ตำบลขับขี่ปลอดภัย” กว่า 800 ตำบลทั่วประเทศ ทำงานเชิงรุกลดอุบัติเหตุ เน้นกลุ่มเสี่ยงคือผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 3.สนับสนุนเครือข่ายกองร้อยอาสาจราจร และเครือข่ายอาสาสมัคร ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 เน้นการตั้งด่านชุมชนป้องปรามไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และบูรณาการการเฝ้าระวังโควิด 19

และ 4.สื่อสารรณรงค์ภายใต้แคมเปญ “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” เตือนสตินักดื่มแล้วขับ” ว่า “รับไหวหรือ? ปีใหม่นี้ สสส. ชวนช่วยกันลดพฤติกรรมเสี่ยง ลดความสูญเสีย เพื่อให้ทุกคนได้ฉลองในเทศกาลปีใหม่นี้อย่างปลอดภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน