“กอร.รส.”สั่งจัดระเบียบ จิตอาสาให้จยย.ลงทะเบียน หลังรับแจ้งมีคนฉวยโอกาสเก็บเงิน เผยอีกมีคนรับอาหารแจกไปขาย “บิ๊กตู่”ห่วงคนป่วยมาสนามหลวง แนะเขียนอาการติดตัว วธ.ระดมภาพ-คลิปจากประชาชน ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์และความทรงจำ

“บิ๊กตู่”ห่วงคนป่วยมาสนามหลวง

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีจิตอาสาที่ไปร่วมกันทำกิจกรรมที่สนามหลวง ให้ประชาชนที่เดินทางมาแสดงความไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า เรื่องการย้อมผ้าได้จัดหาสถานที่สำหรับเทน้ำทิ้ง อย่าเทลงพื้นดิน ส่วนเรื่องอาหารที่มีคนนำอาหารมาแจกจ่ายจำนวนมากถือเป็นน้ำใจ ซึ่งคงต้องดูว่ามากไป น้อยไปหรือไม่ สิ่งไหนควรปรับแก้ ส่วนอาหารแห้งหรืออาหารบรรจุสำเร็จรูปหากเหลือมากเกินไปเราจะนำไปทำประโยชน์อะไรได้บ้าง เพราะคนที่เดือดร้อนยังมีจำนวนมาก ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก น้ำท่วมก็ยังคงมีอยู่ ได้สั่งการลงไปโดยให้กระทรวงมหาดไทย กทม.นำไปใช้ประโยชน์มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจคือนำไปให้คนที่ท้องสนามหลวงต้องเพียงพอก่อน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนจึงกังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ โรคไข้หวัด และเป็นห่วงผู้ที่มีโรคประจำตัว ใครที่เป็นโรคประจำตัว อาทิ โรคลมชัก โรคความดันโลหิตต้องมีรายละเอียดโรคติดตัวเสมอ หากเกิดอะไรขึ้นจะได้แก้ปัญหาได้ทัน ส่วนเรื่องเด็กที่พลัดหลงต้องมีชื่อ-ที่อยู่ผู้ปกครองไว้ติดตัวเช่นเดียวกัน รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกในทุกพื้นที่และทุกกิจกรรม ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมไว้หากเกิดเหตุจะได้ช่วยเหลือได้ทันรวมถึงชุดเคลื่อนที่เร็วด้วย

“สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทานอาหารทุกวัน โดยให้หน่วยงานในพระองค์ดำเนินการ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว

มอบคสช.จัดระเบียบอาหาร

ที่บก.ทบ. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. เผยผลการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. เป็นประธานที่ประชุมว่า พล.อ.ประยุทธ์ห่วงใยเรื่องอาหารที่ให้บริการประชาชนในพื้นที่สนามหลวง จึงมอบหมายให้คสช.เข้าช่วยบริหารจัดการการผลิตและแจกจ่ายอาหารให้เหมาะสมทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ โดยกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) จะได้หารือกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับระบบการรับผลิตและแจกจ่ายอาหารในแต่ละวันให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น หากประชาชนที่ประสงค์สนับสนุนด้านอาหาร อาจนำอาหารแห้งหรือวัตถุดิบที่เก็บไว้ได้นานมามอบให้เจ้าหน้าที่แทนอาหารสด เพื่อเก็บไว้นำไปประกอบอาหารในวันต่อไป

“นอกเหนือจากการดูแลประชาชนในงานที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธีพระบรมศพแล้ว ผบ.ทบ.ได้กำชับให้กอร.รส. ดำรงความต่อเนื่องในภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลพื้นที่ให้มีความปลอดภัย ช่วยเหลือประชาชนในเหตุการณ์ต่างๆ การจัดระเบียบสังคมต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเหมาะสม ส่วนในพื้นที่ชายแดนย้ำให้กองกำลังป้องกันชายแดน เข้มงวดในการผ่านเข้า-ออก ตามด่านตรวจและช่องทางต่างๆ เพื่อป้องปรามและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายในทุกเรื่อง” พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าว

ตีทะเบียนจิตอาสาป้องฉวยโอกาส

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผอ.กอร.รส. กล่าวว่าที่ประชุมได้นำปัญหาที่เกิดขึ้นมาแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะกรณีมอเตอร์ไซค์จิตอาสาที่ให้บริการรับส่งประชาชนที่เข้ามาร่วมแสดงความไว้อาลัย ซึ่งได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีคนไม่ดีปะปนเรียกเก็บค่าโดยสารเมื่อถึงปลายทาง จึงจำเป็นต้องให้รถมอเตอร์ไซค์ที่ต้องการเป็นจิตอาสาจริงๆ มาลงทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันคนแปลกปลอมแฝงเข้ามาหาประโยชน์ โดยกอร.รส.ได้ทำบัตรแสดงตนว่ากลุ่มมอเตอร์ไซค์เป็นจิตอาสาจริง หากประชาชนถูกมิจฉาชีพที่แฝงเข้ามาเรียกเก็บค่าโดยสารแจ้งมาได้ที่เบอร์โทร.1197

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบว่าเริ่มมีพวกฉวยโอกาส ทั้งพ่อค้าหาบเร่แผงลอยแอบมาเอาอาหารที่นำมาให้ประชาชนได้รับประทานนำไปกักตุนไว้เพื่อไปจำหน่าย ซึ่งได้มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่เทศกิจลงไปกวดขันคุมเข้มกลุ่มคนเหล่านี้ให้มากขึ้น ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย ขณะนี้ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มมากขึ้น ทั้งบริเวณรอบท้องสนามหลวง และภายในท้องสนามหลวง รวมถึงรอบปริมณฑลในทุกเส้นทาง และเร่งตรวจเช็ก กล้องที่ติดอยู่เดิมด้วยว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ รวมถึงตั้งจุดตรวจรถที่จะผ่านเข้ามาบริเวณท้องสนามหลวง ไม่เว้นแม้แต่รถทางราชการที่จะต้องลงทะเบียนกับกอร.รส.ให้เป็นไปตามระเบียบการรักษาความปลอดภัย

ลุยแจกคู่มือร่วมพิธีแล้ว

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์กล่าวด้วยว่า สำหรับการแจกแผ่นพับซึ่งเป็นคู่มือประชาชนร่วมพิธีนั้น ขณะนี้ได้จัดพิมพ์ภาษาไทย 100,000 แผ่นในเบื้องต้นพร้อมแจกให้ประชาชนแล้ว ซึ่งเป็นรายละเอียดของแผนที่บริเวณรอบท้องสนามหลวงแสดงให้เห็นถึงจุดประชาสัมพันธ์ จุดแจกอาหาร เครื่องดื่ม จุดพยาบาล จุดบริการสุขา และจุดที่เป็นคิวพักรอเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ พร้อมกับข้อควรปฏิบัติ 7 ข้อคือ 1.แต่งกายสุภาพเรียบร้อย 2.รับประทานอาหารจากโรงทานเพื่อความสะอาดเรียบร้อย 3.นำกระบอกน้ำมาเองหรือเติมน้ำใส่ขวดน้ำตามจุดบริการ 4.ทิ้งและแยกขยะตามจุดที่กำหนด 5.ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ 6.สุภาพและเมตตาต่อกัน และ 7.ละเว้นการซื้อขายของถวายราชสักการะ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลข 09-1814-2076 หรือกองอำนวยการร่วม 1899 ศูนย์เอราวัณ 1646 และศูนย์นเรนทร 1669

ศิริราชเผยทรงปลูกต้นศรีตรัง

ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อดีตหัวหน้าคณะแพทย์ที่ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช กล่าวถึงกรณีที่มีผู้โพสต์ภาพต้นศรีตรังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงปลูกไว้ที่โรงพยาบาลศิริราช เกิดใบร่วงยืนต้นตาย ว่า เรื่องต้นศรีตรัง เมื่อตอนพระองค์ท่านทรงพระประชวรอยู่ เสด็จออกมาแล้วรับสั่งว่า ที่ศิริราชมีต้นศรีตรังหรือยัง ตนบอกยังไม่มีพระพุทธเจ้าข้า “พระองค์ตรัสให้ปลูกต้นศรีตรังต้นเล็กๆ โดยพระองค์เสด็จฯมาปลูกด้วยพระองค์เอง กระทั่งช่วงพระองค์ทรงพระประชวรหนัก ใบต้นศรีตรังได้ร่วงลงมา โดยไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด ทางสำนักพระราชวังจึงเข้ามาดูแล

สำหรับต้นศรีตรังต้นนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนิน จากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ไปยังบริเวณสนามหญ้าด้านข้างลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เพื่อทรงปลูกต้นศรีตรัง 2 ต้น เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2554

วธ.ระดมภาพจัดนิทรรศการ

ที่กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วธ. เปิดเผยว่า จากที่พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้ วธ. ร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี และศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) รวบรวมภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวจากประชาชน สื่อมวลชน และหน่วยงานต่างๆ เพื่อบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. โดยให้ วธ. นำมาจัดทำหนังสือ “จดหมายเหตุฉบับประชาชน” และสารคดี “ธ ทรงสถิตในดวงใจไทยทุกคน” เพื่อบันทึกเหตุการณ์สำคัญยิ่งของประเทศและเผยแพร่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชาติ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีผู้ส่งภาพนิ่งมาแล้วจากทั่วประเทศกว่า 18,000 ภาพ และวิดีโอคลิป 53 คลิป ซึ่งวธ. จะคัดเลือกภาพมาจัดแสดงนิทรรศการอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายใต้ชื่อ “ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” ซึ่งวันนี้ก็ได้นำภาพส่วนหนึ่งที่ได้รับคัดเลือกมาจัดแสดงให้ชมกัน

นายวีระกล่าวต่อว่า สำหรับนิทรรศการจะจัดขึ้น 2 ครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ 1 จะมีนิทรรศการ 3 ส่วน ได้แก่ 1.นิทรรศการที่แสดงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนชาวไทย โดยมีการจัดฉายภาพยนตร์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ 2.นิทรรศการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3.นิทรรศการภาพถ่ายประชาชนที่คัดเลือกเหลือ 89 ภาพ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ต.ค.-30 พ.ย. ส่วนครั้งที่ 2 จะเป็นนิทรรศการภาพถ่ายของศิลปินแห่งชาติ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมถ่ายภาพกรุงเทพ กลุ่มสห+ภาพ และช่างภาพมืออาชีพ 89 คน โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 ธ.ค. 2559-21 ม.ค. 2560

เปิดรับ”รูป-คลิป”จากประชาชน

นายวีระกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะมีการคัดเลือกภาพของช่างภาพที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย 9 ภาพ มาจัดพิมพ์เป็นโปสการ์ด ภาพละ 100,000 ใบ เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการ ในโอกาสนี้จะมีการเปิดให้ชมโรงราชรถและเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศด้วย โดยจะเปิดให้เข้าชมนิทรรศการฟรีตลอดการจัดงาน ตั้งแต่เวลา 08.30- 20.00 น. ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยประชาชน สื่อมวลชน และหน่วยงานต่างๆ ยังสามารถส่งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวมาได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านทางเฟซบุ๊ก pic.culture2559 และแอพพลิเคชั่นไลน์ pic.culture ซึ่งจะต้องระบุวัน เวลา สถานที่ถ่ายภาพ และระบุชื่อผู้ถ่าย พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ สอบถามโทร. 0-2422-8729 หรือ สายด่วนวัฒนธรรม 1765

รมว.วธ. กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมในส่วนภูมิภาค ได้ขอความร่วมมือไปยังจังหวัดและวัฒนธรรมจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ จัดนิทรรศการ “ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. ประกอบด้วย 1.นิทรรศการเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ พระราชกรณียกิจ และโครงการตาม พระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2.นิทรรศการภาพเหตุการณ์น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความไว้อาลัยของพสกนิกรนับตั้งแต่วันสวรรคตจนถึงปัจจุบัน

ผวจ.เตรียมส่งคนไปสนามหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ทุกจังหวัด ได้เร่งประชุมหารือ เพื่อเตรียมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินทางไปถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. หลังกระทรวงมหาดไทย มอบภารกิจสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยกำหนดให้เดินทางวันละ 5 จังหวัด จังหวัดละ 600 คน ครอบคลุมทั้ง 4 ภาค จัดลำดับก่อนหลัง ตามลำดับตัวอักษรชื่อจังหวัดของแต่ละภาค เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. 2559 จนถึงวันที่ 20 ม.ค. 2560 เป้าหมาย 255,000 คน

แบงก์เปิดแลกธนบัตรที่ระลึก

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดให้แลกธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เป็นธนบัตรที่ระลึกชนิดราคา 100 บาท โดยจ่ายแลกพร้อมแผ่นบรรจุในราคา 200 บาท เพิ่มเติมอีก 800,000 ฉบับ โดยธนบัตรที่ระลึกดังกล่าวจะเป็นจำนวนสุดท้ายที่มีอยู่ ทั้งนี้ธนาคารกรุงเทพจะเริ่มเปิดให้จ่ายแลกที่สำนักงานใหญ่ สาขาในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดบางสาขา ในวันที่ 25 ต.ค. จนกว่าธนบัตรที่มีอยู่จะหมด

ด้านธนาคารกรุงไทยได้ประสานไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขอเบิกธนบัตรที่ระลึกเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ และได้รับการจัดสรรธนบัตรชนิดราคา 100 บาท จ่ายแลกพร้อมแผ่นบรรจุในราคาชุดละ 200 บาท จำนวน 200,000 ชุด ซึ่งธนาคารจะเปิดให้จ่ายแลกในวันที่ 27 ต.ค.เป็นต้นไป หรือจนกว่าธนบัตรหมด ให้แลกคนละไม่เกิน 2 ชุด โดยใน กรุงเทพฯ แลกได้ที่ 5 สาขา ได้แก่ สาขาสำนักนานาเหนือ สาขาสวนมะลิ สาขาปทุมวัน สาขาเยาวราช และสาขาถนนศรีอยุธยา ส่วนต่างจังหวัด แลกได้ที่ 17 สาขา ได้แก่ สาขาบางปลาสร้อย จังหวัดชลบุรี สาขาระยอง สาขานครสวรรค์ สาขาสิงห์บุรี สาขาชัยนาท สาขาถนนสิงหวัฒน์ จังหวัดพิษณุโลก สาขาข่วงสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ สาขาถนนศรีจันทร์ จังหวัดขอนแก่น สาขาอุดรธานี สาขาอุบลราชธานี สาขาสกลนคร สาขาเลย สาขาหนองคาย สาขาบึงกาฬ สาขาเซกา จังหวัดบึงกาฬ สาขาราษฎร์ยินดี จังหวัดสงขลา และสาขาถนนศรีวิชัย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

มรภ.อุตรดิตถ์วาดภาพ”ในหลวง”

ที่อาคารศิลปะ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นายจาตุรัน จริยารัตนกุล ประธานหลักสูตรสาขาศิลปกรรม คณะมนุษยศาสตร์ พร้อมอาจารย์และนักศึกษาในหลักสูตร ร่วมแรงร่วมใจกันวาดภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นภาพพระราชกรณียกิจกับพระองค์และภาพที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 20 ภาพ ด้วยสีโทนขาว สีดำและสีเทา บนแผ่นไม้อัดที่มีขนาด 122×244 เซนติเมตร นำมาต่อรวมกันยาวทั้งสิ้น 24.40 เมตร ใช้เวลาวาดภาพ 1 สัปดาห์ จากนั้นจะนำไปติดตั้งที่บริเวณกำแพงด้านหน้าต่อจากป้ายชื่อมหาวิทยาลัยในวันที่ 1 ธ.ค. เพื่อให้นักศึกษาทุกคนและประชาชนทั่วไป ได้เห็นถึงความงามในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและเกี่ยวข้องกับจังหวัดอุตรดิตถ์

ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม คณาจารย์และนักศึกษา สาขาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร แขนงสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จัดกิจกรรมแสดงความไว้อาลัยผ่านภาษา “ตามรอยพระยุคลบาท” น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยมีตัวแทนนักศึกษาร่วมกันร้องประสานเสียงเพลงพระราชนิพนธ์ใกล้รุ่ง จากนั้นคณาจารย์และนักศึกษาทั้งหมดร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 9 นาที เพื่อแสดงความไว้อาลัยและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงมีต่อวงการวิชาการทางด้านภาษาไทยและการสื่อสาร ก่อนจะเปิดการสัมมนาทางวิชาการภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร ซึ่งเป็นงานวิชาการประจำปีของสาขาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร

โคราชจัดร้องเพลงสรรเสริญถวาย

ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา เทศบาลนครนครราชสีมา พร้อมผู้ประกอบการเครื่องเสียง ได้ช่วยกันติดตั้งอุปกรณ์แสดง แสง สี เสียง พร้อมจอแอลอีดีขนาดใหญ่ 4 จุด โดยรอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เพื่อเตรียมจัดงานร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของจังหวัดนครราชสีมา ภายใต้ชื่องาน “ชาวโคราช ร้อยดวงใจ ถวายอาลัยในหลวง” ในวันที่ 27 ต.ค.นี้

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า คาดว่าจะมีประชาชนมาจากทั้ง 32 อำเภอ ใส่ชุดดำมาร่วมร้องเพลงกว่า 50,000 คน เต็มพื้นที่ทั้งรอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ซึ่งงานครั้งนี้ทางจังหวัดนคร ราชสีมา ตั้งใจจะจัดให้ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยเชิญอาจารย์สมเถา สุจริตกุล มาทำหน้าที่อำนวยการนักดนตรีวงดุริยางค์สยามฟิลอาร์โมนิก และ นักร้องคอรัสรวมกว่า 200 ชีวิต ซึ่งเคยสร้างปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่ที่สนามหลวงมาแล้ว รวมทั้งกำกับภาพและควบคุมแสง สี เสียง โดย 3 ผู้กำกับภาพยนตร์ดัง ได้แก่ ปรัชญา ปิ่นแก้ว, ธนิต จิตนุกุล และบัณฑิต ทองดี เพื่อบันทึกภาพประวัติศาสตร์นี้ไว้ให้ชาวจังหวัดนครราชสีมาได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกต่อไป

นักชกโอลิมปิกยันไม่หยุดวิ่ง

ที่จ.พระนครศรีอยุธยา มนัส บุญจำนงค์ วรพจน์ เพชรขุ้ม สุริยา ปราสาทหินพิมาย และอำนาจ รื่นเริง 4 นักชกโอลิมปิก ที่วิ่งแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยออกวิ่งจากจ.ลพบุรี มุ่งหน้าสนามหลวงตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. ได้วิ่งมาทาง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ผ่านจ.อ่างทอง มาถึงที่อ.มหาราช จ.พระนคร ศรีอยุธยา โดยมนัส บุญจำนงค์ เผยว่า ตนมีอาการบาดเจ็บที่หลังและขา นอกจากนั้นเพื่อนๆ ที่วิ่งมาด้วยกันก็เกิดอาการบาดเจ็บ เนื่องจากเดินวิ่งมาหลายกิโลเมตร แต่จะพยายามกัดฟันสู้เดินวิ่งให้ถึงจุดหมายให้ได้ โดยจะไปพักรักษาตัวที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้หายบาดเจ็บก่อนจึงจะออกเดิน-วิ่งสู่จุดหมายที่พระบรมมหาราชวัง โดยนัดกับกลุ่มเพื่อนนักมวยจะเข้าถวายสักการะพระบรมศพพร้อมกันวันที่ 27 ต.ค.

สระบุรี-สิงห์บุรีแปรอักษรไว้อาลัย

ที่ลานพื้นแข็งมณฑลทหารบกที่ 18 จ.สระบุรี นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานพิธีแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยมีข้าราชการ ตุลาการ, อัยการ, ทหาร, ตำรวจ, พลเรือน, เหล่ากาชาด ส่วนราชการต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพสกนิกรชาวจังหวัดสระบุรีทุกหมู่เหล่า ร่วมกันแปรอักษรแสดงความไว้อาลัยเป็นรูปหัวใจ และเลข 9

ที่วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี นายประสาร พันธ์ลิมา ผอ.วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี นำนักศึกษาร่วมกันจัดแถวแปรอักษรเป็นรูปหัวใจ มีเลข 9 อยู่ตรงกลางในรูปหัวใจ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และรูปริบบิ้นสีดำ เพื่อแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยมีนักศึกษาทั้งหมดกว่า 1,400 คน พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ สวดมนต์ ยืนไว้อาลัย ก่อนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน