เปิดใจ แรงงานไทย กลับจากยูเครน ต้องหนีภัยสงคราม ขึ้นรถลงเรือ กว่าจะเดินทางออกมาได้ เผยวินาทีเหยียบแผ่นดินไทย ลั่นจะไม่กลับไปอีก

วันที่ 2 มี.ค.2565 ที่สถาบันบำราศนราดูร น.ส.สุภาพ โพธิลเดา อายุ 46 ปี แรงงานไทยกลับจากเมืองโอเดซา ประเทศยูเครน ซึ่งเป็นกลุ่มที่กลับมาเป็นล็อตแรก 38 คน ซึ่งเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR ที่สถาบันบําราศนราดูรผลออกมาเป็นลบ เล่าประสบการณ์เผชิญภัยสงคราม ที่ประเทศยูเครน ด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า ได้ยินเสียงระเบิดลูกแรกก็ขาสั่น ขาอ่อนเหมือนกัน ตอนนี้เจอแสงแฟลชยังตกใจ แต่ตนอยู่ในเมืองทางใต้ จึงไม่หนักเหมือนคนที่อยู่ในเมืองหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่สงครามที่มีระเบิดลงบ่อย แต่เราเองก็ทุลักทุเลต้องอยู่แต่ในบ้าน ไปทำงานไม่ได้ แต่ตอนนี้ในเมืองโอเดสซาออกมากันหมดแล้ว ยกเว้นบางคนที่มีครอบครัวอยู่ที่นั่นจึงไม่ได้เดินทางกลับมา

เปิดใจ แรงงานไทย กลับจากยูเครน ต้องหนีภัยสงคราม ขึ้นรถลงเรือ กว่าจะเดินทางออกมาได้

เปิดใจ แรงงานไทย กลับจากยูเครน ต้องหนีภัยสงคราม ขึ้นรถลงเรือ กว่าจะเดินทางออกมาได้

“การเดินทางกลับมาก็ค่อนข้างทุลักทุเล เดินทางหลายต่อ มีการระเบิดสะพาน ต้องใช้เวลานานในการออกจากเมือง 08.00 น. จะมาข้ามแดนที่โรมาเนีย แต่ถูกกักไม่ให้เอารถออก และไม่ให้ผู้ชายเดินทางออกเพราะกลัวจะหนี เราก็ต้องลงจากรถและเดินเท้า 2 กิโลเมตรมาถึงท่าเรือ 16.00 น. และรอเรือข้ามฝั่งตั้งแต่ 16.00-20.00 น. อากาศหนาวมาก แต่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่อย่างดี ทั้งอาหารและเครื่องนุ่งห่ม” น.ส.สุภาพ กล่าว

น.ส.สุภาพ กล่าวต่อว่า ส่วนความรู้สึกเมื่อได้เหยียบแผ่นดินไทย คือ รู้สึกดีใจมาก รู้สึกปลอดภัย ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือ หลังจากนี้จะเดินทางกลับบ้านที่มหาสารคาม ถึงแม้เหตุการณ์ที่ยูเครนจะสงบแล้วคงไม่คิดกลับไปทำงานที่นั่นอีก คงหางานทำที่เมืองไทย เพราะรายได้จากการทำงานที่ยูเครนก็ได้ประมาณเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งไม่แตกต่างจากการทำงานในประเทศไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน