ถกกันสนุก ให้ไปคิดต่อ อั๋น-คำผกาแลกมุมมอง หลังมิสยูนิเวิร์สประกาศ สาวมีลูก แต่งงาน หรือสตรีข้ามเพศ สามารถมาประกวดได้ ย้ำไม่มีข้อสรุป แต่ได้คุยแบบมีอารยะ

วันที่ 9 ส.ค. 2565 ข่าวจบ คนไม่จบ! วิเคราะห์เจาะลึก ถึงพริกถึงขิง จากมุมมอง “อั๋น ภูวนาทและ แขก คำผกา” กับ 3 วิพากษ์เผ็ดร้อน 3 ประเด็นฮอต Miss Universe เปิดกว้างแต่งงาน มีลูก ก็มงลงได้ อยู่มา 8 ปีแล้ว! ประยุทธ์ จะไปต่อ หรือ พอแค่นี้ เสรีไปมั้ย? ตู้นี้สีอะไร เครื่องขายกัญชาอัตโนมัติ โดยพิธีกรคืออั๋น-ภูวนาท คุนผลิน และคำผกา ลักขณา ปันวิชัย สำหรับมิสยูนิเวิร์สนั้น ได้ประกาศข้อมูลแจ้งตัวแทนผู้จัดในแต่ละประเทศ ตั้งแต่ปีหน้า จะเปิดกว้างรับสาวงามที่แต่งงานแล้วก็ได้ มีลูกแล้วก็ได้ เป็นสตรีข้ามเพศก็ได้

อั๋นเผยว่า นี่คือการก้าวข้ามอย่างยิ่งใหญ่ แต่มีทั้งคนเห็นและไม่เห็นด้วยที่มองว่าไม่ต้องเท่าเทียมกันทุกเรื่องหรือไม่ ซึ่งตนนั้นยังสรุปใจไม่ได้ และพูดเต็มปากว่าเห็นด้วยก็ได้ โลกนี้ไม่ต้องเท่าเทียมกันทุกเรื่องหรือไม่ เราไม่ต้องทลายทุกอย่างในโลกก็ได้ อย่างไรก็ดีมีคนเห็นด้วยและตนก็เข้าใจ พบว่าค่าเฉลี่ยนผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ มีทั้งแบบพึงประสงค์ และไม่พึงประสงค์แตกต่างกันไป เมื่อหารค่าเฉลี่ยมาแล้ว อยู่ที่อายุ 21 ปีสำหรับผู้หญิงที่ตั้งท้อง ทำให้มีผู้หญิงจำนวนมากถูกดับฝันในเรื่องนี้

“มันไม่แฟร์กับเขา และข้อแรกไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่อยากเป็นมิสยูนิเวิร์ส เรื่องนี้ไม่มีผิดไม่มีถูก”

คำผกาเผยว่าตนเห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์ เหมือนการสมัครงาน ที่ค่อยๆ ลดคุณสมบัติส่วนสูง อายุ เพื่อเปิดให้กว้าง แล้วมาดูว่าใครจะมีคุณสมบัติผ่านการคัดเลือก ไปว่ากันที่เนื้องานคุณภาพจริงๆ การกำหนดกรอบล่วงหน้า มันกันคนที่เราไม่รู้ว่า ที่เราคัดออกอาจจมีคุณภาพก็ได้

ประเด็นมิสยูนิเวิร์สนั้น ประเด็นคำนำหน้าชื่อ ที่ไม่ต้องรู้ว่าตนแต่งงานแล้วหรือยัง คำว่าแต่งงานกับไม่แต่งนั้น ไม่มีผลอะไรเลย นับตั้งแต่โลกเรามีเทคโนโลยีคุมกำเนิด มิสยูนิเวิร์สอาจมีผัวมาแล้วหลายคน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ดังนั้นเราจึงแยกไม่ออก ถ้าไปนิยามว่าการแต่งงานแล้ว เคยเอากับผู้ชาย แล้วเรียกว่าผัว

“มิสยูนิเวิร์สแต่เดิม เราต้องการสาวพรมจรรย์ แต่ตอนนี้เราไม่ได้ต้องการเรื่องนี้แล้ว ตนยังเป็นนางสาวแม้จะผู้ชายที่ไม่ได้จดทะเบียน ดังนั้นเลิกว่ามิสยูนิเวิร์สต้องบริสุทธิ์ เราเลิกกันไปเถอะ”

การมีลูก หากร่างกายยังเป๊ะ มีคนดูแลลูกให้ ตนทำภารกิจนางงามได้ จัดการชีวิตได้ ก็มาประกวด ซึ่งเรื่องนี้คนมีลูกก็มีภาระ จะอุทิศตนในการประกวดนางงาม แต่เราไม่ยุ่ง เปิดกว้างไว้ก่อน ไม่กีดกันใครออกไปเป็นเบื้องแรก คนที่มาสมัครไม่ได้ ก็จะตัดสินใจเอง ด้วยเหตุผลตัวเอง แต่ไม่ใช่จากกองประกวดมาห้าม

ในมุมตนนั้น พอเปิดกว้างแล้วก็เสียเวลา เมื่อในใจรู้อยู่แล้วว่าจะเอาใคร ก็ชัดเจนไปเลย จะได้ไม่ต้องคัดเลือกเยอะ ทุกวันนี้เราบุลลี่กันเยอะมาก หาว่ากีดกัน ก็ส่งมาเลย แต่ไม่เลือก เพราะมีเป้าชัดเจน จริงใจบอกกันตั้งแต่แรกเลย ไม่ดีกว่าหรือ

ยกตัวอย่าง ถ้าให้สูงเกิน 165 เซนติเมตร ก็บอกไปเลย เพราะมันเป็นเวทีนางงาม ต้องได้จับไมโครโฟน เรื่องนี้ให้มันชัดไปเลย ไม่ต้องมาเวทีนี้ กำหนดกันไปเลย เพราะไม่มีอะไรที่เหมาะกับทุกคนหรือไม่ อย่างในกีฬาโอลิมปิก นักกีฬาข้ามเพศก็เป็นประเด็น ที่ไปแข่งว่ายน้ำกับผู้หญิง แล้วชนะแบบห่างลิ่ว เพราะมันคนละสรีระ กระดูกคนละเบอร์ นักกีฬาผู้หญิงก็ประท้วง คนก็มาว่าใจแคบ ซึ่งมันแข่งกันไม่ได้เลย เพราะมันคนละเรื่อง

“พี่แขกออกกำลังกายแทบตาย แต่อั๋นยกของ เพราะมันเป็นธรรมชาติ”

คำผกาเผยว่า การประกวดนางงาม มันไม่ใช่เรื่องสรีระหรือฮอร์โมนตามธรรมชาติ อย่าไปกีดกัน ตนเข้าใจว่าเวทีนางงามทุกวันนี้ พยายามแก้ภาพพจน์นางงามแบบเก่า ที่ล้าสมัย เป็นวัตถุทางเพศ มองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ ให้ผู้ชายแทะโลม ดังนั้นจึงมีการปรับ เลยต้องสมาทานแนวคิดคุณค่าสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมในทุกมิติ เช่นความหลากหลายทางเพศ

แนวคิดนางสาวมันล้าสมัยมากๆ ในโลกนี้สรรพนามเขาหรือหล่อน มันกำลังหายไปจากโลกใบนี้ ในสแกนดิเนเวีย ก็พยายามเรียกเด็กด้วยคำกลางๆ ไม่แบ่งแยกเพศ เวทีนางงามก็พยายามปรับ และแข่งกันที่ความหลากหลายทางเนื้อหา ทำไมต้องมีลีน่าจัง เพราะคนเหล่านี้มีมูลค่าทางเนื้อหา ทำให้มูลค่าการตลาดของมิสยูนิเวิร์สไปต่อได้

“คนก็จะหันมาดู เห็นความหลากหลายบนเวที ซึ่งอั๋นนั้นก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วย แต่ไม่โกหกตัวเองได้เต็มปากว่า เห็นด้วย แต่เราตะขิดตะขวงแบบบอกไม่ถูก”

เมื่อก่อนก็มีมิสซิสยูนิเวิร์ส ตนยังตกตะกอนไม่มากพอกับเรื่องนี้ ว่าทุกอย่างมันเท่าเทียมกันไปหมด ตนรู้สึกบอกไม่ถูก ทางคำผกาเข้าใจว่าการกำหนดน้ำหนักกับส่วนสูงนั้น มันเข้าใจได้ แต่การแต่งหรือไม่แต่งงาน มันไม่สมเหตุสมผลต่อการประกวดนางงาม

อั๋นเผยว่า ตนคิดว่ามันมีเรื่องห้ามนางงามทำศัลยกรรม ซึ่งปัจจุบันมันไม่ถูกนำมากำหนดแล้ว หรือการให้ลบเครื่องสำอางค์ เพื่อให้เห็นหน้าจริง ตนก็คิดว่ามันได้เหรอ เพราะทุกคนแตกต่างกัน เรื่องนี้ยังงงๆ กับตัวเองอยู่ แต่การแต่งงานกับไม่แต่งงานนั้น มีผลมาก ก็เข้าใจ แต่ยังบอกว่าเห็นด้วยทั้งหมดไม่ได้ ยังอื้อๆ อึงๆ อยู่ในใจ

คำผกาเผยว่า การลบเครื่องสำอางค์นั้นไม่สมเหตุสมผล แบบนี้ก็ต้องแก้ผ้าประกวดกัน เพราะเครื่องสำอางค์มันเป็นการตบแต่งร่างกายแบบหนึ่ง ถ้าจะเอาแบบงามอย่างแท้จริง ก็ต้องดูให้ละเอียดถึงง่ามขา ว่าของใครสวยจริง หรือกลัวตนจะไปประกวด

“เรื่องนี้ไม่ต้องสรุป แต่อยากให้คนถกเถียงกับตัวเองต่อ ลองไปทบทวนกับตัวเองดู เราไม่เห็นด้วย แล้วคุยกัน ก็พัฒนาความเป็นอารยะแล้วพอสมควร”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน