เจ๊เจ้าของร้านปิ้งย่างบุฟเฟต์ทะเลเผาชื่อดังศรีราชา ฉุน 4 ลูกค้าสาว-หนุ่มนะยะ โพสต์ด่า ในโลกออนไลน์หลังถูกปรับค่าน้ำจิ้มที่กินเหลือ 6 ขีด 600 บาท เข้าแจ้งความตำรวจดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทใน เฟซบุ๊กทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ยืนยันเป็นกฎของทางร้านที่ไม่อยากให้เสียของ ด้านคู่กรณีไม่ยอม เตรียมร้อง สคบ.ตรวจสอบเอาเปรียบ ผู้บริโภคหรือไม่

เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 26 ม.ค. นางจุรีย์ ใยบัว อายุ 40 ปี เจ้าของร้านบางอ้อปิ้งย่างบุฟเฟต์ทะเลเผา ริมถนนสายศรีราชา-ชากค้อ เลขที่ 247/91 หมู่ 2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เข้าแจ้งความกับร.ต.อ.ยุทธนา กองตา รองสารวัตรเวร (สอบสวน) สภ.ศรีราชา หลังถูกลูกค้าโพสต์หมิ่นประมาทในเฟซบุ๊ก ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเฟซบุ๊กใช้ชื่อ “Mynutss Jrp” โพสต์ในทำนองว่าน้ำจิ้มเหลือทางร้านคิดขีดละ 100 บาท โดนไป 6 ขีดเป็นเงิน 600 บาท ซึ่งมีการแชร์ต่อๆ กันไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ร้านได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

นางจุรีย์ให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ช่วงหัวค่ำ ได้มีสาวประเภทสองจำนวน 2 คนและหญิงสาววัยรุ่น 2 คนเข้ามาใช้บริการ โดยทางร้านคิดค่าหัวท่านละ 399 บาท มีอาหารทะเลประเภทหอยแครง กุ้งตัวใหญ่ ปลาหมึก ให้ลูกค้าที่เข้ามากินไปตักมาปิ้งย่างที่โต๊ะเอง ส่วนน้ำจิ้มนั้นก็ให้ตักกันเอง ซึ่งก็จะมีป้ายติดอยู่ทั่วร้านว่าถ้ากินไม่หมดปรับขีดละ 100 บาททั้งอาหารและน้ำจิ้ม ซึ่งน้ำจิ้มก็มีป้ายบอกไว้แล้วว่าเติมได้ตลอด ตักพอทาน แต่ลูกค้าโต๊ะดังกล่าวทิ้งอาหารประเภทอาหารทะเลไว้หลายอย่าง แต่เราคิดแค่เพียงค่าน้ำจิ้มเท่านั้น ถ้าเราปรับตรงอาหารที่เหลือทิ้งตามป้ายที่ติดไว้ทั่วร้านนั้นปรับ 1,000 บาท แต่เราก็ไม่ได้คิด ในตอนที่คิดเงินลูกค้าทั้ง 4 คนอ้างว่าไม่รู้ ทางร้านจึงชี้ให้ดูป้ายที่ติดไว้ทั่วร้านว่ามีการปรับถ้าทำผิดกฎของร้าน ซึ่งลูกค้าก็รับทราบ แต่กลับเอาไปโพสต์ในเฟซบุ๊กทำให้ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง

ด้านพนักงานสอบสวนระบุว่า กรณีนี้เป็นการหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้มีคนเข้าใจผิด ซึ่งก็จะได้ติดตามเจ้าของเฟซบุ๊กใช้ชื่อ “Mynutss Jrp” มาสอบสวนหาสาเหตุที่ไปลงโพสต์และแชร์ต่อๆ กันไปทำให้ทางร้านได้รับความเสียหาย

วันเดียวกัน ลูกค้าสาวประเภทสองและหญิงสาววัยรุ่น 4 คน ประกอบด้วย น.ส.จารุภา อู่เงิน อายุ 19 ปี (คนโพสต์ลงเฟซบุ๊ก) น.ส.นภัสรา พงรักษ์ประเสริฐ อายุ 20 ปี, นายอนุรักษ์ สนตาเถร อายุ 16 ปี และนายสุหก แขกเณร อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง กล่าวว่า เราทั้งหมดอยากจะมาชี้แจงในส่วนของพวกเราที่เป็นลูกค้าเข้าไปใช้บริการที่ร้านดังกล่าว ซึ่งพอเราทุกคนกินกันเสร็จแล้วก็เรียกพนักงานมาเช็กบิลก็บอกว่าโต๊ะตนกินน้ำจิ้มเหลือ จึงต้องปรับขีดละ 100 บาท ซึ่งพวกตนก็แปลกใจ เพราะเป็นคนที่ชอบกินอาหารทะเลเผาอยู่เป็นประจำ ที่ร้านอื่นๆ จะไม่เคยเก็บเงินค่าน้ำจิ้มเลย เพราะกินอาหารทะเลหมด เหลือแค่เพียงน้ำจิ้ม และที่สำคัญที่ร้านดังกล่าวมีน้ำจิ้มด้วยกันอยู่ 2 สูตร คือน้ำจิ้มเกาหลี และน้ำจิ้มซีฟู้ด ซึ่งคนหนึ่งก็ตกคนละ 2 ถ้วย และก็นำน้ำจิ้มทั้งหมดใส่ลงรวมกันและนำไปชั่ง ได้ 6 ขีด จึงโดนปรับที่ 600 บาท

กลุ่มลูกค้ากล่าวต่อว่า จากนั้นได้นำเรื่องราวดังกล่าวโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าเกินไปไหน แค่น้ำจิ้มเหลือต้องโดนปรับ 600 บาท ไม่ได้คิดที่จะทำให้ร้านเสียชื่อเสียงหรือใดๆ ทั้งสิ้น แต่พอลงในเฟซบุ๊กเพียงไม่นานข่าวก็ได้กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง จนมีชาวโซเชี่ยลมากมายเข้ามาโจมตี กล่าวหา บ้างก็ว่าพวกตนตะกละ

“อยากจะฝากถึงเจ้าของร้านว่าในส่วนของอาหารที่ตนตักมาทุกคนในโต๊ะกินหมด ไม่ได้กินเหลือ ซึ่งก็จะเหลือแค่น้ำจิ้ม แต่ทำไมถึงต้องปรับเยอะขนาดนี้ และถ้าหากเรากินอาหารทะเลเหลือเยอะ ก็พร้อมที่จะโดนปรับ ตามกติกาที่ร้านตั้งไว้” หนึ่งในกลุ่มลูกค้ากล่าว

หลังจากทราบว่าถูกแจ้งความดำเนินคดี ทั้ง 4 คนได้เดินทางไปเข้าพบกับ ร.ต.อ.ยุทธนา กองตา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ศรีราชา แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการแนะนำให้เดินทางไปร้องเรียนที่สำนักงาน สคบ.ชลบุรี และยืนยันจะเดินหน้าสู้กันต่อไป เพราะพวกตนก็จะไม่ยอม

ด้านน.ส.จารุภา ผู้ที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กกล่าวต่อว่า ตนขอความเห็นใจ สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องหรือต้นสายปลายเหตุ และเข้ามาโพสต์ด่าตนในเฟซบุ๊ก ซึ่งไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายร้านแต่อย่างใด ก็โพสต์แค่ของตนไม่ได้พาดพิงถึงใคร ซึ่งคนที่รู้จักตนจริงตนถึงจะบอกว่าร้านอยู่ตรงไหน ซึ่งอย่าด่าเลย เพราะว่าตนก็คิดว่าป็นสิทธิ์ของลูกค้าทุกคน ก็มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน