เผยปมยิงโหด ร.ต.อ.ซัลโว ร.ต.อ.-ร.ต.ท. 2 ศพคาวงเหล้าในบ้านพักที่อุดรธานี แค้นที่ถูกดูหมิ่นว่าใกล้เกษียณแล้วยังไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร มีแค่สามล้อเครื่องเก่าๆ ทำให้อดทนไม่ไหว ต้องขี่รถกลับไปเอาปืนมาลงมือ เจ้าตัวยอมรับเป็นเพราะเมาด้วย ขณะที่ ตร.สั่งไล่ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมดำเนินคดีเด็ดขาด ก่อนส่งฝากขัง แต่ไม่พาไปทำแผนฯ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ยินยอม

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ร.ต.อ.ชนาธิป บัวเข็ม รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.10 น. วันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา รับแจ้งเกิดเหตุยิงกัน มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ที่บ้านพักเลขที่ 307 ซอยหนองเหล็ก 3 ชุมชนหนองเหล็ก หมู่ 9 เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วยพล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191 ตำรวจจราจร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม เดินทางไป ตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบว่ามีผู้ที่ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 2 ราย นอนหายใจรวยริน อยู่ข้างบ้าน นอนจมกองเลือด รายแรกคือ ร.ต.อ.สมชาย สีดายา อายุ 47 ปี รอง สว.ส. รฟ.หนองคาย กก.5 บก.รฟ. และร.ต.ท. ชาญชัย ภาคอินทรีย์ อายุ 61 ปี อดีตตำรวจรถไฟ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน กระสุนเข้าที่หน้าอกคนละ 1 นัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม เข้าช่วยเหลือปั๊มหัวใจยื้อชีวิต แล้วลำเลียงนำผู้บาดเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรฯ แต่ทั้งคู่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุซึ่งยังอยู่ในอาการเมาสุรา ทราบชื่อคือ ร.ต.อ. สมสดี สุทธิประภา อายุ 58 ปี ตำแหน่งรอง สว.ป.รฟ.หนองคาย กก.5 บก.รฟ. ใช้อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 วางอยู่ท้ายรถจยย.ที่จอดอยู่หน้าบ้านก่อเหตุ ขณะนั้น จนท.ตำรวจควบคุมตัวไว้ได้แล้ว

นายสัญญา พันธุ์สุภา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 434 หมู่ 4 ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี นักการภารโรง อยู่ รฟ.หนองคาย กก.5 บก.รฟ. ให้การว่า ผู้ตายและคนยิงตั้งวงดื่มเหล้ากัน ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ซึ่งหลังจากเลิกงานตนจึงตามมาดื่มด้วย แต่ร.ต.อ.สมสดี คนที่ก่อเหตุ ออกไปจากบ้านที่เกิดเหตุ เนื่องจากไม่พอใจอะไรสักอย่าง หรือพูดไม่เข้าหูกัน เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็กลับมาบ้านที่เกิดเหตุ แล้วชักอาวุธปืนยิงใส่ร.ต.อ.สมชายล้มลง แล้วร.ต.ท. ชาญชัย ก็ได้เข้ามาห้าม ก็ถูกร.ต.อ.สมสดียิงใส่เหมือนกัน ด้วยความกลัวว่าจะโดนยิงตนจึงวิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือ แล้วก็ได้มีพลเมืองดีโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีตำรวจรถไฟจังหวัดอุดรธานี ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิต 2 ราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกับแพทย์ชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตาย อีกทั้งร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสถานที่เกิดเหตุ

จากการสันนิษฐานสาเหตุที่เกิดครั้งนี้เบื้องต้นน่าเชื่อว่าเกิดจากความไม่พอใจกัน แต่ยังไม่ทราบว่าจากเรื่องใด โดยพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดอีกครั้ง สำหรับความผิดของผู้ที่ก่อเหตุนั้น มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กำชับเน้นย้ำข้าราชการตำรวจทุกนาย ในการพกพาและใช้อาวุธปืนในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี และพ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน มาโดยตลอด ซึ่งการกระทำที่จะสามารถพกพาหรือใช้อาวุธปืนได้ต้องอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ในเขตอำนาจที่ตนรับผิดชอบ หรือได้รับอนุญาตเท่านั้น

ประกอบกับที่ผ่านมามีข้อสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาหมั่นสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด สม่ำเสมอ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวมูลเหตุน่าจะเกิดจากเรื่องส่วนตัว เพราะช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นเวลาพักผ่อนนอกเวลาราชการ อย่างไรก็ตาม จะต้องสอบสวนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน โดยจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ล่าสุดสั่งให้ร.ต.อ.สมสดีออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว

ด้านพ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากสอบปากคำ ร.ต.อ.สมสดี เจ้าตัวยอมรับเป็นผู้ลงมือใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงร.ต.อ.สมชาย และร.ต.ท.ชาญชัยจริง เนื่องจากผู้ตายพูดจาเหน็บแนมว่าตนเองใกล้จะเกษียณอายุราชการแล้วยังไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ไม่มีบ้านและไม่มีรถ มีแต่รถสามล้อเครื่อง และพูดจาดูถูกต่างๆ นานา ทำให้เกิดความโมโหขึ้นมา

พ.ต.อ.ภูมิวิทย์กล่าวต่อไปว่า ร.ต.อ.สมสดีให้การว่า ประกอบกับฤทธิ์ของเหล้าที่ดื่มจนเมาด้วยจึงโกรธมาก จึงขี่รถสามล้อเครื่องกลับไปบ้านพัก ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุไม่ไกลนัก ไปเอาอาวุธปืนมายิงร.ต.อ.สมชาย 2 นัด และยิงร.ต.ท.ชาญชัย 1 นัด แล้วก็อยู่ในที่เกิดเหตุไม่ได้หนีไปไหน ก่อนที่ตำรวจเข้ามาจับกุมตัวดังกล่าว

พ.ต.อ.ภูมิวิทย์กล่าวต่อไปว่า สำหรับตัวของร.ต.อ.สมสดีเป็นคนที่มีนิสัยเป็นคนอารมณ์ร้าย ประกอบกับถูกเพื่อนร่วมงานพูดจาดูถูกด้วย ทำให้โกรธมาก อีกทั้งดื่มเหล้าเข้าไปทำให้การควบคุมอารมณ์หรือยั้งคิดไม่ได้ จึงกลับไปเอาปืนที่บ้านพักมายิงผู้ตายทั้งสองคน โดยผู้ตายทั้งสองคนก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรมาก่อนกับร.ต.อ.สมสดี และก็เคยร่วมดื่มเหล้าด้วยกันกับผู้ตายบ่อยครั้ง จากนี้ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไม่มีการนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ต้องการให้ไปทำแผนฯ ซึ่งจะนำตัวร.ต.อ.สมสดีส่งศาลฝากขัง ในวันที่ 9 ก.พ. ส่วนอาวุธปืนที่ก่อเหตุนั้นจากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอาวุธปืนของหลวง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน