แจ้งข้อหาเพิ่ม “เจ้าสัวเปรมชัย” ติดสินบนเจ้าพนักงาน “ศรีวราห์” ชี้ผลสอบ “วิเชียร” หัวหน้าชุดจับกุมยืนยันชัด ย้ำมีพยานหลักฐานเพียงพอเอาผิดคดีล่าสัตว์ป่า เตรียมเรียกสอบวันมารายงานตัวต่อศาล ยันตร.ไม่เอาผิดวิเชียร ขณะที่ “บิ๊กอวบ” เผยยังไม่พบข้อมูลหนีไปพม่าสั่งตม.ทั่วประเทศเฝ้าระวังป้องกันแล้ว ส่วน ผอ.สำนักอนุรักษ์ฯ ร่ำไห้แถลงชี้แจง ยอมรับ “นพดล พฤกษะวัน” อดีตขรก.กรม อุทยานฯ ที่ปรึกษาอิตาเลียนไทย โทร.มาประสานขอให้เปรมชัยเข้าพื้นที่ จึงแจ้งให้ไปติดต่อสำนักงานบริหารพื้นที่ฯ

ความคืบหน้าคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกถูกจับกลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวร พร้อมปืนไรเฟิล และซากสัตว์ป่านั้น เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ท่าอากาศยานกองทัพอากาศ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ให้การ ในเบื้องต้นว่าเป็นผู้ทำเรื่องอนุญาตให้นาย เปรมชัยเข้าพื้นที่ โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท และค่าพาหนะ 30 บาท

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า นายวิเชียรให้การว่าได้รับการประสานงานจากผอ.สำนักให้ทำเรื่องอนุญาตนายเปรมชัยและพวกเข้าไปโดย งดเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อไปศึกษาธรรมชาติ ประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะต้องดำเนินการ และจากการสอบปากคำนายวิเชียรยืนยันว่า มีความพยายามติดสินบนเจ้าพนักงาน จึงให้นายวิเชียรร้องทุกข์กับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กล่าวโทษนายเปรมชัยและพวก ฐานให้สินบนเจ้าพนักงานแล้ว โดยจะต้องดำเนินคดีกับ ผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องสินบนทุกราย

ต่อมาที่ อ.แม่ระมาด จ.ตาก พล.ต.อ. ศรีวราห์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า จนถึงขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งความดำเนิน คดีนายวิเชียรแต่อย่างใด มีเพียงแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับนายเปรมชัยและพวกฐานติดสินบนเจ้าพนักงานเท่านั้น ส่วนการเข้าพื้นที่ป่าของนายเปรมชัยและพวกโดยไม่มีเสียค่าธรรมเนียมนั้น เป็นเรื่องภายในของกรมอุทยานฯ ตำรวจไม่สามารถไปก้าวล่วงได้

จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์เดินทางไปยัง บช.ภาค 5 จ.เชียงใหม่ และกล่าวถึงคดีล่าสัตว์อีกครั้งว่า อยู่ระหว่างรอผลตรวจพยานหลักฐานทุกอย่างทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งปืน ดีเอ็นเอ ซากเสือ เนื้อ หนังที่พบ วิถีการ ยิงในส่วนของเนื้อและหนังแม้ดูเบื้องต้นพบว่าเป็นเนื้อและหนังเสือ แต่ในการทำสำนวนคดีต้องส่งพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าเป็นหนังและเนื้อเสือจริงหรือไม่ ยืนยันว่ามี พยานหลักฐานมากเพียงพอที่จะเอาผิด และส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องได้ กรณีที่ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครยิงสัตว์ แต่เจตนาที่นำอาวุธปืนเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว ส่วนข้อหาใหม่ติดสินบนเจ้าพนักงานนั้น ร้องทุกข์กล่าวโทษแก่ทั้ง 4 คนแล้ว

รองผบ.ตร.กล่าวอีกว่า แต่ขณะนี้ยังไม่มีเงื่อนไข หรือเหตุผลใดที่จะต้องยื่นศาล เพื่อถอนประกัน คดีนี้ตำรวจดำเนินการตามกระบวนการตั้งแต่การสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา ฝากขัง ตรวจค้นบ้าน สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ส่วนกระบวนการต่อไปยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ในส่วนของสำนวนต้องส่งให้อัยการและศาลต่อไป เรื่องนี้สำคัญต้องทำคดีอย่างรัดกุมแน่นอน และในวันครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 1 ที่นายเปรมชัยจะต้องมารายงานตัวต่อศาล เป็นเวลา 12 วันนับแต่วันครบผัดฟ้องครั้งแรก จะพิจารณาเรียกนายเปรมชัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมใน วันเดียวกัน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีงาช้าง 2 คู่ ที่บ้านนายเปรมชัยว่า จะต้องตรวจสอบว่าแจ้งจดทะเบียนครอบครองงาช้างหรือไม่ ถ้าไม่แจ้งมีความผิดตามกฎหมาย จะเป็นงาช้างไทย หรืองาช้างต่างประเทศก็ห้ามครอบครอง และกรณีนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องทำหนังสือรายงานให้กรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและ พืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ทราบ อีกทั้ง ไซเตสก็ไม่ได้ทวงถามเรื่องนี้ เชื่อว่าไม่น่ามีผลในการจัดอันดับไซเตสของไทย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีข่าวว่านายเปรมชัยหลบหนีไปอยู่เมืองทวาย ประเทศเมียนมา รองผบ.ตร.กล่าวว่า ตามขั้นตอนกฎหมายหลังศาลออกหมายจับ ก็ห้ามเดินทางออกนอกประเทศอยู่แล้ว ถ้าจะประสงค์ไปต่างประเทศต้องขออนุญาต ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่านายเปรมชัยหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนจะออกไปช่องทางธรรมชาติหรือไม่นั้นต้องไปตรวจสอบ หลังจากนี้จะประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และ ตชด. รวมทั้งทหาร และฝ่ายปกครอง เฝ้าระวังป้องกัน ไม่ให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกไปตามช่องทางธรรมชาติ

ส่วนที่คณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน กทม. จัดเสวนาทางวิชาการเรื่อง “การจัดการสัตว์ป่าเมืองไทย กรณีทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก” โดยมีนายวิเชียร หัวหน้าเขตฯ ทุ่งใหญ่ฯ เข้าร่วมเสวนาด้วย แต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงคดีล่าสัตว์ป่า นายวิเชียรระบุว่าเกรงจะเสียรูปคดี

ที่สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ น.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวชี้แจงกรณีเป็นผู้สั่งให้นายวิเชียรอนุญาตนายเปรมชัยและพวกเข้าพื้นที่โดย ไม่เก็บค่าธรรมเนียมว่า ช่วงเวลา 15.00 น. วันที่ 31 ม.ค. นายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาบริษัทอิตาเลียนไทยฯ โทรศัพท์มาหาบอกว่า นายเปรมชัยพร้อมทีมงานอีก 3 คน จะขออนุญาตพักค้างคืน 2 คืน จะเข้าพักวันที่ 3-5 ก.พ. เพื่อศึกษาธรรมชาติ เนื่องจากนาย เปรมชัยชอบเข้าป่า รักธรรมชาติ จึงบอกไปว่าจะต้องประสานงานกับสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จ.ราชบุรี เพราะตนไม่มีอำนาจอนุญาต แต่จะช่วยแจ้งในพื้นที่ว่าจะมีชุดนี้เข้า แต่ต้องให้ทำตามระเบียบ

น.ส.กาญจนา กล่าวว่า ติดต่อกับนาย นพดล 3 ครั้ง โดยครั้งแรกนายนพดลโทร.มาขออนุญาต ครั้งที่ 2 โทร.มาแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อกับสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ได้ และครั้งที่ 3 เป็นคนโทร.แจ้งเบอร์สำนักงาน ให้นายนพดลรับทราบ แต่ไม่ทราบว่านายเปรมชัยเป็นใคร คุ้นแค่นามสกุล และชื่อ บริษัท แต่ไม่ทราบว่าเป็นประธานบริษัท ตนเพียงแค่ประสานงานให้เท่านั้น เพราะไม่มี ส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งการให้อนุญาตใดๆ ทั้งสิ้น

“หากจะเข้าพื้นที่ที่สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ามีสิทธิ์อนุญาต มีอยู่ 2 กรณี คือ เข้าไปเพื่อ ถ่ายทำภาพยนตร์ และเข้าไปพักค้างใช้สถานที่บ้านพัก หากไปกางเต็นท์ ต้องแจ้งกับสำนักพื้นที่ ในกรณีนี้คือสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 แต่หากไปเช้าเย็นกลับ ขอได้ที่พื้นที่เขตได้เลย และยืนยันว่าไม่รู้จักกับนาย นพดลเป็นการส่วนตัว” ผอ.สำนักอนุรักษ์ สัตว์ป่ากล่าว

ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุโทร.ไปหานายวิเชียร ซึ่งนายวิเชียรเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง จึงชมเชยไปว่าภูมิใจในตัวน้องมากเลย ฝากบอกทุกคนว่าเราภูมิใจมาก และให้เขียนรายละเอียดเล่ามาให้หมด มันจะเป็นการบอกเจตนาของคนทำได้มากที่สุด หากเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจนายเปรมชัยและพวกเข้าไปล่าสัตว์ คงไม่ใช่เจ้าหน้าที่แล้ว คนที่เข้ามาเพื่อศึกษาธรรมชาติ เรายินดีให้เข้า เพราะจิตใจบริสุทธิ์ แต่หากมาล่าสัตว์ พวกเรารับ ไม่ได้อยู่แล้ว และในวันนี้จะเดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ในฐานะพยาน ไม่หนักใจ จะพูดไปตามความจริง

“รู้สึกท้อแท้กับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าการที่เป็นคนแนะนำเรื่องการประสานงาน จนนำไปสู่การลักลอบล่าสัตว์ป่า จะทำให้เกิดเหตุสลดใจขึ้น ไม่คิดว่ายังมีคนประเภทนี้อยู่ในสังคม และยังถูกสังคมมองว่าตนเองเป็น ผู้ให้การสนับสนุน หากสุดท้ายไม่มีที่ยืน ในสังคมก็อาจพิจารณาลาออกจากตำแหน่ง ก่อนเกษียณอายุราชการที่เหลืออีกเพียง 1 ปี เท่านั้น” น.ส.กาญจนากล่าวทั้งน้ำตา

จากนั้นที่กองบังคับการปราบปรามการ กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) น.ส.กาญจนา และนายวิเชียร พร้อมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าชุดจับกุมอีก 3 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน โดย น.ส.กาญจนาจะมาให้ข้อมูลเรื่องการอนุญาตและอำนวยความสะดวกให้นาย เปรมชัยเข้าพื้นที่ พนักงานสอบสวนจับแยกห้องสอบสวน

ที่กรมอุทยานฯ นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานฯ กล่าวว่ากรมอุทยานฯ ตั้งคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกประเด็น ยังไม่ปลดใครออก ส่วนการเข้าพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่นั้น เป็นการมอบอำนาจตามลำดับชั้น หากพักค้างคืนต้องเป็น ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) การละเว้นค่าธรรมเนียม ป็นหน้าที่ของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรณีของเปรมชัยเป็นการเข้าไปพักค้างจะต้องได้รับอนุญาตจาก ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ทั้งทางวาจา หรือหนังสือก็ได้ แต่การแจ้งด้วยวาจาจะกระทำต่อเมื่อกระชั้นชิด และต้องแน่ใจว่าสามารถออกหนังสือได้ จึงอนุญาตได้ด้วยวาจา

ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พนักงานสอบสวน ปทส. เดินทางมาขอสำเนาเอกสารหลักฐานต่างๆ จากนายธรรมรัฐ วงศ์โสภา รรก.ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี โดยเฉพาะเอกสารการขออนุญาตเข้าเขตฯ ทุ่งใหญ่ฯ ของนายเปรมชัย

นายธรรมรัฐ กล่าวว่า ได้รับเอกสารขออนุญาตเข้าพื้นที่ เมื่อวันศุกร์ที่ 2 ก.พ. เวลา 16.03 น. ลงนามโดยนายวิเชียร หัวหน้า เขตฯ ทุ่งใหญ่ฯ ระบุว่าได้รับการติดต่อทาง โทรศัพท์จากผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ว่าคณะนายเปรมชัยมีความประสงค์เข้าศึกษาธรรมชาติเส้นทางทินวย-ทิคอง-มหาราช และเส้นทางเสน่พ่อง-เกาะสะเดิง วันที่ 3-4 ก.พ. เขตฯ พิจารณาแล้วเห็นควรอนุญาตให้คณะเข้าทำกิจกรรมได้

นายธรรมรัฐ กล่าวว่า แต่เอกสารขออนุญาตไม่สมบูรณ์ เนื่องจากขาดเอกสารคำขออนุญาตเข้าเขตรายบุคคล ที่ต้องยื่นพร้อมสำเนาบัตรประชาชน อีกทั้งการยื่นเอกสารกระชั้นชิด ทำให้การเข้าพื้นที่ของคณะนายเปรมชัยไม่ถูกต้องตามระเบียบราชการ ซึ่งเอกสารฉบับนี้ สำนักงานส่งให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ไปเป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว โดยปกติแล้ว สำนักงานจะอนุญาตให้ประชาชนเข้าพื้นที่ทุ่งใหญ่ฯ 2 กรณี คือท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติ และใช้เส้นทางผ่านเพื่อนำสิ่งของไปบริจาคโรงเรียนและหมู่บ้านห่างไกล แต่จากข้อมูลที่ผ่านมา ยัง ไม่เคยพบรายชื่อนายเปรมชัย เข้ามาขออนุญาตเข้าพื้นที่ทุ่งใหญ่ฯ มาก่อน

เวลา 19.00 น. พ.ต.อ.ทัศนภูมิ จารุปรัช รองผบก.ปทส. เปิดเผยหลังสอบปากคำนายวิเชียร และน.ส.กาญจนา ว่าเป็นการสอบเพื่อหาว่านายเปรมชัยและพวกเข้าไปในพื้นที่ได้อย่างไร โดยน.ส.กาญจนาให้การว่า เป็นเพียงผู้แนะนำขั้นตอนให้กับนายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ ว่าจะขออนุญาตเข้าพื้นที่ได้อย่างไรบ้างเท่านั้น พนักงานสอบสวนพยายามติดต่อนายนพดลเพื่อเรียกเข้ามาสอบปากคำ แต่ยังติดต่อไม่ได้ หาก ไม่มาพบต้องออกหมายเรียกต่อไป โดยจะต้องสอบว่านายเปรมชัยมีเจตนาล่าสัตว์ตั้งแต่แรก ไม่ใช่การไปเที่ยว เพราะมีคนใกล้ตัวเคยทำงานในกรมอุทยานฯ และรู้ข้อมูลว่าพื้นที่ไหนใกล้สัตว์ จึงให้นายนพดลติดต่อผ่านทางน.ส.กาญจนา

รองผบก.ปทส.กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นชัดเจนว่ามีเจตนาไปล่าสัตว์ เพราะนำอาวุธปืน อุปกรณ์ล่าสัตว์ เกลือที่ใช้ในการคงสภาพสัตว์ นอกจากนี้ อาจจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายเปรมชัย ภายหลังจากค้นบ้านพบงาช้างที่มาจากแถบแอฟริกา เบื้องต้นไม่มีใบอนุญาตการขอขึ้นทะเบียน โดยในวันจันทร์ที่ 12 ก.พ. พนักงานสอบสวน บช.ภาค 7 จะสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรจุดตรวจรถในช่วงเวลาที่นายเปรมชัยและพวกเข้าพื้นที่ ว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน