ดอนเผยสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา “ชื่นมื่น” ปรัก สุคน เยือนไทยในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ดอนเผยสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา – วันที่ 23 ก.พ.ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแถลงผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของ นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาว่า การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมและสำคัญอย่างยิ่ง ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชาเติบโตในทุกมิติสู่จุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เนื่องจากมิตรภาพที่พิเศษและใกล้ชิดระหว่างผู้นำและประชาชน โดยได้หารือในหลายประเด็น ได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สองฝ่ายตั้งเป้าการค้าระหว่างกัน 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 5.1 แสนล้านบาทภายในปี 2568 จากปีที่แล้วเติบโตราวร้อยละ 23 มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 3.3 แสนล้านบาท
ในโอกาสนี้นายดอนและนายปรักได้เป็นประธานในพิธีเปิดเชิงสัญลักษณ์สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชาแห่งแรก เชื่อมจังหวัดสระแก้วและบันเตียเมียนเจย ความยาว 620 เมตร ซึ่งแล้วเสร็จสิ้นในปี 2562 แสดงถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดและมิตรภาพยืนยาวระหว่างสองประเทศและสองประชาชน ส่วนอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆทั้งหมดมีกำหนดเสร็จสิ้นในปี 2567
คาดว่าจะกลายเป็นช่องทางหลักในการขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชนไทยและกัมพูชา ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60 ของการค้าชายแดนสองประเทศ จากเดิมใช้ช่องทางด่านสากลคลองลึก-ปอยเปต ซึ่งปัจจุบันแออัดอย่างมาก สะพานมิตรภาพนี้จะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างไทยและกัมพูชา ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจตามระเบียงเศรษฐกิจทางใต้
พิธีเปิดเชิงสัญลักษณ์ของสะพานมิตรภาพจะเปิดบทใหม่ของการเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะนำประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมแก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย
Advertisement
นอกจากนี้ นายดอนและท่านปรักยังมีความยินดีที่มีความร่วมมือด้านการเงินอย่างใกล้ชิด โดยสองประเทศเริ่มบริการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดระหว่างไทยและกัมพูชาได้สำเร็จเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับแนวทางการขยายบริการดังกล่าวให้ครอบคลุมการส่งเงินรายได้ของแรงงานกลับไปให้ครอบครัวในประเทศด้วย
ด้านความมั่นคง สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะยกระดับความร่วมมือเพื่อรับมือปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์หรือแก๊งต้มตุ๋นออนไลน์ ซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาการค้ามนุษย์และการฟอกเงิน ไม่เพียงเท่านี้ไทยและกัมพูชาจะเร่งดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้เห็นชอบร่วมกัน โดยจะเริ่มดำเนินการในพื้นที่นำร่อง 10 แห่งก่อน
ในขณะเดียวกัน สองฝ่ายจะเสริมสร้างความเข้มแข็งในการรับมือและจัดการภัยพิบัติ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินตามแนวชายแดนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
