สืบจากกองอึ! มัดเจ้าสัว”เปรมชัย” จนท.ลุยหาพยานหลักฐานเจอกองใหญ่ จุดแล่เนื้อชำแหละเสือดำ เก็บส่งให้พฐ.ตรวจพิสูจน์ มั่นใจของคนแน่นอน อีกทั้งไม่น่าใช่ของลูกน้องเจ้าสัว ขณะที่รองอธิบดีกรมป่าไม้ เผยความคืบหน้าคดีบุกรุกป่าภูเรือ ใช้ฮ.บินสำรวจรวบรวมพื้นที่ถูกบุกรุกกินอาณาเขตเท่าไร ขณะที่เครือข่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ จ.เลย ระบุ มีการทำงาน 2 มาตรฐาน เหมือนรู้เห็นเป็นใจ หลังมี คำสั่งออกมากว่า 10 ปีให้มีการเพิกถอนสิทธิ์ครอบครองที่ดิน

จากกรณีนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก นำเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวนาย เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อป เมนต์ พร้อมพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ทั้งไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ที่ถูกชำแหละและถลกหนัง รวมถึงอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานข่าวจาก เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่ลงพื้นที่เข้าเก็บหลักฐานบริเวณที่จับกุมนายเปรมชัย กับพวก เพิ่มเติมในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ระบุว่าจากการตรวจสอบพบกองอุจจาระที่กองอยู่หน้ารถ 1 กองใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ปลดปลอกปืนลูกซองเพียง 3 เมตรเท่านั้น โดยพบว่าเป็นอุจจาระของคน ไม่ใช่อุจจาระของสัตว์ เจ้าหน้าที่จึง เก็บกองอุจจาระส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นยังพบว่าบริเวณที่พบกองอุจจาระนั้นเป็นจุดเดียวกับที่มีร่องรอยการแล่เนื้อ และชำแหละเครื่องในของเสือดำออกมา ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อมั่นว่าเป็นอุจจาระของนายเปรมชัย ไม่ใช่ของลูกน้องคนใดคนหนึ่งแน่นอน

ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบ กรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าใน อ.ภูเรือ จ.เลย ของบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีนายเปรมชัยเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารนั้น นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการรังวัดและรวบรวมแปลงรูปที่ดินมาเพื่อตรวจสอบแล้ว โดยมีการบินสำรวจโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อถ่ายภาพและหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยวันที่ 19 ก.พ.นี้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจะนำชี้แนวเขตพื้นที่ที่มีการนำไปออกเอกสารสิทธิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อขึ้นรูปแปลงซึ่งส่วนนี้เรามีข้อมูลพอสมควรแล้วและยังมีพื้นที่ครอบครองที่มีไม่เอกสารสิทธิที่จะต้องรังวัดนำมาขึ้นรูปแปลง เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ามีจำนวนพื้นที่ที่ถูกบุกรุกกินอาณาเขตเท่าไร

ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวถึงกรณีบริษัท อ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า จำกัด ทำธุรกิจให้เช่าที่จอดเรือที่จ.ภูเก็ต ซึ่งระบุว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนายเปรมชัย กรรณสูต ว่าได้สั่งการให้สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 ตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่าท่าเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 บ้านแหลมหลง ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่ง เจ้าหน้าที่บริษัทชี้แจงว่า พื้นที่ตั้งของท่าเรือมีทั้งส่วนที่อยู่บนบกและในทะเล ส่วนที่อยู่บนบกเป็นที่ตั้งของอาคารร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงที่จอดรถ มีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ โดยมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือนส 3 ก. แต่อยู่ที่ผู้บริหารของบริษัท

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทช. ได้หาค่าพิกัดตำแหน่งที่ตั้งด้วยเครื่องมือหาค่าพิกัดทางภูมิศาสตร์ หรือ จีพีเอส ถ่ายทอดลงไปในแผนที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี 15 ธันวาคม 2530 และ 22 สิงหาคม 2543 ซึ่งเป็นแผนที่ ORTHO สี ปี พ.ศ. 2545 ปรากฏว่า จุดที่ตั้งดังกล่าวไม่อยู่ในเขตป่าชายเลนตามมติ และไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งพื้นที่ตั้งท่าเรือที่ตรวจสอบอยู่ห่างจากเขตป่าชายเลนตามมติ และเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนคลองบางโรง ประมาณ 1.7 กิโลเมตร ขณะที่ท่าจอดเรือ ส่วนที่ล้ำลงไปในทะเล อยู่ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม อย่างไรก็ตามได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว บริเวณพื้นที่ก่อสร้างท่าเทียบเรือ อ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า ไม่พบว่ามีผล กระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

วันเดียวกัน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.เลย เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการบุกรุกป่า ว่าขณะนี้คณะกรรมการทำงานประสานกับป่าไม้ ไปตรวจนับว่า ต้นไม้มีเท่าไร สิ่งปลูกสร้างมียังไง และให้ทำแผนที่ออกมา เมื่อทำแผนที่ออกมาคาดว่าในวันอังคารนี้จะมีการประชุมว่า สิ่งที่พนักงานป่าไม้ตรวจนับและสิ่งปลูกสร้างจริงมันมีอยู่เท่าไร อยู่ในแผนที่เท่าไร แล้วมาเอามาใส่ในแผนที่ เมื่อมาใส่ในแผนที่คณะกรรมการชุดนี้ ก็จะติดตามกับพนักงานสอบสวน ถ้าไม่ได้ข้อมูลก็จะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสาร นำส่งพนักงานงานอัยการต่อไป

นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ส่วนในกรณีเรื่องออกโฉนดที่ดินทับซ้อน ที่ดินแปลงที่ถูกเพิกถอนคณะกรรมการสำรวจเบื้องต้นพบความจริงที่เชื่อได้ว่า ที่ดินใน 6 ไร่ที่มาออกโฉนดภายหลัง พบเป็นพื้นที่ที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว เมื่อมีข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกมาแบบนี้ ขั้นตอนต่อไปต้องตั้งคณะกรรมการเพื่อพิสูจน์ว่าจริงไหม ถ้าจริงต้องเสนอให้ท่านอธิบดีแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาการเพิกถอน อำนาจการถอดถอนโฉนดเป็นอำนาจของอธิบดี

ขณะที่กลุ่มรักษ์เมืองเลย และเครือข่ายภาคประชาชนอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย ร่วมกับ สมัชชาประชาชนภาคอีสานเพื่อการพัฒนาประเทศ ไทย โดยมีนายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว ได้ออกสำรวจพื้นที่ที่ดินของตระกูลกรรณสูต พบมีการทำงานของเจ้าหน้าที่ 2 มาตรฐาน

โดยเรื่องนี้นายคุ้มพงษ์กล่าวว่า หลังจากได้ตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐในอดีตรู้เห็นเป็นใจ ปล่อยปละละเลยทั้งๆที่มีคำสั่งออกมากว่า 10 ปีให้มีการเพิกถอน โดยหลักผู้ครอบครองต้องออกจากพื้นที่และไม่จำเป็นด้วยซ้ำไปว่ามีคำสั่งให้ออก เพราะพื้นที่จริงๆเป็นภูเขาอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับน.ส.3 หรือโฉนดเลยก็ได้ การที่พื้นที่เป็นภูเขาจะออกโฉนดไม่ได้

อย่างล่าสุดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เราก็มีความคาดหวังที่มีหน่วยงานมาจับการบุกรุกป่า อย่างที่ของวัดพระธรรมกายซึ่งมีพื้นที่ติดกันในเขตอำเภอภูเรือ ซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดียวกันที่ถูกเพิกถอนเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นป่าพื้นเดียวกันป่าภูหมี ภูขี้นาค ในเขตภูเรือวโนทยานเป็นพื้นที่ติดกันซึ่งมีชื่อเป็นทางการ ป่าภูเรือ ภูเปลือย ภูขี้เถ้า แต่ป่าภูหมี ภูขี้นาค เป็นภาษาถิ่น และกลางปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มาตรวจยึดที่ของธรรมกายที่ดินแปลงเดียวกันรั้วติดกัน แต่คิดจะเลือกจับและยึดอีกตรงหนึ่งและปล่อยไว้อีกตรงหนึ่ง ทั้งๆก็เป็นที่ดินที่ถูกเพิกถอนมา 20 ปีพร้อมกัน แต่เจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจและไม่ดำเนินการ มีแต่คิดปกป้องที่ดินของกลุ่มนายทุนใหญ่เท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน