ลุงพล-ป้าแต๋น ขอเคลียร์ปมเดินแสวงบุญ หลังสังคมหาว่าเรี่ยรายเงิน น้ำตาคลอไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นลุงพล เผย ความคืบหน้าคดีน้องชมพู่

วันที่ 19 เม.ย.2566 ลุงพล ป้าแต๋น ได้ออกรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทางช่อง 8 พร้อมเคลียร์ชี้แจงคดีดังน้องชมพู่ จะจบแบบไหน แต่คดีเก่ายังไม่ทันเคลียร์ ยังมีประเด็นใหม่มาให้เคลียร์กันอีกแล้ว ที่หลายคนว่า การเดินแสวงบุญในครั้งนั้น หวังหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แถมยังตอบคำถามแบบละเอียดเกี่ยวกับทนายตั้ม กับประเด็นค่าทำคดีน้องชมพู่ 3 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ทั้งสองขอเคลียร์ให้กระจ่าง

ลุงพล-ป้าแต๋น ขอเคลียร์ปมเดินแสวงบุญ หลังสังคมหาว่าเรี่ยรายเงิน

ลุงพล-ป้าแต๋น ขอเคลียร์ปมเดินแสวงบุญ หลังสังคมหาว่าเรี่ยรายเงิน

ลุงพลคะ ดิฉันต้องถามนิดนึงนะคะไม่รู้จะเสียรูปการไหมคะ แต่ดิฉันต้องถามค่ะความคืบหน้าคดีน้องชมพู่ตอนนี้ไปถึงไหน

ลุงพล : เรื่องคดีของหลานชมพู่นะครับ อยู่ในกระบวนการศาลชั้นต้นอยู่ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเบิกความฝั่งโจทก์อยู่ ตอนนี้ก็ให้ทนายทำงานหน้าที่ของท่านทนายให้เต็มที่ครับ แล้วลุงป้าก็เคารพในกระบวนการยุติธรรม รอขึ้นศาลอีกทีก็เดือนมิถุนายน

แต่ฉันก็ฟังคนโน้นฟังคนนี้มาเยอะตามประสา นั่งอยู่ก็มีแต่คนเล่าเธอสองคน เขาก็บอกว่ายังไงเธอสองคนก็รอดเพราะเธอมีพวกยูทูบเบอร์พรรคพวก ทำข่าวชี้แจงความจริงนี่โน่นเยอะแยะช่วยกันกระจายให้เธอรอดจริงหรือเปล่า

ลุงพล : จริง ๆ ยูทูบเบอร์เมื่อก่อนตอนอยู่ที่บ้านกกกอก ก็มียูทูบเบอร์ประมาณเกือบร้อยช่องที่ทำข่าวอยู่ที่นั่นแต่ตอนนี้ก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านจำเปาะดงเหนือ หมู่ 6 ตำบลกุดดอยคำ ซึ่งเป็นบ้านเกิดผม ตอนนี้ยูทูบเหลือประมาณ 40 กว่าช่อง ก็ครึ่งของครึ่ง (ก็ไม่น้อยนะคะก็ยังเยอะนะ 40 กว่าช่องช่วยรายงานความเคลื่อนไหวของลุงกับป้าสองคน เขาบอกว่ายังไงก็เถอะก็ต้องรอด เพราะพวกเธอเยอะในสื่อ)

ป้าแต๋น : อันนี้ขออนุญาตนิดนึงนะคะว่า ถ้าอยากจะบอกว่ายูทูบเบอร์ทำให้ลุงป้ารอดหรือว่าคนอื่นที่ทำให้ลุงป้ารอดเนี่ย จริง ๆ เราต้องดูตามความจริงทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการของศาล มันต้องอยู่ตรงโน้นดีกว่าเพราะยูทูบเบอร์ทำเป็นกระแสไปเรื่อย ๆ ก็ทำเป็นรายได้กันไป คนที่จะตัดสินจริง ๆ ก็คือ ศาล (ใช่ค่ะแต่เขาก็บอกว่าถ้าคดีเงียบ ๆ นะเหมือนเป่าสากก็เข้าคุกกันง่าย ๆ แต่ถ้าคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชนมีคนช่วยกระพรือส่วนใหญ่อีคดีพวกนี้รอดลุงกับป้าว่าไง)

ลุงพล : อันนี้ผมคิดว่าถ้าสังคมคิดแบบนี้นะครับ ถ้าคนที่เป็นคดีดัง ๆ แล้วคนสนใจ แล้วจะต้องรอดอันนี้ผมคิดว่าคงไม่ใช่ เพราะคนที่จะต้องรอดเกี่ยวกับเรื่องที่คนสนใจต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ ซึ่งลุงป้าเองตอนนี้กำลังพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม (ถามหน่อยเธอว่าเธอสองคนรอดหรือเปล่า)

ลุงพล : อันนี้เราตัดสินใจสองคนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าพยานที่นำสืบต่าง ๆ (อ๋อถ้าเกิดพยานเขามาต่อให้เป็นความเท็จ แต่เราก็แพ้ด้วยหลักฐานเราก็ต้องติดคุกหรอ เอ้าก็เราไม่ได้ทำ ยังไงเราก็ต้องรอดเธอก็ต้องมั่นใจสิว่าเธอต้องรอด) ลุงพล : คือความจริงหนะ สิ่งที่ลุงป้าต้องเจอทุกวันนี้ เพราะว่าส่วนหนึ่งมันอาจเป็นที่ลุงให้ข่าวในสื่อมากจนเกินไป เหมือนกับคำพูดทุกอย่างต้องมามัดตัวเอง ที่นี้ก็ต้องมาพิสูจน์ตัวเองด้วยกระบวนการชั้นศาล ซึ่งทุกวันนี้ลุงก็พยายามที่จะออกสื่อให้น้อยลง

(แล้วปล่อยลุงไปให้ออกทำไมคะป้า)

ป้าแต๋น : ตั้งแต่แรกเราไม่ได้คิดว่ามันจะมาเป็นแบบนี้ด้วยความที่เราอยาก ครั้งแรกที่ลุงพาน้องไปผาก็คือแบบอยากจะขอความช่วยเหลือกลัวมันแบบว่าผ่านไปเฉย ๆ อะไรแบบนี้ เลยเป็นต้นเหตุที่ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นกะเราตรงนี้ แต่ทุกอย่างที่มันเป็นไปมา เราสองคนนี้คือ ถ้าจะไม่พูดเรื่องศาลเรื่องอะไร ถ้าเราบอกว่าเราไม่ได้ทำแต่หลายคนเขาอาจจะคิดว่า มันทำแน่ มีความสงสัยจนเราเกิดเป็นผู้ต้องหามีอะไรมาพวกนี้ทุกอย่างมันก็คือ

(ถามจริงเราสองคนไม่ได้ทำใช่ไหม ) ใช่ค่ะ ไม่ได้ทำ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแบบนี้ทุกอย่างมันก็ต้องจบที่ศาล ในเมื่อเราพูดปากอย่างงี้แล้ว ไม่มีใครเชื่อสุดท้ายมันก็ต้องพิสูจน์ด้วยหลักฐานทุกอย่าง
ลุงพล ป้าแต๋นก็รู้นะเรื่องราวของเราไม่ใช่เล็ก ๆ มีคนยื่นไม้ยื่นมือ ดิฉันก็ไม่รู้ว่ามาช่วยจริงหรือช่วยไม่จริงหรือมาเกาะกระแสใช้ทนายเปลืองมาก แล้วหนึ่งในนั้นก็มีทนายตั้มเข้ามาช่วยด้วยก็เลยเป็นเรื่องเป็นราวดิฉันต้องถามก่อนตอนนั้นไปรู้จักทนายตั้มได้ยังไง

ลุงพล : ตัวทนายตั้ม ที่ลุงรู้จักก็คือรู้จักเกี่ยวกับเรื่องทำหวย 30ล้าน ก่อนหน้าเรื่องน้องแล้วทีนี้ก็มารู้จักทนายตั้มอีกทีตอนที่ลุงไปปรึกษาคนดังเมืองเพชร ก็ได้เข้าไปยื่นคดีหมิ่นประมาทคนดังอีกคนนึง ก็ไปยื่นตรงที่ศาลอาญารัชดา ก็เลยรู้จักทนายตั้มมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นท่านก็พยายามเดินทางไปที่กกกอก

เห็นทนายตั้มบอกที่เขาไปต้องออกเงินเองอะไรเอง แต่ลุงพลก็บอกว่าอ๋อต้องช่วยเหลือดูแลที่อยู่ที่กินออกข่าวกันแบบคนละแนวดิฉันว่าต้องมีใครคนใดคนนึงโกหกตกลงยังไงคะเล่าซิ

ป้าแต๋น : จริง ๆ ก็ทนายตั้มท่านเดินทางมา เราไม่ได้จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินหรือจ่ายค่าที่พักให้ ส่วนมากก็จะเป็นพาไปทานข้าว เพราะว่าช่วงแรก ๆ คือคดีมันยังไม่ได้เริ่มอะไรมากมายแต่ทุกครั้งที่มา ทนายท่านก็จะซัพพอร์ตตัวเองเราก็จะช่วยในเรื่องของการพาไปทานข้าวประมาณนี้เอง ไม่ได้ให้ (อ้าวแล้วทำไมมันมีข่าวว่าเขาเอาไปตั้งสามล้านหละ) อันนี้เราก็เหมือนกับว่าได้ยิน ก็คือมันเป็นคำพูดของโซเชียลค่ะ ผ่านมาเรื่อย ๆ ของเอฟซีที่เขาทำคลิปทำอะไรกันออกมา

จริง ๆ ท่านก็บอก ก็มีเอฟซีเหมือนกับว่าโทรมาคุย มาอะไรประมาณนี้อยู่ แต่ที่ว่า 3 ล้านใช่ไหมคะ ต่อรองเป็น 2 ล้าน อะไรอย่างเงี้ยจริง ๆ แล้วตัวเงินจะโอนเข้าไม่เข้า อันนี้คือเราไม่รู้จริง ๆ แต่ถ้าว่าเห็นเขาพูดคุยในสื่อในข่าวในโซเชียลยูทูบพวกนี้เราก็ได้ยินมา (แล้วทนายตั้มเคยมาเรียกร้องเงินกับเราโดยตรงไหม เอา 3ล้าน) ไม่เคยค่ะ

(แล้วที่มันบอกว่าอี 5 แสนนั้นคืออะไรหละ) อันนั้นเราก็ไม่ทราบค่ะ เพราะว่ามันเป็นโซเชียล มันเป็นคำพูดของโซเชียล (ตายต้องแคปแล้วเก็บมานะ เขาอาจจะใส่ประเด็นโกหกแล้วทำให้เราเสียหายกันไปหรือเปล่า) มันก็อยู่ที่คนพูดแหละค่ะ ว่าเขาเอาหลักฐานอะไรหรือเปล่าเราไม่แน่ใจว่ามีกันไหม แต่ว่าส่วนที่เราก็คือ เราก็อยู่ตรงกลางตรงนี้ไม่สามารถที่จะไปรู้ได้ว่ามันจริงเท็จแค่ไหน แต่ได้ฟังมา ได้ยินมา อันนั้นได้ยิน ลุงกับป้าคะคดีความยังไม่จบนะคะ ศาลยังตัดสินไม่เสร็จ ดิฉันทราบว่าสองคนตอนนี้ก็ทำบุญกันเยอะไปวิ่งสองร้อยกิโลเมตรเพื่ออะไรกันคะ

ลุงพล : เป็นการเดินแสวงบุญครับ (อ๋อเดิน ดิฉันก็นึกว่าวิ่งแบบดาราเขาวิ่งแล้วเขาเรี่ยไรเงินตามถนนกันแบบนั้นอ๋อเป็นแสวงบุญเดิน) คือความตั้งใจที่ลุงเองนะครับได้ไปสร้าง ได้สร้างองค์พ่อปู่ปาริจิตนาคราชเป็นงานพระธาตุพนม ทีนี้มันมีช่วงที่ผมบวงสรวง 9 มกราคม เสร็จแล้วมันอยู่ในช่วงเดือนสองถ้าเป็นประเพณีอีสาน ก็จะมีบุญเดือนสามที่คนโบราณคนเฒ่าคนแก่เขาทำบุญกันมานะครับ ทีนี้บุญเดือนสามที่พระธาตุพนมจัดทุกปี เลยคิดว่าระยะทางสองร้องกิโลเมตร

ซึ่งให้ยูทูบไปสำรวจเส้นทางก่อนว่าตัวลุงเองจะเดินไหวไหม ทีนี้ระยะทางมัน 200 กว่ากิโลครั้งแรกตั้งใจว่าจะเดินสัก 3 วัน ทีนี้เส้นทางที่เราจะไปถ้าเดินเท้าเปล่า แล้วช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่ลุงเองก็ยังคิดว่าจะเดินไหวไหม วันละ 70 กิโลเมตรเลยมานั่งพูดคุยกันหลังจากที่ดูเส้นทางที่จะเดินเลยนัดกันว่าเราจะเพิ่มเวลาในการเดินเป็นสี่วัน ห้าวันเลยตัดสินใจเดินกันที่ 4 วันเป็นอย่างน้อย วันละ 50 กิโลเมตร

แต่การเดินเราต้องมาประชุมพูดคุยกันถ้าใครไม่ไหวให้ขึ้นรถเหมือนตัวลุงเองถ้าไม่ไหวก็ให้ขึ้นรถไปเลย (เดินไปก็จะมีคนช่วยร่วมบุญด้วย) อันนี้เราไม่รับครับ (แต่มีคนเขาบอกนะว่าการเดินเที่ยวนี้หาเงินใส่กระเป๋าตัวเองแล้วเขาจะมากล่าวหาได้ไงว่าพวกเธอหาเงินหากำไร) มีรับก็จะเป็นต้นกรรณครับ เราปักต้นกรรณอยู่ที่ลานพ่อปู่ เรารวบรวมทั้งหมดวันนั้นเป็นเงินประมาณ 2 แสนกว่าบาท

(อะไรกันจะทำบุญทั้งทีก็มีคนหาว่าจะมาหากำไรเดี๊ยนอ่านตรงนี้ให้ฟังนะคะ มีคนเขาบอกท่านทนายอนันต์ชัยรู้จักเขาใช่ไหมคะ เขาบอกว่าอย่าเอาวัดพระธาตุพนมไปเกี่ยวข้องสร้างกระแส ตรวจสอบดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นี่ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้ แสดงว่าเขารู้เลยว่าลุงกับป้าจะหาเงินอีกแล้ว) คือมันมีคนไปร้องเรียนที่วัดแล้วทีนี้ก็ไปบอกว่าทางลุงป้าเองไม่ได้เอาบัญชีวัดไปโพสต์

(แล้วเธอโพสต์บัญชีตัวเองหรอ) จริง ๆ แล้วเป็นบัญชีวัดครับแล้วทางวัดอนุญาต (แล้วทำไมคนอื่นไปบอกว่าเราโพสต์บัญชีตัวเอง) เขาหาเรื่องครับเป็นคนที่ชอบหาเรื่อง จริง ๆ วันนั้นเราติดต่อทางวัดก่อนเรียบร้อยแล้วจริง ๆ เราไม่อยากจะพูดอะไรมาก เรากะทำบุญให้เสร็จเดินให้เสร็จก่อน ลุงป้าเราเองมียูทูบเบอร์อยู่ด้วยในระหว่างที่เราเดินทางเราทำคลิปทุกอย่างลงไปในโซเชียลทั้งหมด การที่ทำให้คนเชื่อว่าเราบริสุทธิ์ใจอะมันคงยากแต่การกระทำที่เราทำ (ดิฉันถามแบบนี้เลยละกัน เธอเอาเงินบริจาคไปใช้กันหรือเปล่า)

ป้าแต๋น : เหมือนกับคดีเลยค่ะ ถ้าบอกว่าเราไม่ได้ทำหลายคนเชื่อไหม มันมีคนไม่เชื่อก็เหมือนกันกับเงินบริจาคเงินอะไรทุกอย่างก็ตามถ้าเราบอกว่าเราไม่ได้เอาไปตามที่เขาให้มา เราเอาไปช่วยคนนี้ เราบอกเราไม่ได่เอาไปทำอย่างอื่นคนที่เชื่อก็มี แต่คนที่ไม่เชื่อก็มี

สุดท้าย ลุงพลยังทิ้งทายว่า อยากให้สังคมมองไปที่ความจริง ที่เราต้องเจอ เชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นลุงพล ป้าแต๋น ลุงเองก็ถามมาตลอดมีใครอยากเป็นลุงพลป้าแต๋นบ้าง (น้ำตาคลอ)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน