สั่งเด้งแล้วผบก. ตร.กาญจน์ เซ่นคดีหวย 30 ล้าน เผยสั่งเพิ่มคำให้การฝั่งครูปรีชาหลายครั้ง แถมยังมีพิรุธหลักฐานซองลอตเตอรี่หาย ขณะที่บิ๊กแป๊ะยันหวย 30 ล้านเป็นของหมวดจรูญ มีผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ชัดเจน แถมเจ้าตัวยังเป็นคนไปขึ้นเงินมา ถือเป็นคนสุดท้าย แต่รายละเอียดให้รอผลแถลงวันที่ 28 ก.พ. ขอให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม ส่วนหากมีตำรวจ คนไหนเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินคดีเด็ดขาด ยันไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ขณะที่ครูปรีชาแถลงข่าวโวยสื่อด่วนสรุปทั้งที่กองปราบฯ ยังไม่ได้แถลง ทำให้ถูกรุมด่า ย้ำยังมั่นใจเป็นเจ้าของหวย ถ้าศาลชี้ผิดพร้อมเข้าคุก

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ สลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่ถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ข้าราชการบำนาญ และนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูใน จ.กาญจนบุรี ว่าได้รับรายงานล่าสุดจากชุดทำงานของบก.ป. และ บช.ก.แล้วว่าคืบหน้ามากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยจะประชุมสรุปและแถลงข่าวผลสรุปในวันที่ 28 ก.พ. ตอนนี้ไม่เร่งรัดอะไร ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ขณะนี้เหลือเพียงทำให้เรียบร้อย อีกนิดหน่อยก็ครบชัดเจน 100 เปอร์เซ็นต์

ผบ.ตร.ยังยอมรับว่า ทราบแล้วว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับที่ถูกรางวัลที่ 1 เป็นของผู้ใด แต่จะพูดในวันที่ 28 ก.พ.

เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวออกมาว่าหวยเป็นของร.ต.ท.จรูญ ตรงกับที่ผบ.ตร.ทราบหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นคนไปขึ้นเงิน ได้เงินมา เขาถือเป็นคนสุดท้าย ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวไปว่ากัน แต่จะตรงกับบทสรุปการคลี่คลายเรื่องนี้ของชุดทำงานกองปราบปรามหรือไม่ ตนไม่ทราบ บอกไม่ได้ คำตอบที่ตนทราบอยู่บนพื้นฐานของการเป็นไปตามพยานหลักฐาน และหากผลออกมาเป็นของร.ต.ท.จรูญ นายปรีชาจะดำเนินการฟ้องร้องก็เป็นสิทธิตามกฎหมาย ไม่ได้หนักใจอะไร ผลที่ออกมาจะช็อกสังคมหรือไม่คงต้องให้สังคมตัดสิน แต่ตำรวจทำตามพยานหลักฐาน เรามีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฏ ขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและผลที่จะออกมา

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ทีมสืบสวนสอบสวน บช.ภ.7 สรุปผลเป็นอย่างหนึ่ง และหากทีม บก.ป.สอบสวนกลางสรุปออกมาอีกอย่างหนึ่ง อะไรคือสิ่งที่เชื่อถือได้ พล.ต.อ. จักรทิพย์กล่าวว่า พยานหลักฐาน เรื่องของนิติวิทยาศาสตร์ สามารถบ่งชี้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าให้เชื่อผลของบก.ป. ซึ่งพล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เราต้องทำความจริงให้ปรากฏ กองบังคับการปราบปรามเป็นหน่วยที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ใครไม่ได้รับความเป็นธรรมให้มาที่นี่ กองปราบฯรักษามาตรฐานของเขาอยู่แล้ว และว่านิติวิทยาศาสตร์จะเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเก็บรายละเอียด และทางบก.ป. กำลังรอให้ทุกอย่างนิ่ง เมื่อนิ่งแล้วผลสรุปจะชัด หากผลสรุปของ 2 หน่วยงาน ระหว่างบช.ภาค 7 กับ บก.ป.ไม่ตรงกัน ก็ไม่มองว่าเป็นการดิสเครดิต ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ตนให้ความสำคัญ ก่อนตัดสินใจโอนคดีมาที่บก.ป. ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานของ บก.ป. ซึ่งการตัดสินใจโอนคดีครั้งนี้ส่วนหนึ่งเพราะ ร.ต.ท.จรูญ มาร้องบก.ป.ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเสนอผบ.ตร. ให้ดำเนินการกับตำรวจ บช.ภ.7 ที่เข้าเกี่ยวข้องคดีนี้ในตอนแรกบ้างหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า มีข่าวมาเหมือนกัน ให้สิทธิ บก.ป.ดำเนินการอยู่แล้ว ใครก็ตามที่เข้าไปแตะ เกี่ยวข้องทำให้เกิดปัญหาในการรวบรวมพยานหลักฐาน หรือทำสำนวนต่างๆ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางสามารถ มีความเห็นมาได้อยู่แล้ว หากใครเข้าไปเกี่ยวข้องเรามีกระบวนการดำเนินการอยู่แล้ว ได้พูดคุยกันแล้ว แต่ยังไม่ทำเป็นลายลักษณ์อักษร หากมีการเสนอมาว่าต้องทำอย่างไร ก็ดำเนินการตามนั้น ตนเชื่อว่าสอบสวนกลางไม่ไปกลั่นแกล้งใครอยู่แล้ว

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า คดีนี้แน่ชัดว่าค่อนข้างทำเป็นขบวนการ แต่รอรายละเอียดในวันที่ 28 ก.พ.ว่ามีใครเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ตนไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของชุดทำงาน ปล่อยไปให้ทำงาน เชื่อว่า ผู้ที่ทำงานเรื่องนี้มีประสบการณ์ทั้งนั้น ทั่วประเทศมีคดีหวยลักษณะนี้ 5 คดี สอบสวนกลางมีแผนประทุษกรรมอยู่ ส่วนจะมีตำรวจระดับนายพลเข้าไปเกี่ยวข้องมีความผิดในคดีนี้หรือไม่ ยังบอกไม่ได้ ตนยังไม่ทราบ แต่ถ้ามีอะไรเกี่ยวข้อง ส่อในทางไม่ดี เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็มีกระบวนการการดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนตัวยังไม่เคยพูดคุยกับพล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากมีผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นพูดคุยอยู่แล้ว ในเรื่องนี้ พล.ต.ท. กิตติพงษ์ เงามุข ผบช.ภ.7 ดูอยู่แล้ว

ที่กองบังคับการปราบปราม พหลโยธิน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. แถลงถึงความคืบหน้าของคดีหวย 30 ล้านบาท ที่มีการเสนอข่าวว่ามีบทสรุปแล้วว่าสลากกินแบ่งเป็นของใครว่า คดีหวยเจ้าปัญหา 30 ล้านที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่าประชาชนติดตามและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เมื่อคืนกระทั่งตอนเช้านี้มีสื่อบางช่องทางสรุปข่าวในประเด็นที่ผิด ซึ่งตนเห็นแล้วไม่สบายใจ พาดหัวข่าวว่าทางกองปราบปรามสรุปแล้วว่าหวยเป็นของใคร ขอชี้แจงว่าเวลานี้คณะการทำงานกองปราบปราม และกองบัญชาการสอบสวนกลางที่มี พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผบช.ก.เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ทุกส่วนยังคงทำงานอย่างหนัก แม้กระทั่งวันนี้ก็ยังนัดหมายเพื่อประชุมสรุปพยานหลักฐานที่แต่ละภาคส่วน ไปหามา ไปสอบสวนมา

“ไม่เข้าใจว่าบางสื่อเอาไปสรุปได้อย่างไร ยืนยันว่าในขณะนี้ยังไม่สรุปผลใดๆ ทั้งสิ้นว่าใครเป็นเจ้าของหวย นอกจากนั้นยังมีการที่มีการพาดพิงว่าจะมีการออกหมายจับพร้อมกับตำรวจหนึ่งนายขออนุญาตชี้แจงว่ายังไม่มีข้อสรุปเช่นเดียวกัน” พล.ต.ต.ไมตรีกล่าว

พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวว่า ที่ผ่านมาให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจของสื่อ แต่เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ตนและหน่วยงานเสียชื่อเสียง จึงต้องเว้นระยะห่างจากสื่อในจุดที่เหมาะสมมากกว่านี้ ขอให้อย่าเอาชื่อตนไปอ้าง หรือเอาหน่วยงานตนไปอ้างว่ามีการเปิดเผยเรื่องคดี มันไม่แฟร์ เพราะถ้าพูดตนก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง อย่าไปลงอะไรที่เกินจริง เพราะสังคมจับตาดูอยู่ นอกจากนี้ ผบช.ก.ก็เน้นย้ำว่าอะไรที่เป็นผลต่อรูปคดีเปิดเผยไม่ได้ ต่อจากนี้จะไม่ให้สัมภาษณ์อีก ให้ไปถามพล.ต.ต.ชาญ ที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ชั้น 3 บริเวณหน้าห้องผู้บังคับการกองปราบปราม กองบังคับการปราบ (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายมาติดไว้ “พื้นที่หวงห้าม สื่อมวลชนขออนุญาตก่อน” ภายหลังจากนำเสนอข่าวเรื่องว่ากองบังคับการปราบปรามมีการสรุปคดีหวย 30 ล้านบาท

ที่ จ.กาญจนบุรี ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักเลขที่ 143/22 ซ.ทุ่งนา 5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ของนายปรีชา เพื่อขอสอบถามข้อเท็จจริงถึงกรณีข่าวกองปราบฯ สรุปผลหวยแล้ว โดยนายปรีชากล่าวว่า มันเป็นกระแสของนักข่าว ไม่ใช่กระแสของตำรวจ ตำรวจได้แจ้งหรือยัง ยังไม่ได้แถลงการณ์ถูกไหม เพราะฉะนั้นนักข่าวต้องรอให้เขาแถลงข่าวก่อนถึงเขียน ส่วนเรื่องทนายของครูเขาพร้อมที่จะไปขึ้นศาลอยู่แล้ว

ทั้งนี้ระหว่างผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามพร้อมถ่ายภาพ ครูปรีชาบ่นว่าเริ่มรู้สึกเบื่อ นักข่าว เพราะเขียนข่าวทำให้ประชาชนสับสนและมอมเมาประชาชน

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงเรียนเทพมงคลรังษี นายปรีชาเปิดห้องให้สัมภาษณ์ โดยมีนายไพฑูรย์ นามเมือง และนายชลิต โพธิพันธ์ อดีตตัวแทนอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เดินทางมาให้กำลังใจกับครูปรีชา

ครูปรีชากล่าวว่า ตนถูกให้ร้ายและทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมา ผ่านการนำเสนอข่าวและข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงของสื่อบางแขนง ทำให้ตนกลายเป็นผู้ร้ายและถูกต่อว่า รุมประณามจากผู้คนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกออนไลน์ ที่มีผู้เข้ามา คอมเมนต์ด่าว่าตนจำนวนมาก ทั้งที่ผลการสืบสวนคดีของตำรวจกองปราบฯ ยังไม่เสร็จสิ้นแต่กลับมีการนำเสนอข่าวว่า ตนเป็นฝ่ายผิดและกำลังจะถูกออกหมายจับ ทำให้ตนตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในส่วนนี้ตนได้มีการปรึกษากับทีมทนายถึงการดำเนินคดีกับสื่อบางแขนง ที่สร้างความเสียหายให้กับตนเองและเสนอข่าวบิดเบือนไม่เป็นกลาง ซึ่งเรื่องที่ผ่านมาตนขอให้อภัย แต่หากยังมีการนำเสนอข่าวเช่นนี้อีกก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน

ครูปรีชากล่าวต่อว่า ส่วนในเรื่องของการสืบสวนคดีของตำรวจกองปราบฯ นั้น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรตนก็พร้อมยอมรับได้ เพียงแต่อยากวอนประชาชนที่ติดตามข่าวอย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใครถูกใครผิด เพราะเรื่องนี้หากตนเป็นฝ่ายถูกขึ้นมา คนที่เข้ามาด่าเข้ามาคอมเมนต์ก็คงไม่มีใครออกมาขอโทษตนแต่หากตนผิดตนก็พร้อมที่จะยอมรับ

ด้านร.ต.ท.จรูญกล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวจริงๆ และยังไม่ทราบว่าทางกองปราบฯ นั้นสรุปออกมายังไง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถตอบคำถามได้ จึงขอรอฟังคำแถลงการณ์จากกองปราบฯ ก่อน

วันเดียวกัน มีคำสั่ง ศปก.ตร.ที่ 10/2561 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการศปก. ตร. ลงนามโดยพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทนผบ.ตร. ผอ.ศปก.ตร. มีคำสั่งให้พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ไปปฏิบัติราชการที่ศปก.ตร.โดยให้ขาดจากต้นสังกัด เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผอ.ศปก.ตร.มอบหมาย ให้ไปรายงานตัวกับพล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ ผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ในวันที่ 22 ก.พ. 2561 เวลา 14.00 น. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ทำหนังสือถึงพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอให้สั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มาปฏิบัติราชการที่ตร. โดยสรุปว่า ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รองสว. (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี รับแจ้งความจากนายปรีชา เป็นคำร้องทุกข์ตามคดีอาญาที่ 1751/60 ลงวันที่ 26 พ.ย.2560 ก็หารือกับพ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รองผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี มาโดยตลอด ซึ่งพ.ต.ท.ชูวิทย์สั่งการให้สอบสวนพยานปากต่างๆ ให้กลมกลืน ต่อมาพล.ต.ต.สุทธิก็เรียกสำนวนไปตรวจหลายครั้ง ทั้งที่บ้านพักและที่ทำงาน แล้วสั่งการให้สอบสวนพยานปากต่างๆ ให้กลมกลืน จึงมีการแก้ไขบันทึกคำให้การเดิมของนายปรีชา น.ส.รัตนาพร และ น.ส.พัชริดา โดยเพิ่มข้อเท็จจริงลงในคำให้การเดิมที่สอบสวนไว้ครั้งแรก เพื่อให้เห็นว่ามีการกล่าวถึงพยานหลักฐานต่างๆ ครบถ้วน ตั้งแต่การสอบสวนครั้งแรก โดยมีการแก้ไขในลักษณะนี้หลายครั้ง ส่วนคำให้การเดิมได้ฉีกทิ้ง โดย พล.ต.ต.สุทธิ และพ.ต.ท.ชูวิทย์ทราบมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ทักท้วง

ต่อมามีคำสั่งจาก บก.ภ.จว.กาญจนบุรี และบช.ภาค 7 แต่งตั้งพนักงานสอบสวน แต่สำนวนยังอยู่กับ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ซึ่งหลังจากที่พนักงานสอบสวนจากภ.จว.กาญจนบุรีเข้ามารับผิดชอบ ก็มีการแก้ไขคำให้การ เมื่อมีคำสั่งบช.ภาค 7 ที่ประชุมก็รับทราบว่า มีการแก้ไขคำให้การ แต่ไม่ได้มีการโต้แย้ง โดยมีพล.ต.ต.คนหนึ่ง บอกว่าทำไปแล้วเดี๋ยวหาทางแก้ไข จากนั้นพนักงานสอบสวนก็สอบสวนบุคคลดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อยืนยันให้ตรงกับข้อเท็จจริงที่ถูกแก้ไข

นอกจากนี้เมื่อกลางเดือนม.ค.2561 พงส.ของบช.ภาค 7 ตกลงจะส่งซองพลาสติกบรรจุสลากที่มีลายมือเขียนราคาสลากไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นลายมือของน.ส.พัชริดาหรือไม่ โดยซองดังกล่าวร.ต.ท.จรูญมอบให้เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2560 ซึ่งเก็บไว้ในโต๊ะทำงานของตน ต่อมาโต๊ะทำงานถูกรื้อค้น ซองพลาสติกดังกล่าวหายไป เมื่อปรึกษาพ.ต.อ.พิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ ผกก.สอบสวน ก็ปรึกษาพล.ต.ต. คนหนึ่ง แล้วระบุให้ยกเลิกการส่งตรวจพิสูจน์ ซึ่งในการประชุม พงส.ของภ.จว.กาญจนบุรี และบช.ภาค 7 ไม่มีการบันทึกการประชุม

ด้าน พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค หัวหน้าพนักงานสอบสวนให้การว่า พล.ต.ต.สุทธิสั่งให้อายัดบัญชีธนาคารของร.ต.ท.จรูญ ต่อมามีเจ้าหน้าที่ศาลเล่าว่า อยู่ในเหตุการณ์ที่นายปรีชาซื้อหวย และเห็นเลขสลาก 726 แลบมาจากกระเป๋าเสื้อ จึงกลับมาบอกให้ ร.ต.อ. จิรยุทธ์ เรียกมาสอบปากคำเป็นพยานเพิ่มเติม และเมื่ออ่านคำให้การของพยาน หากพบว่าข้อเท็จจริงใดไม่สอดคล้องกันก็แนะนำให้ร.ต.อ.จิรยุทธ์สอบสวนเหตุการณ์ให้กลมกลืน สาเหตุที่ไม่แนะนำให้สอบสวนเพิ่มเติมตามลำดับเหตุการณ์ เพราะจะทำให้คำให้การไม่น่าเชื่อถือ อาจส่งผลต่อการพิจารณาน้ำหนักของพยานในชั้นพนักงานอัยการและชั้นศาล

รายงานระบุอีกว่า พฤติกรรมเชื่อมโยงของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การนั้น ได้แก่ พล.ต.ต.สุทธิ และพ.ต.ท. ชูวิทย์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของร.ต.อ. จิรยุทธ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลต่อรูปคดีอย่างมาก ทำให้พยานหลักฐานของฝ่ายนายปรีชามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่งผลต่อการมีความเห็นทางคดีของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และอาจส่งผลต่อการพิจารณาคดีในชั้นศาลได้ ซึ่งการกระทำของพล.ต.ต. สุทธิ และพ.ต.อ.ชูวิทย์ และร.ต.อ.จิรยุทธ์ ทำให้ร.ต.ท.จรูญมาร้องขอความเป็นธรรมจาก ผบช.ก.ให้โอนคดีให้ บก.ป.สอบสวน

ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุทธิเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 2560 โดยพ.ต.ท.ชูวิทย์ไปรายงานให้ทราบด้วยวาจา ต่อมาปรากฏตามสื่อว่า พล.ต.ต.สุทธิ เรียกนายปรีชา ร.ต.ท.จรูญไปเจรจาตกลง และนำสำนวนไปตรวจหลายครั้ง เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของคำให้การมาตลอด แต่ไม่ได้ทักท้วง ทำให้ร.ต.อ.จิรยุทธ์เข้าใจว่าการกระทำของตนถูกต้องตามคำสั่งของพล.ต.ต.สุทธิแล้ว

พฤติการณ์ของพล.ต.ต.สุทธิ เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจในฐานะที่ตนเองเป็น ทั้งผู้บังคับบัญชาและหัวหน้าพงส.ใน จ.กาญจนบุรี สั่งการให้พงส.สอบสวนโดยไม่สุจริต เป็นธรรม และมีอคติเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผบก.ภ.จว.กาญจนบุรีต่อไป อาจเป็นที่ไม่ไว้วางใจของคู่กรณีและประชาชน ตลอดจนอาจใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานอันส่งผลให้พยานเกิดความหวาดกลัว จึงควรให้ย้ายมาปฏิบัติราชการที่ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิมจนกว่าการสอบสวนคดีจะแล้วเสร็จ

อ่านข่าว‘เจ๊เกียว’เปิดเซอร์ไพรส์!! หวย30ล. ท้า‘จรูญ’มาตลาด อึ้งบ้าน‘เจ๊บ้าบิ่น’ติดป้ายแบบนี้(คลิป)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน