บีบหัวใจ เด็กชายวัย 6 เดือนเกิดมาพร้อมภาวะน้ำคั่งในโพรงสมองพ่วงปากแหว่งเพดานโหว่ ซ้ำยังแขน-ขา พิการ แม่สู้สุดใจ ยังหวังให้ลูกหายดี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 พ.ค.2566 น.ส.จรวยพร บวบขม หรือ พลอย แม่ของ ด.ช.จรุเดช บวบขม หรือน้องตงตง วัย 6 เดือน ที่มีภาวะน้ำคั่งในสมอง พ่วงปากแหว่งเพดานโหว่ แขนและขาพิการ เปิดเผยกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ว่า น้องตงตงมีภาวะน้ำคั่งในสมอง เนื่องจากการสร้างตัวที่ผิดปกติตั้งแต่ในครรภ์ แต่อัลตร้าซาวด์ไม่พบ มาพบตอนท้องแก่ 8 เดือนแล้ว แพทย์จึงให้คลอดเลย แต่เนื่องด้วยศีรษะที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ จึงต้องผ่าคลอดแทน

และเมื่อคลอดออกมาก็พบว่าน้องมีความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งภาวะน้ำคั่งในสมอง ปากแหว่งเพดานโหว่ นิ้วมือผิดรูป ไม่มีเล็บมือ และนิ้วเท้ามีแค่ข้างละ 2 นิ้ว อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เพิ่งคลอดน้องออกมา แพทย์บอกว่าน้องอาจจะผิดปกติ หรืออาจจะเสียชีวิตเลย อายุของน้องก็จะสั้นกว่าเด็กทั่วไป รวมถึงพัฒนาการทางสมองจะช้า อย่างขนาดศีรษะของน้องที่ในตอนแรกยังไม่ได้ใหญ่ และมาเริ่มขยายตัวในช่วงเดือนที่ 2 เฉลี่ยขนาดใหญ่ขึ้นเดือนละ 7-8 เซนติเมตร

จากนั้นแพทย์จึงเห็นสมควรว่า น้องควรผ่าตัด เนื่องจากขนาดของศีรษะที่เริ่มใหญ่จนเกินไป ยากต่อการดูแลแล้ว ไม่สามารถที่จะอุ้มได้ และต้องให้นอนหงายท่าเดียว จนศีรษะด้านหลังแบน โดยแพทย์ทำการใส่เรื่องมือในการช่วยระบายน้ำจากศีรษะลงสู่ช่วงท้อง

ซึ่งในขณะนี้ ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยขนาดศีรษะไม่ได้เล็กลงมาก แต่จะไม่ใหญ่ขึ้นไปมากกว่านี้ และอาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือช่วงตา ซึ่งก่อนหน้านี้ดวงตาของน้องอาการเหมือนพระอาทิตย์ตก แต่หลังผ่าตัดสายตาน้องเริ่มโฟกัสได้มากขึ้น และสามารถส่งเสียงร้อง หัวเราะได้ ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้น

ส่วนค่าใช้จ่ายค่าดูแลน้องตงตง ตอนนี้ก็ตกเดือนละประมาณ 5,000 – 6,000 บาท ในขณะที่ค่ารักษานั้นตอนนี้น้องได้รับการรักษาฟรีในส่วนของภาวะน้ำคั่งในสมอง แต่ในส่วนของการรักษาอาการอื่น ๆ ยังต้องชะลอไปก่อน ขอโฟกัสไปทีละอาการ








Advertisement

อย่างไรก็ตามที่ตนเองโพสต์คลิปน้องตงตงลงติ๊กต็อกไปนั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์จะเอาลูกมาเรียกร้องขอความสงสาร แต่อยากจะลงเก็บไว้เล่าเรื่องราวของลูกไว้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ ได้สู้ชีวิต อีกทั้งอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ เพราะตนเองก็ทำใจไว้ระดับหนึ่งหากวันใดเขาอาจจะอยู่หรือไม่อยู่กับเรา เราจะได้มีมีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเอาไว้ให้ลูก แต่ตนเองไม่เคยท้อ สู้ตลอด

ยอมรับว่าช่วงแรก ๆ เครียดมาก ตอนนี้ตนเองทำใจยอมรับว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ลูกต้องการเรา เราก็ต้องสู้ และได้กำลังใจจากผู้ใช้ติ๊กต็อกเยอะมาก โดยหลังจากที่โพสต์คลิปติ๊กต็อกลงไปแล้ว ก็พบว่ามีผู้ปกครองที่ประสบเหตุการณ์เดียวกันก็ได้เข้ามาพูดคุยปรึกษากันเยอะมาก บางรายก็แนะนำวิธีการรักษา บางรายก็บอกว่าลูกเคยเป็นแต่หายแล้ว ทั้งนี้ตนไม่ได้เปิดรับบริจาค แต่ถ้าใครที่เมตตาหรือเอ็นดูน้อง อยากจะช่วยเหลือ ตนและครอบครัวก็ยินดีรับไว้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน