หนุ่มป่วย ท้าวแสนปม เปิดใจ หลังผ่านมรสุมชีวิต ถูกบูลลี่ตั้งแต่เด็ก จนไม่อยากอยู่ เผยจุดพลิกชีวิต เปลี่ยนคำดูถูก เป็นพลังบวก “ผมจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2566 นายณัฐมล พรมศรี หรือเบ้ อายุ 25 ปี หนุ่มป่วยเป็นท้าวแสนปม เปิดใจกับ “ข่าวสดออนไลน์” ถึงแนวทางการใช้ชีวิต และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ป่วยเป็นโรคเดียวกัน กล้าออกมาใช้ชีวิตให้มีความสุข
นายณัฐมล กล่าวว่า ตนป่วยเป็นท้าวแสนปมตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ทีแรกพ่อแม่ไม่รู้ว่าเป็นโรคนี้ แต่สังเกตได้ว่าหน้าของตนบวมขึ้นและไม่ยุบลงเลย จึงเข้าใจว่าเป็นเพราะฟันหรือไม่ แต่เมื่อไปหาหมอจึงทราบว่าป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม ซึ่งมีเนื้องอกขนาดใหญ่ปูดออกมาบริเวณใบหน้าซ้าย ซึ่งเนื้องอกก้อนนี้หยุดโตตอนอายุ 14 ปี หมอบอกว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออก ก็มีโอกาสที่ชิ้นเนื้อนี้จะเกิดขึ้นมาอีก
ทีแรกเมื่อรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้ ก็รู้สึกอายน้อยใจตัวเองเพราะว่าไม่เหมือนคนอื่น โดนเพื่อนล้อต่าง ๆ นานา โดนบูลลี่เรื่องหน้าตา จนกลายเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ยิ่งช่วงปี 1 ปี 2 ที่ต้องขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพฯ ใหม่ ๆ เป็นช่วงที่รู้สึกดิ่งมากจนไม่อยากอยู่ แต่ก็ไม่กล้าบอกแม่ ได้แต่ระบายให้กับพี่ฟังเท่านั้น
“สิ่งที่ทำให้เราสามารถก้าวข้ามผ่านความรู้สึกน้อยใจตัวเองนั้น เกิดจากการที่ถูกล้อมาก ๆ จนท้อใจ ทำให้เราตัดสินใจ ฮึดสู้ เราอยากมีความสุขเหมือนคนอื่น อยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ไม่อยากมานั่งน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองแล้ว เพราะมองว่าเกิดมาเป็นโรคนี้แล้วก็ต้องอยู่กับมัน ตอนนี้จึงไม่แคร์คำพูดของคนอื่น จนทำให้เสียความเป็นตัวเองไม่กล้าออกไปใช้ชีวิต
เราอยากแสดงออกให้ทุกคนเห็นว่า นี่คือตัวเราและเราเป็นแบบนี้ มันมีความสุขมาก ชีวิตของเรา ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ตัวเองมีความสุขมากที่สุด จึงอยากขอบคุณครอบครัวคนรอบข้างเพื่อนเพื่อนที่ให้การสนับสนุน ซัพพอร์ตเราตลอด ทำให้เรากล้าเป็นตัวเอง กล้าทำสีผม กล้าแต่งตัว และกลายเป็นเบ้ในปัจจุบัน”
หลังจากนี้ตนจะใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ อาจจะขายของในโซเชียล และทำคอนเทนท์ชีวิตของตัวเอง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่ป่วยเป็นโรคเดียวกัน ให้คนเหล่านั้นกล้าออกมาใช้ชีวิตโดยที่ไม่ต้องแคร์คำพูดของคนอื่น
อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนไม่ได้มีแผนที่จะผ่าตัดใบหน้า แต่ก็รักษาอยู่กับคุณหมอที่โรงพยาบาล จึงต้องสังเกตอาการของตัวเองว่าเนื้องอกบริเวณใบหน้าโตขึ้นหรือไม่ แต่เบื้องต้นขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
