เศร้า นาทีบีบหัวใจ แม่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ลูกสาวรู้เวลาเหลือน้อย ตัดสินใจพาไปถ่ายรูปครอบครัว ก่อนถึงวันรับปริญญา จากนั้น 1 เดือนท่านเสียชีวิต

เรื่องราวสุดเศร้าจากผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ “หมิว แหลงใต้” ที่ได้พาคุณแม่ผู้ป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้ายไปถ่ายภาพครอบครัวและภาพชุดครุย ทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนดรับปริญญา เผย อยากใช้เวลาที่เหลืออยู่คุ้มค่าที่สุดก่อนจากกันตลอดชีวิต

เศร้า นาทีบีบหัวใจ แม่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ลูกสาวรู้เวลาเหลือน้อย ตัดสินใจพาไปถ่ายรูปครอบครัว ก่อนถึงวันรับปริญญา

เศร้า นาทีบีบหัวใจ แม่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ลูกสาวรู้เวลาเหลือน้อย ตัดสินใจพาไปถ่ายรูปครอบครัว ก่อนถึงวันรับปริญญา

เมื่อเวลา 11.00น. วันที่27 มิ.ย.2566 น.ส.ปริยาพร สุขแสง หรือ หมิว ลูกสาว เปิดเผยกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ว่า คุณแม่ตรวจพบมะเร็งตอนเดือนม.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อตรวจพบก็เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายแล้ว ขณะนั้นก็ช่วยกันรักษา สู้กันมาเรื่อย ๆ จนถึงเดือนนี้ก็ประมาณ 6 เดือนพอดี และพี่สาวได้พาคุณแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่คุณหมอได้แจ้งกับคนไข้ และพี่สาวของตนว่ารักษาคุณแม่ไม่ได้แล้ว วันนั้นคุณแม่ทรุดและมีอาการเศร้า

น.ส.ปริยาพร กล่าวต่อว่า เมื่อกลับมาถึงบ้านพี่สาวก็เลยมาแจ้งกับลูก ๆ ทุกคน ว่าอาการคุณแม่เป็นอะไรยังไงบ้าง จึงทำให้รู้ว่าคุณแม่น่าจะไม่ไหว ตนจึงมีความคิดว่าไม่รู้ว่าแม่จะมีเวลาเหลืออีกนานแค่ไหน จึงชวนคุณแม่และครอบครัวไปถ่ายรูปครอบครัวและรูปชุดครุยของตน ซึ่งกำหนดรับปริญญาของตนจะเป็นเดือนก.ย. แต่อาการคุณแม่ก็หนักขึ้นทุกวัน จึงตัดสินใจไปเช่าชุดแล้วพาคุณแม่ไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พร้อมกับใส่ชุดรับปริญญา หลังจากถ่ายรูปเสร็จไม่นานแค่ประมาณ 1 เดือน คุณแม่ก็จากไป

น.ส.ปริยาพร กล่าวอีกว่า วันที่พาคุณแม่ไปถ่ายภาพ อาการคุณแม่เริ่มไม่ไหวแล้ว อาการเริ่มถอยลงเรื่อย ๆ ก่อนจะไปถ่ายคุณแม่ก็นอนทั้งวัน ร่างกายไม่ไหว แต่วันนั้นแม่ก็สู้ พยายามลุกขึ้นและใส่ชุดแต่งตัว พยายามเดินและไปถ่ายรูปในสตูกัน เพื่อเป็นภาพที่ระลึกให้กับครอบครัว ซึ่งวันนั้นก็ไปกันทั้งบ้าน

น.ส.ปริยาพร กล่าวด้วยว่า ขณะที่พาคุณแม่ไปถ่ายรูปตนก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะรูปชุดครุยของตนเป็นรูปที่คุณแม่อยากเห็นมากที่สุด และเหมือนปลดล็อกตัวเองที่ทำให้คุณแม่ประทับใจ และเก็บไว้เป็นความทรงจำด้วย เพราะตอนที่ท่านยังสุขภาพดี แม่ก็ส่งตนเรียนจนจบและก็เคยบอกกับตนว่าอยากเห็นตนถ่ายรูปชุดครุย อยากไปรับปริญญา








Advertisement

น.ส.ปริยาพร กล่าวต่อว่า หลังจาก 1 เดือนที่ถ่ายรูป คุณแม่ก็ได้เข้าโรงพยาบาลรักษาตัวนานถึง 10 กว่าวัน และเหลือเวลาอีกประมาณ 10 กว่าวัน ก่อนท่านจะเสีย คุณหมอก็จะแจ้งมาบอกว่า ค่าเลือดต่าง ๆ ไม่ดีแล้ว และคุณแม่ก็อยากกลับมาอยู่บ้าน จึงตัดสินใจกับลูก ๆ ทุกคนว่า จะพาคุณแม่กลับมาดูใจอยู่ที่บ้าน

น.ส.ปริยาพร กล่าวว่า ขณะที่กลับมาวันแรกคุณแม่ยังเดินได้ ยกตัวได้ปกติ แต่หลังจากนั้นอาการค่อย ๆ ทรุดลง แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง ตนพยายามพูดให้กำลังใจคุณแม่ พูดกับท่านเสมอว่า เดี๋ยวแม่ก็หาย แม่สู้มาก ไม่เจ็บนะ จนวันสุดท้ายคุณแม่ก็นอนนิ่ง ๆ ทำอะไรไม่ได้ตนก็จับมือคุณแม่ไว้พร้อมกับบอกคุณแม่ว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวลอะไร และขอให้แม่ไม่เจ็บอีกต่อไป

น.ส.ปริยาพร กล่าวอีกว่า สำหรับหน้าที่ของการเป็นลูกตนไม่ได้ติดค้างอะไรเลย เพราะก่อนที่ท่านจะป่วย ตนดูแลท่านดีมาตลอด พอมาเจอโรคมะเร็งก็ดูแลท่านดีเหมือนตอนที่ท่านยังไม่ป่วย ทำหน้าที่ลูกได้ดีที่สุดแล้ว

“ใครที่อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ก็อยากให้ใช้เวลากับท่านให้มากที่สุด เพราะว่าเราไม่รู้ว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้าย เวลาท่านอยากไปไหน อยากกินอะไร ก็พาไปเลย ในตอนที่ท่านยังมีแรง เพราะถ้าเราอยากพาท่านไปในตอนที่ท่านไม่มีแรงจะไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเกิดว่าป่วยเป็นมะเร็งก็ไม่สามารถกินอะไรได้เลย ตอนที่ยังมีเวลาก็อยากให้ทำให้ดีที่สุดคะ” น.ส.ปริยาพร กล่าว

@mewpryp

♬ เสียงต้นฉบับ – nongauy611 – nongauy611

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน