เปิดใจหนุ่มเอารถเข้าอู่ ผ่านไป 4 เดือนซ่อมไม่เสร็จ เงินก็เบิกไปแล้ว มึนเรียกค่าเเรงเกินจริง เผยตกลงค่าซ่อมไว้ที่ 45,000 บาท ทำไปทำมาเด้งไป 70,000 บาท

จากกรณีหนุ่มรายหนึ่งแชร์เรื่องราวในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” ระบุว่า “ขอความคิดเห็นหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่าผมเอารถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่ง ตอนแรกก็ปกติดี อู่เบิกเงินไปเพื่อที่จะสั่งอะไหล่ แต่พอถามเรื่องอะไหล่เงียบหาย ไม่ตอบ เวลาผ่านไป 3-4 เดือน รถยังไม่ซ่อม อะไหล่ที่สั่งก็ไม่มี บอกไม่มีเวลาไปเอาอยู่ตจว. ผมกับเเฟนจึงตกลงไปซ่อมที่อื่น เเละนัดคืนเงินค่าอะไหล่ แต่ช่างคิดค่าซ่อม 8,000 บาท คิดเป็นค่าแรง/วัน วันละ 800 ส่วนที่ช่างแจ้งว่าทำอะไรบ้าง คือรื้อรถกับดึงคาน ส่วนตัวผมคิดว่าค่าแรงเกินจริง จึงมาขอความคิดเห็นครับ ขอบคุณครับ”

สำหรับความคืบหน้า วันที่ 20 ส.ค.66 นายโปเต้ เจ้าของโพสต์ เปิดเผยกับ “ข่าวสดออนไลน์ “ว่า รถของตนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งตอนนั้นแฟนเป็นคนขับชน และตอนแรกยังไม่ได้มีเงินค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถ จึงนำมาจอดไว้ที่คอนโดและมีรุ่นพี่ที่รู้จักกันเปิดร้านเกี่ยวกับอู่ซ่อมรถ บอกกับตนว่าถ้าเกิดจอดที่คอนโดตากแดดตากฝนแบบนี้ ให้เอาไปจอดไว้ที่อู่ก่อนดีกว่า แล้วเรื่องค่าซ่อมค่อยคุยกันอีกที

ซึ่งตนก็ไม่ได้มีเงินเยอะและได้ตกลงกับรุ่นพี่ที่รู้จักว่าจะทยอยจ่ายค่าซ่อม จากราคาที่ตกลงกันไว้ก็คือ 45,000 บาท ซึ่งตอนแรกที่เอารถเข้าไปก็ จ่ายไป 10,000 บาทเป็นค่าอะไหล่ และรอบ 2 เบิกไปอีก 5,000 บาท ระหว่างนี้ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะบอกว่าจะทยอยจ่ายอยู่แล้ว แต่กระทั่งช่วงเดือนเม.ย.นที่ผ่านมาก็เรียกเก็บเพิ่มอีก 15,000 บาท เพื่อที่จะทำให้รถขับได้ แต่ตอนนั้นตนไม่มีและได้จ่ายไปแค่ 10,000 บาท รวมๆ แล้วตนจ่ายไปทั้งหมด 25,000 บาท

ต่อมาช่วงปลายเดือนก.ค. ตนได้สอบถามเรื่องรถไปว่าได้ซ่อมหรือยังเป็นอย่างไรบ้าง เพราะว่าตั้งแต่เบิกเงินไปไม่เคยถ่ายรูปอะไหล่รถส่งให้เลย เลยเริ่มรู้สึกสงสัย ทั้งที่ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ตนก็เชื่อใจเพราะว่ารู้จักกัน จึงเข้าไปคุยที่อู่ แต่พอไปคุยเสร็จ เขาบอกว่าไม่มีเงินที่จะออกให้ก่อนในเรื่องการเบิกค่าอะไหล่ และจู่ๆราคาที่ตกลงกันไว้ว่า 45,000 บาท ก็ขึ้นมาเป็น 70,000 บาท ทั้งที่ไม่ทราบเหตุผล จึงเริ่มมีปัญหามาตั้งแต่นั้น จึงตัดสินใจว่าจะไม่ซ่อมที่นี่แล้ว เพราะเขาผิดคำพูดกับตนหลายรอบ และไม่เห็นความคืบหน้าในการซ่อม ทั้งที่จอดรถไว้นานเกือบปีแล้ว

จากนั้นจึงบอกว่าจะขอเงินคืน แต่ทางอู่ก็ไม่ให้ และบอกว่าสั่งอะไหล่ไปแล้ว แต่เมื่อตนไปถามว่าสั่งกับอู่ที่ไหน ซึ่งคุณพ่อของรุ่นพี่คนดังกล่าวบอกว่าเป็นอู่ที่นวมินทร์ แต่รุ่นพี่คนนี้กลับบอกว่าอู่ที่หนองจอก ซึ่งไม่ตรงกัน จึงยิ่งรู้สึกแปลกใจและได้ขอคืนเป็นเงินสด ทางอู่จึงแจ้งว่าต้องรอคืนอะไหล่ที่สั่งมาก่อน ถึงจะนำเงินมาคืนให้ได้

นอกจากนี้ ยังต้องจ่ายค่าแรงช่างด้วยวันละ 800 บาทรวม 10 วัน เป็นจำนวน 8,000 บาท ซึ่งตนรู้สึกติดใจในเรื่องนี้ เพราะจากสภาพรถที่เห็น ยังไม่ได้ซ่อมอะไรมากมาย เป็นแค่การรื้อรถและดึงคาน จึงได้ไปโพสต์ถามในกลุ่มพวกเราคือผู้บริโภคว่า ค่าแรงเท่านี้ มันเกินจริงเกินไปหรือไม่ หลายคนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นบอกว่าให้ไปแจ้งความหรือหาทนาย เพราะเกินจริงเกินไป และตนจ่ายเงินไปเกินครึ่งหนึ่งของที่ตกลงกันไว้แล้ว แต่ยังไม่มีการซ่อมหรือเห็นของอะไรเลย

ล่าสุดที่ได้คุยกัน คือถ้าจะรับคืนเป็นเงินสดต้องหักค่าอะไหล่ประมาณ 5-10 % แล้วต้องจ่ายค่าแรง 8,000 บาท รวมแล้วเขาจะคืนให้ตอนภายในสิ้นเดือนนี้ ก็ต้องรอคำตอบต่อไป แต่เมื่อตนทักไปถามอะไรเพิ่มเติมก็ไม่อ่านไม่ตอบ เมื่อโทรไปก็บอกแต่ว่าอยู่ต่างจังหวัด ยังไม่มีเวลาเบิกอะไหล่คืนให้








Advertisement

เมื่อมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็รู้สึกผิดหวังมาก ถ้าเขาทำได้อย่างที่พูดตนก็จะไม่ได้ติดใจอะไรเลย แต่เขาพูดและเขาทำไม่ได้ และหลังจากนี้หากเขายังไม่คืนเงินอีก ก็อาจจะต้องไปแจ้งความรวมถึงเรื่องค่าแรงที่เขาคิดมาเกินจริงเกินไป

“อยากให้เขาซื่อสัตย์ในการบริการ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเขานั่นเบอกอะไหล่มาจริงหรือไม่ เพราะตนเคยไปอยู่ที่อู่เขาบ่อยๆ ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นคนแบบไหน และหลังจากนี้คงต้องรอเงินคืนก่อนถึงจะเอารถออกมา แล้วต้องเคลียร์และคุยกันเรื่องค่าแรงอีกทีนึงว่าจะเป็นยังไงเอายังไง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน