คุณพ่อ คุณแม่ระวังให้ดี หมอเปิดเคสเตือนภัยใกล้ตัว เด็กทารกวัย 2 เดือน กินน้ำผึ้ง เจอแบคทีเรีย เกิดอาการชัก หายใจลำบาก ทรุดเข้าห้อง ICU อันตรายเกือบเสียชีวิต

เรียกว่าเป็นเครื่องเตือนใจ บรรดาพ่อแม่ ผู้ปกครองเลยทีเดียว หลัง “รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี“ หรือ “หมอหมู” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้ออกมาเผยเคสใกล้ตัว เตือนห้ามป้อนน้ำผึ้งให้ทารก เพราะในน้ำผึ้งอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เป็นอันตรายต่อเด็ก

โดยระบุว่า “เด็กทารกวัย 2 เดือน เกือบเสียชีวิตภายหลังแม่ให้ทานน้ำผึ้ง

เด็กทารกวัย 2 เดือนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยรุนแรง จนทำให้เกิดอาการชักและเกือบเสียชีวิตภายหลังจากแม่ให้ทานน้ำผึ้ง

เด็กทารกคนนี้เกิดมาโดยไม่มีปัญหาสุขภาพ แต่อาการของเขาทรุดลงอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากทานน้ำผึ้ง และเขาได้เข้ารับการรักษาในห้องไอซียู เนื่องจากมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปอดติดเชื้อ หายใจลำบาก และมีอาการชัก

ทีมแพทย์ได้ส่งอุจจาระของเด็กชายไปตรวจและค้นพบ Clostridium botulinum ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สร้างสารพิษที่ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่ใช้ในโบท็อกซ์

โชคดีในกรณีนี้ ทารกฟื้นตัวเต็มที่หลังจากต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งเดือนและได้รับการรักษาด้วยยาต้านพิษ

เด็กทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี ห้ามรับประทานน้ำผึ้ง เพราะในน้ำผึ้งอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคโบทูลิซึมในทารก (Infant botulism) โรคโบทูลิซึมเป็นภาวะที่เกิดจากสารพิษของเชื้อ Clostridium botulinum ซึ่งสามารถทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและอาจเสียชีวิตได้

ระบบทางเดินอาหารของทารกยังไม่สมบูรณ์ ความเป็นกรดในลำไส้ยังไม่สามารถกำจัดเชื้อ Clostridium botulinum ได้ จึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อนี้ได้มากกว่าผู้ใหญ่

อาการของโรคโบทูลิซึมในทารก ได้แก่ ท้องผูก อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจลำบาก กลืนลำบาก ตาพร่ามัว ปากแห้ง เหงื่อออก หัวใจเต้นเร็ว หากทารกมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว


วิธีป้องกันไม่ให้ทารกได้รับเชื้อ Clostridium botulinum จากน้ำผึ้ง ได้แก่

1. ห้ามให้ทารกรับประทานน้ำผึ้ง
2. เก็บน้ำผึ้งให้ห่างจากทารก
3. สอนเด็กโตว่าไม่ควรให้ทารกรับประทานน้ำผึ้ง

ผู้ปกครองควรระมัดระวังในการเลือกอาหารให้ทารก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดโรคโบทูลิซึมในทารก

อ้างอิงข้อมูลจาก: NSW Health”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน