อ.โซดา เดือด ลูกน้องคนสนิท ขโมยทอง มูลค่ากว่า 3 แสนบาท แล้วไม่สำนึก บอก ถ้าติดคุกแล้วใครจะดูแลลูก ชี้ “ทุกอย่างที่ทำ น้องปาดคอตัวเอง น้องทำตัวเองทั้งนั้น”
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 พ.ย.2566 น.ส.ลัดดา ชูดวง หรือ อ.โซดา เจ้าของร้านเสริมสวยคุณนายโซดา เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ หลังจากพบว่าลูกน้องคนสนิท ขโมยเซ็ตเครื่องประดับทองคำ มูลค่าเกือบ 3 แสนบาทไปอย่างหน้าตาเฉย อ้างว่า มีเหตุผลส่วนตัว และไม่อยากให้แจ้งความ เพราะหากแจ้งความไปแล้ว ลูกตนจะอยู่อย่างไร
อ.โซดา เดือด ลูกน้องคนสนิท ขโมยทอง มูลค่ากว่า 3 แสนบาท แล้วไม่สำนึก บอก ถ้าติดคุกแล้วใครจะดูแลลูก
น.ส.ลัดดา กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ลูกจ้างคนนี้มาอยู่ที่ร้าน เพราะว่าเขาเป็นนักเรียนเก่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขามาของานทำ ตนจึงรับเข้าทำงานเพราะเห็นว่าเป็นลูกศิษย์ ซึ่งเขาก็ทำงานมากว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งลูกจ้างคนนี้เป็นลูกจ้างคนสนิท ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด บางครั้งก็มานอนที่ร้านบ้าง ตนก็ไว้ใจ แต่ตอนที่ทองหาย ตนไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต วันที่ 27 ต.ค. ตนจะต้องไปโชว์งานที่กรุงเทพฯ และเห็นว่าเป็นตีมสีดำ จึงคิดว่าเซ็ตสร้อยคอทองคำเซ็ตนี้น่าจะเหมาะกับชุดของตน
น.ส.ลัดดา กล่าวต่อว่า ตนก็ไปเปิดตู้ดู ปรากฏว่าทองหายยกเซ็ต ทอง 5 บาท สร้อยข้อมือ 5 บาท โชคเกอร์ 2 บาท พระ และแหวนอีก 2 สลึง รวมมูลค่าทั้งหมดเกือบ 3 แสน ซึ่งโดยปกติตนเป็นคนที่ไม่ค่อยเปลี่ยนเครื่องประดับเท่าไหร่ จึงไม่รู้เลยว่ามันหายไปได้อย่างไร เมื่อทองหายไป ตนก็รู้สึกแล้ว และพอจะเดาออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ในช่วงเวลานั้น ตนงานเยอะมากจึงปล่อยไปก่อน
น.ส.ลัดดา ชูดวง หรือ อ.โซดา เจ้าของร้านเสริมสวยคุณนายโซดา
น.ส.ลัดดา กล่าวอีกว่า แต่ระหว่างนั้น ตนก็ให้ช่างมาดูกล้องวงจรปิดและให้สามีเป็นคนดูแล ก็เห็นว่า วันที่ 11 ต.ค. เวลา 13.30 น. พนักงานคนนี้ได้ขึ้นไปชั้น 3 ที่เป็นห้องของตน ตอนนั้นตนก็ใจเย็นที่สุดแล้ว ตนได้เรียกช่างทั้งหมดมารวมตัวกัน ก่อนที่ตนจะเปิดกล้องวงจรปิดให้ดู แล้วถามว่า “น้องขึ้นไปชั้น 3 ทำไม” แต่อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “ขึ้นไปปิดไฟ” พอตอบแบบนั้นตนก็นิ่ง ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ถ้าใครจะรับสารภาพให้โทรหาพี่”
“ปรากฏว่าเช้าวันต่อมาน้องเขาได้โทรมารับสารภาพกับพี่ว่าเป็นคนขโมยชุดทองไปเอง โดยบอกว่ามีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้เงิน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ แต่ว่าที่ผ่านมามักจะมีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ผ่านทางข้อความของเพจ และบางรายก็ขู่ว่าจะมาไลฟ์สดด่าหน้าร้าน ที่ผ่านมาน้องคนนี้มีปัญหาเรื่องการเงินมาตลอด ในตอนที่น้องเขาโทรมาหาสารภาพ เราใจหาย ผิดหวัง เสียใจมาก แต่ตอนนั้น ในใจลึก ๆ เรายังให้อภัยเขาอยู่ พอทองหายไปเราก็รู้แล้วว่าคน ๆ นี้ต้องเป็นคนเอาไป แต่ว่า เราอยากให้เขารับสารภาพ ซึ่งน้องเขาก็ร้องไห้ตลอดเวลา พยายามขอโทษมาตลอด” น.ส.ลัดดา กล่าว
น.ส.ลัดดา กล่าวอีกว่า จากนั้น เราพยายามถามว่าเอาทองไปขายที่ไหน อีกฝ่ายตอบกลับมาว่าให้แฟนเอาไปขายหมดแล้ว ซึ่งจังหวะนี้ตนรู้สึกโกรธมากเพราะมันเป็นการสมรู้ร่วมคิด วางแผนทำแบบนี้มาแล้ว โดยก่อนที่จะแจ้งความเราก็มีการตกลงกันว่าให้เอาทองทั้งหมดมาคืน แล้วให้ทุกอย่างมันผ่านไปแต่ในข้อตกลง เขาไม่สามารถทำได้เพราะเอาทองไปขายหมดแล้ว และก็ไม่ยอมบอกว่าเอาไปขายร้านไหน
น.ส.ลัดดา ชูดวง หรือ อ.โซดา
น.ส.ลัดดา กล่าวว่า นอกจากนี้ น้องยังบอกว่าจะให้แฟนมาทำงานกับตนเพื่อเอาเงินมาปลดหนี้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะเราไม่สามารถทำงานกับคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับเราได้ โดยน้องที่ขโมยบอกกับเราว่า “ในกรณีนี้ ต้องติดคุก 2 คนหรอ แล้วใครจะมาดูแลลูกหนู” ซึ่งตนก็บอกว่า “ทุกอย่างที่ทำ น้องปาดคอตัวเอง น้องทำตัวเองทั้งนั้น”
น.ส.ลัดดา กล่าวต่อว่า และเขายังมีการเสนอข้อแลกเปลี่ยนให้ตนอีกด้วย ว่า ถ้าทำแบบนี้ จะได้เงินช้า ต้องรอ ทั้งที่เขาเป็นขโมย แล้วเราเป็นผู้เสียหาย แต่เขาดันมายื่นขอเสนอแบบนี้กับเราอีก และเรื่องราวทั้งหมดที่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สำนึกเลย
“สิ่งที่เกิดขึ้นน้องเป็นคนทำ พี่ไม่ได้ทำ พี่อยากจะขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น พี่ไม่อยากทำลายอนาคตของน้อง แต่น้องทำลายตัวน้องเอง ใจของพี่ลึก ๆ รู้สึกสงสาร แต่น้องทำลายอนาคต ทำร้ายพี่ ทำร้ายความรู้สึก ทำร้ายสิ่งที่พี่ให้ มาขโมยของ โดยที่ยอดมันไม่ใช่น้อย ที่ต้องทำแบบนี้เพราะปกป้องตัวเองและปกป้องทรัพย์สินตัวเอง ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าน้องน่าจะไม่มีเงินหรือทองมาให้แน่นอน ก็ขอโทษที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่น้องต้องขอโทษลูกตัวเอง ที่เป็นแม่ที่ดีไม่ได้และต้องทำให้ลูกเป็นปมตั้งแต่เล็กยันโต” น.ส.ลัดดา กล่าว
น.ส.ลัดดา กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ตนแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ในข้อหาลักทรัพย์ที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี โดยในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ตำรวจจะเรียกทั้งสองฝ่ายให้มาพบกัน ซึ่งตนก็เดาใจไม่ถูกว่าอีกฝ่ายจะมาหรือไม่
