เมืองกาญจน์อ่วม ฝนถล่มติดต่อกันหลายวัน น้ำป่าเทือกเขาตะนาวศรีไหลหลากทะลักท่วม 2 อำเภอที่ห้วยกระเจาเดือดร้อน 82 ครัวเรือน ส่วนด่านมะขามเตี้ยหนักสุด 720 ครัวเรือน จมถนน 64 สาย เพชรบุรีก็หนักเช่นกัน น้ำเต็มเขื่อนต้องเร่งระบาย ท่วมตัวเมือง รวมถึงท่ายาง บ้านลาด บ้านแหลม ขณะที่ประจวบฯ ก็ด้วย น้ำทะลักเข้ากลางเมือง จมถนนหลายสาย โรงเรียนที่เพิ่งเปิดเทอมก็ต้องปิด

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลันในหลายพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เป็นผลสืบเนื่องจากฝนตกถล่มอย่างหนักตลอดคืนวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ ต.ดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจา มีประชาชนเดือดร้อน 3 หมู่บ้าน 82 ครัวเรือน ต่อมา ว่าที่ ร.ต.ศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ นายอำเภอห้วยกระเจา พร้อมด้วยกำลังทหารกองพลทหารราบที่ 9 นำถุงยังชีพไปมอบให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นการเยียวยาในเบื้องต้น คาดว่าหากฝนไม่ตกลงมาซ้ำอีก สถานการณ์คงจะคลี่คลาย

ขณะเดียวกันที่ อ.ด่านมะขามเตี้ย ถูกน้ำท่วม 4 ตำบล เนื่องจากน้ำเอ่อล้นอ่างเก็บน้ำจากพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และมีน้ำป่าไหลหลากมาจากเทือกเขาตะนาวศรีเข้าท่วมพื้นที่ อีกทั้งมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนรวม 720 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 1,167 ไร่ ถนนถูกน้ำท่วม 64 สาย ทางอำเภอประสานไปยังทหารและอาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัย เพื่อขอกำลังสนับสนุนช่วยอพยพชาวบ้านในเขตพื้นที่เสี่ยงภัย รวมทั้งนำกระสอบทรายปิดกั้นน้ำไหลข้ามถนนเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนไปมากกว่าที่เป็นอยู่

ส่วน จ.เพชรบุรี ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นกัน เนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกัน ส่งผลปริมาณน้ำจากท้ายเขื่อนแม่ประจันต์ เขื่อนห้วยผาก และเขื่อนแก่งกระจาน ไหลลงสู่แม่น้ำเพชรบุรี ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี หรือเขื่อนเพชร ต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย รวมทั้งถนนหลายสายกลางเมืองเพชรบุรี อาทิ ถนนราชดำเนิน ถนนบริพัตร ถนนบันไดอิฐ น้ำท่วมขัง 30-40 ซ.ม. บางจุดน้ำยังทะลักท่วมบ้านประชาชน และร้านค้าตลอดทั้ง 2 ฝั่งของถนน นอกจาก อ.เมืองเพชรบุรี แล้วยังมีน้ำท่วม อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด และ อ.บ้านแหลม

นายทองล้วน เผ่าวิจารณ์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน เขื่อนเพชร กล่าวว่าจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนในปริมาณมาก ทำให้น้ำท่วมขังหลายพื้นที่ จ.เพชรบุรี อีกทั้งน้ำทะเลหนุน ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมหนักกว่าเดิม ทางเขื่อนเพชรมีความจำเป็นต้องเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มอีก แต่จะแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์

ขณะที่ จ.ราชบุรี นายมณฑป เอกสิงหชัย ปลัดอำเภอบ้านโป่ง พร้อมด้วยนายพิทักษ์ ยุวานนท์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่ามะกา จ.กาญจนบุรี และนายไพบูลย์ มีหรอ กำนัน ต.บ้านม่วง อ.บ้านโป่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุน้ำเซาะตลิ่ง บริเวณจุดตัดคลองระบายน้ำ 3 ขวา ออกสู่แม่น้ำแม่กลอง ในพื้นที่หมู่ 1 ต.บ้านม่วง พบว่ามีการพังทลายของชั้นดินยุบตัวลงสู่ปากแม่น้ำเป็นแนวยาวกว่า 20 เมตร ลึกเข้ามาใกล้ถนนเลียบแม่น้ำเพียง 2 เมตร หากฝนยังตกต่อเนื่อง พื้นดินริมตลิ่งจะถล่มลงไปอีกเป็นบริเวณกว้าง และอาจถึงถนนเลียบแม่น้ำ

นายมณฑปกล่าวว่า สืบเนื่องจากการระบายน้ำของเขื่อนในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา รวมกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องลงสู่แม่น้ำแม่กลองตอนบน ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้น และไหลแรงด้วย ส่วนพื้นที่ที่ถูกน้ำกัดเซาะดินริมตลิ่งพังทลายเป็นวงกว้างนั้น ในเบื้องต้นต้องปิดเส้นทางสัญจร และขึงแนวกั้นป้องกัน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขต่อไป

ส่วน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ฝนตกหนักสะสมต่อเนื่องตลอดทั้งคืนวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีน้ำป่าไหลจากฝั่งเทือกเขาตะนาวศรีฝั่งตะวันตก ทะลักเข้าท่วมเขตชุมชนซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซ.ม. รถเล็กและรถใหญ่สัญจรด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะสี่แยกถนนประจวบศิริ ตัดกับถนนสุขสมบูรณ์ ต้องปิดการจราจร นอกจากนี้โรงเรียนกิตติคุณต้องปิดการเรียนการสอนอีก 1 วัน ทั้งที่เพิ่งเปิดเทอมภาคเรียนที่ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า อีกทั้งบริเวณถนนทางลอดใต้อุโมงค์รถไฟ เชื่อมถนนมหาราช 1 และถนนมหาราช 2 ภายใน อ.เมืองประจวบ คีรีขันธ์ ต้องปิดการจราจรโดยเด็ดขาด เนื่องจากน้ำป่าทะลักท่วมจนเต็มอุโมงค์ ความสูงกว่า 2 เมตร ทางเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกู้ภัยระดมกำลังเข้าช่วยเหลือยกสิ่งของขึ้นที่สูง และนำกระสอบทรายปิดกั้นบ้านเรือนประชาชนเป็นการเร่งด่วนแล้ว และคาดว่าจะมีปริมาณน้ำป่าไหลลงมาเพิ่มอีกเป็นระยะๆ หากฝนยังไม่หยุดตก

ด้าน จ.กระบี่ นายสุริยัน ณรงค์กุล นายอำเภอเมืองกระบี่ นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หมู่ 2 บ้านหนองจิก ต.เขาคราม ประชุมร่วมกับชาวบ้านและผู้นำศาสนา เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังมัสยิด ส่งผลให้ชาวบ้านต้องย้ายสถานที่ละหมาด ด้วยการตั้งเต็นท์บนถนนบริเวณทางเข้ามัสยิด เพื่อใช้เป็นสถานที่ละหมาดเป็นการชั่วคราว อีกทั้งอาคารเรียนจริยธรรมของเยาวชนมุสลิม และโรงอาหารก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน โดยนายสุริยันกล่าวว่าจากการหารือกัน ชาวบ้านประสงค์จะย้ายมัสยิดไปยังแห่งใหม่ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว ขณะนี้มีภาคเอกชนมอบที่ดินสำหรับก่อสร้างมัสยิดแห่งใหม่แล้ว คาดว่าคงดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน