พิชิต สั่ง ผอ.พศ. ตรวจสอบความเชื่อ ‘เด็กเชื่อมจิต’ เร่งทำความเข้าใจคำสอนที่ถูกต้อง แนะศรัทธาอย่าแกว่ง ดึงสติพุทธศาสนาไม่ต้องซื้อขาย ชี้ปมหลอกลวงเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 14 พ.ค.2567 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี นายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีร้องเรียนเด็กเชื่อมจิตที่ จ.สุราษฎร์ธานี ข้อหาหลอกลวงประชาชนว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องแรกที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญให้การคุ้มครองเรื่องสิทธิและความเชื่อของประชาชน และยังระบุด้วยว่า หากเรื่องใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาให้สันนิษฐานว่ายังสามารถกระทำได้

ส่วนกรณีของเด็กเชื่อมจิตนั้น ได้เดินมาถึงจุดความขัดแย้งของสังคม เบื้องต้นตนตรวจสอบข้อมูลในเรื่องนี้ ทราบว่าฝ่ายครอบครัวของเด็กได้ดำเนินการฟ้องร้อง และดำเนินคดีกับภาคเอกชนที่ไม่เห็นด้วยและฟ้องร้องกับครอบครัวดังกล่าว ขณะที่กลุ่มเอกชนดังกล่าวได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองปราบปราม

ทั้งนี้ เคยเกิดคดีในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว มีการฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทกันอยู่ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นการหมิ่นประมาทเรื่องนำพระธรรมคำสั่งสอนมาเกี่ยวข้อง ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดว่าใครเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก แต่พอจะใช้เป็นหลักเกณฑ์ได้ว่าเรื่องพระธรรมคำสั่งสอนตามหลักพระพุทธศาสนาไม่ใช่ของซื้อของขาย ทุกคนสามารถหาดูได้ในพระไตรปิฎก รวมถึงวัดต่างๆมีการสอนพระพุทธศาสนา

นายพิชิต กล่าวว่า คดีนี้ได้นำคำพิพากษาศาลชั้นต้นไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียกันแล้ว สื่อมวลชนสามารถไปดูและนำมาเปรียบเทียบกับกรณีล่าสุดได้ ซึ่งในหลักธรรมะ ผู้ใดเห็นธรรมะผู้นั้นเห็นตถาคต ในฐานะที่ตนกำกับดูแล พศ. ขอเรียกร้องว่าศรัทธาอย่าแกว่ง ถ้าเราศรัทธาในพระพุทธศาสนาก็อย่าแกว่ง ถ้าศรัทธาไม่แกว่งก็ไม่มีปัญหาอะไร มีพระไตรปิฎก มีครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนมากมาย

นายพิชิต กล่าวอีกว่า หากความเชื่อใดจากเด็กคนดังกล่าวไปล่วงเกินกฎหมายบ้านเมือง และทำให้มีผู้ได้รับความเสียหาย ขณะนี้ทราบว่ามีผู้ไปฟ้องร้องแจ้งความแล้ว จึงถือว่าดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หลังจากนี้คงมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในทุกแง่ทุกมุม

นอกจากนี้ ตนยังได้เชิญ ผอ.พศ. มาพูดคุยในเรื่องดังกล่าว และได้สั่งการว่าให้ทางพศ.ไปตรวจสอบ ความเชื่อที่มีการเผยแพร่สู่สาธารณะ และให้หาผู้ที่มีความรู้ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องไปทำความเข้าใจต่อสาธารณชน ซึ่งผอ.พศ.ได้บอกกับตนว่ารู้สึกหนักใจ เพราะกรณีของเด็กดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับพระสงฆ์

ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวกับพระสงฆ์ ทาง พศ.จะประสานงานได้ไวกว่านี้ หรือดำเนินการได้เร็วกว่านี้ แต่ตนได้กำชับกับผอ.พศ.ว่า ทางพศ.ต้องทำให้ประชาชนทราบความจริงว่า พระไตรปิฎกว่าไว้อย่างไร พระธรรมวินัยว่าไว้อย่างไร รวมถึงเรื่องความเชื่อความศรัทธาต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ ไม่ละเมิดกฏหมายบ้านเมือง

ทั้งนี้ ตนคิดว่าอีกไม่นานว่า พศ.จะสามารถสร้างความกระจ่างในเรื่องของพระพุทธศาสนาให้ประชาชนได้รับทราบ ส่วนการกระทำใดที่มีการล่วงเกินกฎหมายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่จะไปตรวจสอบว่ามีการฉ้อโกงหรือไม่ และมีการกระทำที่ผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน