เปิดใจ หนุ่มช่างสัก สุดงง ตั้งใจจะไปเที่ยวหอชมเมืองกับครอบครัว แต่เจอรปภ.ไม่ให้เข้า

เปิดใจ หนุ่มช่างสัก สุดงง ตั้งใจจะไปเที่ยวหอชมเมืองกับครอบครัว แต่เจอรปภ.ไม่ให้เข้า โอดทำแบบนี้ไม่ถูก ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

จากกรณีคลิปของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อว่า“nodtattoo samuthprakhan”ได้ออกมาระบายความในใจที่โดนรปภ.ทำกิริยาท่าทางเหมือนตนจะไปก่อเรื่อง สร้างความวุ่นวาย ภายในหอชมเมืองสมุทรปราการ เพียงเพราะมีรอยสักเต็มตัว จนต้องพาครอบครัวกลับไปเที่ยวที่อื่น ยอมไม่เข้าไปเที่ยว

ล่าสุดเวลา14.30น.วันที่21 พ.ค.2567 ช่างนอร์ท เปิดเผยกับ”ข่าวสดออนไลน์“ว่า วันนั้นตนตั้งใจจะไป หอชมเมืองสมุทรปราการกับแม่และพี่สาว จึงได้ขับรถจักรยานยนต์ไปคนละคัน พอไปถึงก็เห็นว่าเขามีการจัดงานคล้ายการละหมาดอยู่

ตนจึงโทรถามแม่ที่ไปถึงก่อนว่าเข้าได้หรือไม่ แม่ก็บอกว่าเข้าได้รออยู่ด้านหน้าแล้วมาได้เลย เพราะหอชมเมืองเขาให้เข้าอยู่แล้ว พอไปถึงกำลังจะเดินเข้าไปก็มีพี่รปภ. ผู้หญิงคนหนึ่งเดินทำหน้าตาขึงขังเข้ามา ถามตนด้วยถ้อยคำห้วนๆว่ามาทำอะไร

เปิดใจ หนุ่มช่างสัก สุดงง ตั้งใจจะไปเที่ยวหอชมเมืองกับครอบครัว แต่เจอรปภ.ไม่ให้เข้า

ตอนนั้นตนก็งงแล้วตอบไปว่ามาเที่ยว ก่อนที่แม่ของตนจะเดินเข้ามาถามว่ามีอะไรกัน แล้วรปภ. คนเดิมก็ถามแม่ตนห้วยๆไปว่ามาด้วยกันเหรอ พอแม่ตนบอกว่าใช่ และบอกว่าจะเข้าไปชมหอชมเมือง เขาก็ถามมาอีกว่าจะเข้าไปทำอะไร ตอนนั้นตนก็เริ่มงงว่าทำไมถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และถามว่าเข้าไม่ได้เหรอ เขาก็บอกว่าเข้าได้แต่คนเยอะแล้ว

ตอนนั้นตนก็กำลังจะเดินเข้าไปด้านในต่อ เขาก็เดินเอาตัวมาอยู่ข้างหน้าอีก แล้วบอกว่าจะเข้าไปทำไมคนเยอะแล้ว แต่ระหว่างที่เขาคุยกับตนก็มีคนอื่นๆเดินเข้าไปตามปกติโดยไม่มีการเข้าไปสอบถามอะไรแบบตนเลย

เขาไม่ได้พูดว่าไม่ให้เข้าไป แต่กิริยาและน้ำเสียงท่าทางของเขาที่ทำตอนนั้น ตนเข้าใจได้ว่าเขาไม่ให้ตนเข้าไปแน่ๆ ก็เลยเดินถอยออกมา แล้วไปเที่ยวงานที่ศาลากลางจังหวัดต่อ ตนไม่รู้ว่าเป็นเพราะตนสักเยอะหรืออะไร ที่เขาต้องมาทำแบบนี้

แต่ในมุมของคนอื่นก็อาจจะคิดว่าเป็นเพราะรอยสัก แต่วันนั้นที่ไปตนก็แต่งตัวสุภาพ และไม่ได้มีพฤติกรรมโหวกเหวกโวยวายหรือจะหาเรื่องอะไรเลย เพราะตนไปกับครอบครัว ไม่ได้คิดว่าจะไปเรื่องกับใคร ไม่มีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อคนอื่น

พอมาเจอแบบนี้ตนก็รู้สึกไม่โอเค คุณทำแบบนี้คุณทำไม่ถูก ทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทำไมคนอื่นไม่ตรวจไม่ถามเขาว่าเขามาทำอะไรถามแค่ตนคนเดียว ซึ่งถ้าคนเราคิดบวกก็จะมองคนในแง่บวก ถ้าคิดลบก็จะมองคนในแง่ลบ เราเปลี่ยนทัศนคติใครไม่ได้