พระเทพฯทรงปรุงเมนูไข่พระอาทิตย์ สงฆ์-พสกนิกรสวดมนต์วัดพระแก้ว

สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิต มหาสีมารามเป็นประธานนำพระสงฆ์ 300 รูปทั้งธรรมยุตและมหานิกาย สวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ในวัดพระศรีรัตน ศาสดาราม จัดพื้นที่ให้ประชาชนร่วมสวดมนต์ครั้งสำคัญนี้ด้วย โดยมส.-พศ.ร่วมจัดพิมพ์บทสวดพระพุทธมนต์กว่า 5,000 เล่มแจกจ่าย สำนักพุทธฯเปิดโครงการอุปสมบทพระภิกษุทั่วประเทศ 10,000 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล เผยผู้แจ้งความประสงค์เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้แล้ว ด้านวัดศรีดอนมูล วัดชื่อดังอ.สารภี เชียงใหม่ เผยภาพจิตรกรรมบนผนังอุโบสถ เจ้าอาวาสให้ช่างศิลป์เขียนจากวาระประวัติศาสตร์ครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจและเยี่ยมเยียนราษฎรชาวสารภีถึง 2 ครั้ง จัดนิทรรศการอลังการให้ชื่นชมพระบารมี

201611051906535-20110627141736

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 5 พ.ย. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณพลอยไพลิน เจนเซน และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาองค์โตและองค์เล็กในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ยี่สิบสี่ จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารเป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามญาติ หรืออภัยมุทรา ด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระพิธีธรรม 8 รูป วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร จากนั้นถวายภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม ก่อนเสด็จฯ กลับ

เวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราช ดำเนินพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระพิธีธรรมพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงพระดำเนินไปยังที่ประดิษฐานพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ แล้วทรงพระดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูป ทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าแท่นเตียงพระสวดพระอภิธรรม แล้วประทับพระราชอาสน์ โดยพระพิธีธรรมสวดอภิธรรมพระบรมศพจากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร

ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประชาชนที่มากราบถวายบังคมพระบรมศพ ได้ขึ้นมายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อกราบถวายบังคมพระบรมศพในระหว่างที่มีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลด้วย

วันเดียวกันนี้ เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังเอ็มควอเทียร์ แกลอรี่ ชั้นเอ็ม ศูนย์การค้าดิ เอ็มควอเทียร์ กรุงเทพฯ ทรงเปิดงาน เทศกาลน้ำมันเมล็ดชาภัทรพัฒน์ ครั้งที่ 2 โดยมูลนิธิชัยพัฒนา

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานเรื่องเล่าน้ำมันเมล็ดชากับผู้ร่วมงานพอสังเขป และทรงปรุงอาหารที่ใช้น้ำมันเมล็ดชาเป็นส่วนประกอบ ประกอบด้วยเมนูพระราชทาน 2 รายการ คือ ไก่นาบกระทะ และไข่พระอาทิตย์ ทรงมีรับสั่งว่าเมนูไข่พระอาทิตย์ ต้องใส่ข้าวสุกแข็ง ใส่ไข่ไม่ต้องตีมาก ตำรานี้เป็นตำราที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนตั้งแต่เล็กๆ เด็กๆ ที่บ้านทำเป็นทุกคนทั้งครอบครัว และสมาคมผู้ขายไข่ไก่ก็เคยขอตำรานี้ไปส่งเสริมการขายไข่ไก่ของเขา ใส่น้ำปลาปรุงรสตามชอบใจ และทอดเหมือนไข่เจียวธรรมดา แต่วันนี้พิเศษใช้น้ำมันเมล็ดชาที่มีคุณสมบัติพิเศษทนความร้อนได้ 250 องศาเซลเซียส มากกว่าน้ำมันมะกอก 200 องศาเซลเซียส

ระหว่างทรงสาธิตการประกอบอาหารพระราชทานเมนูไข่พระอาทิตย์ ทรงมีอารมณ์ขัน และตรัสว่า อยากจะโยนไข่ทอดในกระทะ แต่กลัวจะหล่นลงไปโดนท่านป้าที่นั่งข้างหน้า พร้อมทรงทำท่าคล้ายว่าจะโยนกระทะ และ ยังทรงเล่าว่า เมื่อส่องกล้องแล้ว พื้นผิวดวงอาทิตย์มีลายเหมือนเมล็ดข้าว

ต่อมาระหว่างทรงประกอบอาหารพระราช ทานเมนูไก่นาบกระทะ ตรัสว่า “เมื่อเช้าซุ่มซ้อมตั้งแต่ตี 5 กว่า” จนเมื่อกระบวนการปรุงใกล้แล้วเสร็จ ต้องเจียวกระเทียม พริกไทย รากผักชี มีรับสั่งว่า “ใส่กระเทียมมาก ใครเป็นลูกน้องแดรกคิวลาต้องระวังหน่อย” จากนั้นทรงพระราชทานเมนูไข่พระอาทิตย์และไก่นาบ กระทะที่ทรงปรุงแจกจ่ายให้ผู้ร่วมงานได้ชิม

ให้เข้าถวายสักการะตั้งแต่5นาฬิกา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่แปดที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยเมื่อเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ด้วยการจัดแถวผ่านมาทางประตูมณีนพรัตน์ ในพระบรมมหาราชวัง ฝั่งทิศเหนือ อันเป็นสถานที่ตั้งของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จัดเป็น 2 แถว ผ่านทางระเบียงคด เมื่อเดินมาถึงประตูวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน แล้วเลี้ยวขวาตั้งแถว 5 แถว หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททางประตูกำแพงแก้วฝั่งตะวันออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพสกนิกรเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อมารอถวายสักการะพระบรมศพ ทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

รับพระราชทานอาหารเนืองแน่น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่บริเวณเต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สนามหลวงทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ มีพสกนิกรมาต่อแถวรอรับอาหารพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งแจกจ่ายตามรอบเวลา ประกอบไปด้วยมื้อเช้า เวลา 07.00 น. ก๋วยจั๊บน้ำข้น 1,500 ชาม นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน เวลา 11.00 น. ขนมจีบและซาลาเปา 2,000 กล่อง ข้าวขาหมูมังกรหลวง 4,000 ที่ ส้ม 10 เข่ง จำนวน 100 กิโลกรัม น้ำดื่มจิตรลดา มื้อบ่าย เวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง พิซซ่ากล่องเล็ก 1,000 กล่อง เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง น้ำสมุนไพร 500 ลิตร และมื้อเย็น เวลา 18.00 น. ข้าวสตูไก่และกุนเชียง 1,500 จาน บะหมี่หมูแดง 1,500 จาน และน้ำดื่มจิตรลดา โดยมีประชาชนเข้าแถวต่อคิวอย่างเนืองแน่น

ส่วนบริเวณหน้ากรมศิลปากร รถหน่วยเคลื่อนที่เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจคนไทยไม่ทิ้งกัน พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะองค์ นายกกิติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย ทรงมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิแจกจ่ายไก่ทอดและข้าวเหนียวให้แก่พสกนิกร ซึ่งเข้าแถวมารับอาหารอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้เตรียมไก่ทอดไว้ 1,200 กิโลกรัม และข้าวเหนียว 500 กิโลกรัม

วัดดังเชียงใหม่อวดภาพจิตรกรรม

วันเดียวกัน เวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดศรีดอนมูล ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ เจ้าอาวาส และพระเกจิชื่อดัง ได้เปิดอุโบสถของวัดให้เข้าชม ภายหลังจากที่ให้ช่างศิลป์มาเขียนจิตรกรรมภาพพระราชกรณียกิจบนผนังอุโบสถทั้งสองด้าน เป็นภาพเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯ วัดศรีดอนมูล เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 และวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 โดยช่างศิลป์วาดเป็นภาพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ติดลูกนิมิตอุโบสถ ภาพทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรชาวอำเภอสารภีที่มาเฝ้ารับเสด็จ เป็นต้น

นอกจากนี้วัดศรีดอนมูลยังได้จัดนิทรรศ การภาพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยพระบรมวงศาสนุวงศ์ เสด็จฯ มายังวัดแห่งนี้ จำนวนหลายร้อยภาพ ให้ประชาชนได้ชม และจัดทำไวนิลขนาดใหญ่เป็นภาพพระราชกรณียกิจ และเขียนข้อความที่ป้ายไวนิล ว่า “รอยพระบาทยาตราจำจารึก พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมพระบรมวงศา นุวงศ์เสด็จฯ ไปวัดศรีดอนมูล พ.ศ. 2524 และ พ.ศ.2528 น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และแสดงความอาลัย ข้าพระ พุทธเจ้า ครูบาน้อย วัดศรีดอนมูลและคณะสงฆ์ พสกนิกรอำเภอสารภี” โดยป้ายไวนิลจะได้นำไปติดที่ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-กรุงเทพฯ อ.สารภี ต่อไป

เจ้าอาวาสเผยประวัติครั้งเสด็จฯ

พระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล พระเกจิชื่อดังภาคเหนือ เปิดเผยว่า วัดศรีดอนมูลเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนสืบทอดมาเป็นลำดับ มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จมาที่วัดหลายครั้ง ตลอดทั้งนายกรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ครั้งที่สำคัญและเป็นเกียรติประวัติอย่างสูงก็เมื่อครั้งปี 2524 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มาประกอบพิธียกช่อฟ้าพระวิหาร ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เศียรพระประธานประจำพระวิหาร ทรงปลูกต้นจำปาด้านพระวิหาร และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญอักษรพระปรมาภิไธย ภปร. บนแหนบทองคำ ประดิษฐานที่หน้าบันพระอุโบสถ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุยเดช เสด็จพระราช ดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชุมารี มาเป็นครั้งที่ 2 ทรงตัดลูกนิมิต เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์

เผยแรงบันดาลใจจัดทำจิตรกรรม

พระครูสิริศีลสังวรกล่าวอีกว่า การเสด็จพระราชดำเนินมาวัดศรีดอนมูลถึง 2 ครั้ง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง ซึ่งนอกจากประกอบพระราชกรณียกิจแล้วยังได้ทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรชาวอำเภอสารภีอย่างทั่วถึง เป็นสิริมงคลครั้งสำคัญ ทำให้ชาวบ้านซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ตราบถึงทุกวันนี้ วัดจึงได้ให้ช่างศิลป์วาดภาพจิตรกรรมภาพพระราชกรณียกิจติดผนังอุโบสถ เพื่อให้เป็นรอยพระบาทยาตราจำจารึกตลอดไป รวมทั้งได้ให้ช่างศิลป์วาดภาพจิตรกรรมพระราชกรณียกิจติดผนังภายในเจดีย์ 9 คณาจารย์อีกจุดหนึ่งด้วย และจัดทำไวนิลขนาดใหญ่แสดงภาพเมื่อครั้งเสด็จฯ มา และจัดนิทรรศการเฉลิมพระ เกียรติแสดงความอาลัย ส่วนต้นไม้จำปาที่พระองค์ทรงปลูก วัดดูแลเป็นอย่างดี ตอนนี้ 35 ปีแล้ว

“เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต ทำให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจกันทั่วทั้งแผ่นดิน อาตม ภาพ ครูบาน้อย เตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล พร้อมด้วยคณะศิษยานุศิษย์ ตลอดทั้งพสกนิกรชาวอำเภอสารภี เชียงใหม่ ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมแสดงความอาลัยส่งดวงพระวิณญาณของพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ปวงพสกนิกรชาวไทยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์” พระครูสิริศีลสังวรกล่าว

มท.สรุปผลดำเนินการในตจว.

วันเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยสรุปผลการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัยและการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในส่วนของต่างจังหวัด มีประชาชนลงนามแสดงความอาลัย วันที่ 4 พ.ย. จำนวน 179,629 ราย มียอดสะสมการลงนามแสดงความอาลัยตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. เป็นต้นมา จำนวนทั้งสิ้น 6,889,408 ราย กิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช โดยกิจกรรมสวดอภิธรรม มีผู้เข้าร่วมจำนวน 237,497 คน (ยอดสะสมผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. – 4 พ.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 8,801,465 คน) การทำบุญตักบาตร มีผู้เข้าร่วมจำนวน 21,936 คน (ยอดสะสมผู้เข้าร่วมกิจกรรมการทำบุญตักบาตร ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. – 4 พ.ย.มีจำนวนทั้งสิ้น 2,733,720 คน) กิจกรรมอื่นๆ จำนวน 63,814 คน (ยอดสะสมผู้เข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. – 4 พ.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 2,374,144 คน)

กงสุลเกาะมาร์แชลล์แจกอาหาร

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่เต็นท์ร่วมด้วยช่วยกันตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายสตีเฟน เฉิง เซี่ยนซี กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ประจำประเทศไทย เดินทางมาแจกอาหาร-ขนมปัง-น้ำดื่มให้กับประชาชน โดยนายสตีเฟนกล่าวว่า มีความรู้สึกเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งนี้เมื่อวันที 24 ต.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ได้เดินทางลงนามถวายความอาลัยที่ประเทศไทยแล้ว สำหรับวันนี้ตนนำขนมปังและน้ำดื่มรวม 3,000 ชุด และสายรัดข้อมือแสดงความอาลัยจำนวน 2,000 ชุด มาแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยมีประชาชนเข้าแถวรับเป็นจำนวนมาก

ผบช.น.ลงพื้นที่กำกับดูแล

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวัง มีประชาชน ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา จากทั่วทุกภูมิภาคเป็นจำนวนมากเดินทางมาต่อคิวเพื่อรอเข้าแสดงสักการะพระบรมศพ เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จนแถวยาวเข้าไปในท้องสนามหลวง โดยเจ้าหน้าที่ใช้บอลลูนเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้มาร่วมพิธีเห็นว่าตอนนี้ท้ายแถวอยู่ตรงจุดไหน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยมีจิตอาสาให้บริการยืมร่ม พร้อมทั้งแจกจ่ายน้ำดื่ม อาหาร ยารักษาโรคอย่างต่อเนื่อง

ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจุดตรวจต่างๆ พร้อมกำชับให้เข้มงวดในการตรวจค้นผู้ที่จะเข้าโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ไม่ให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ได้ หลังจากเมื่อวันที่ 4 พ.ย. มีคนร้ายเข้ามาก่อเหตุล้วงกระเป๋าผู้ที่มาร่วมงาน พร้อมประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนให้ความร่วมมือในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อาสา รด. ตรวจตรารอบพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินเข้ามาบริเวณสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง ต้องผ่านจุดคัดกรอง 8 จุด ผ่านการตรวจค้นกระเป๋า ร่างกาย และตรวจบัตรประชาชนและหนังสือเดินทาง เพื่อป้องการแก๊งมิจฉาชีพที่อาจเข้ามาก่อเหตุลักขโมย นอกจากนี้ยังมีตำรวจม้าและสุนัขตำรวจลาดตระเวนรอบพระบรมมหาราชวัง เพื่อรักษาความปลอดภัย

สงฆ์ 300รูปสวดพระพุทธมนต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. สำนักพระราชวังได้ปิดพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ยุติการให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยขึ้นสักการะพระแก้วมรกต เนื่องจากเตรียมสถานที่เพื่อรองรับ “พิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” โดยพระสงฆ์ 300 รูป ประกอบไปด้วยกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะฝ่ายปกครอง ในระดับต่างๆ ทั้งฝ่ายธรรมยุตและมหานิกาย มีสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นประธาน จัดโดยมหาเถรสมาคม (มส.) ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในเวลา 16.00 น. โดยเจ้าหน้าที่เชิญพระบรมฉายาลักษณ์ประดิษฐานบริเวณด้านหน้าพระอุโบสถด้วย

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้จัดพื้นที่ให้ประชาชนร่วมสวดมนต์ในพิธีดังกล่าว 5 จุด ดังนี้ 1.เก้าอี้นั่งบริเวณหน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นกลุ่มของแขกวีไอพี 2.บริเวณรอบกำแพงแก้วของพระอุโบสถ 3.บนศาลาราย 12 จุดที่อยู่รอบวัด 4.บริเวณพระระเบียงคดชั้นที่ 1 ที่ทอดยาวรอบพระอุโบสถ จัดเตรียมเสื่อปูไว้ให้ประชาชนนั่ง เพื่อไม่ให้ปะปนกับประชาชนที่ต่อแถวเข้า สักการะพระบรมศพบนพระระเบียงคดชั้นที่ 2 และ 5.หากปริมาณประชาชนล้นจากพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้ ยังสามารถปูเสื่อให้นั่งได้บนพื้นรอบพระอุโบสถ ส่วนลานกว้างบริเวณประตูมณีนพรัตน์ กับประตูทางเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เตรียมไว้สำหรับให้รถของพระเถระชั้นผู้ใหญ่จอดเทียบ เพื่อเดินทางเข้าสู่มณฑลพิธี

สมเด็จพระมหามุนีวงศ์นำสวด

เวลา 16.00 น. สมเด็จพระมหามุนีวงศ์กล่าวให้ประชาชนร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานน้อมอุทิศเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตามที่ทุกคนพร้อมใจมาร่วมกันสวดพระพุทธมนต์กันในที่แห่งนี้ จากนั้นเวลา 06.05 น. จึงเริ่มพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล ขณะที่บรรยากาศโดยรอบอุโบสถมีประชาชนเข้าร่วมสวดเต็มพื้นที่ ซึ่งมส. และพศ. ร่วมจัดพิมพ์บทสวดพระพุทธมนต์จำนวนกว่า 5,000 เล่มแจกจ่ายแก่ประชาชนด้วย

สำหรับบทสวดพระพุทธมนต์มีทั้งหมด 13 บทสวด ประกอบด้วย ปุพพะภาคะนะมะกาโร, สะระณะคะมะนะปาโฐ, ปัพพะโตปะมะคาถา, อะริยะธะนะคาถา(ต่อ), อาทิตตะลักขะณะสุตตัง, สะติปัฏฐานะปาโฐ, ภาระสุตตะคาถา, ติลักขะณาทิคาถา, วิปัสสะนาภูมิปาโฐ, ปัฏฐานะมาติกาปาโฐ, ติอุทานะคาถา, ภัทเทกะรัตตะคาถา, ภะวะตุ สัพพะมังคะลังใช้เวลาในการสวดพระพุทธมนต์ 40 นาที และตั้งจิตภาวนาเป็นเวลา 5 นาที ทั้งนี้การสวดพระพุทธมนต์ถวายแก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะสวด ทุกวันที่ 5 ของเดือนเป็นประจำ โดยจะสวดพระพุธมนต์อีกครั้งในวันที่ 4 ธันวาคม

กอร.รส.ขึ้นบัญชีผู้ค้าแอบอ้าง

วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) สนามหลวง พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วม กอร.รส. ว่า จะมีประชาชนเข้ามาในพื้นที่สนามหลวงประมาณ 130,000 คนเฉลี่ยต่อวัน แต่จะมีแค่ 30,000 คนที่ได้เข้าไปสักการะพระบรมศพ ส่วนคนที่เหลือก็จะได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีอยู่ในสนามหลวง อาทิ ตัดผม นวด วาดภาพ สกรีนเสื้อ หรือย้อมผ้า ทั้งนี้ ขอความร่วมมือคนที่จะมาจัดกิจกรรมให้เน้นการอำนวยความสะดวก เช่นเรื่องอาหาร ขอให้แจกเป็นรอบ และขณะนี้ยังคงมีผู้ค้าแผงลอยบางคนนำสินค้ามาวางจำหน่าย พบว่าการกระทำบางอย่างมิบังควรและแอบอ้างถึงขั้นผ่านพิธีกรรมต่างๆ เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นคนต่างจังหวัด กอร.รส.จะนำคนกลุ่มนี้มาขึ้นบัญชี เช่นเดียวกับกลุ่มจักรยาน ยนต์อาสาที่เรียกเก็บเงินจะดำเนินการด้วย

ด้านพล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะมาเพื่อสักการะพระบรมศพที่พระบรมมหาราชวัง แต่ไม่ทราบเส้นทาง หรือกลุ่มบุคคลที่เดินทางเป็นหมู่คณะที่ต้องการทราบจุดจอดรถ โทรศัพท์สอบถามข้อมูลศูนย์จราจรกลางที่เบอร์ 1197 โดยมีจุดสำหรับจอดรถและจุดบริการรถฟรีจัดเตรียมไว้ให้

ทางด้านพล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะรอง ผอ. กอร.รส. กล่าวว่า ภาพรวมของการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กอร.รส.ให้ความสำคัญรวมถึงความปลอดภัยและการรักษาระเบียบความสงบเรียบร้อย ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเที่ยงของวันนี้ได้มีประชาชนเข้าไปสักการระพระบรมศพแล้ว 17,000 คน ยังคงมีเข้าคิวอีกกว่า 20,000 คน

ออกบัตรประจำตัวอาสาสมัคร

นายวิกร เพิ่มพวก ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานอาสาสมัครไวลันเทียร์ส ฟอร์ แด๊ด กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีอาสาสมัครบางคนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แอบอ้างเรียกรับเงิน ดังนั้นหลังวันที่ 7 จะออกบัตรแบบใหม่ที่มีสีแตกต่างกันไป และขอให้ประชาชนที่จะลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครพกบัตรประชาชนตัวจริง หรือบัตรที่ราชการออกให้ ที่มีเลขประจำตัว 13 หลัก เพื่อเป็นข้อมูล และขอให้ทำความเข้าใจว่าอาสาสมัครจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ เพียงแต่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเท่านั้น และหลังวันที่ 13 พ.ย. จะออกบัตรเป็นบาร์โค้ดเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบเป็นรายบุคคล หากประชาชนพบเห็นอาสาสมัครประพฤติตัวไม่เหมาะสม ให้โทร.แจ้งได้ที่เบอร์ 09-5479-7034

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกพร้อมเจ้าหน้าที่ทหารร่วมกันออกตรวจสอบพื้นที่โดยรอบสนามหลวง หลังมีจักรยานยนต์รับจ้างเข้ามาตั้งวิน และใช้รถป้ายขาวเข้ามาให้บริการประชาชนโดยคิดค่าโดยสาร ซึ่งพบการกระทำผิดหลายราย โดยเจ้าหน้าที่ได้จับกุมพร้อมออกใบสั่ง และประชาสัมพันธ์ไม่ให้รถจักรยานยนต์รับจ้างเข้ามาตั้งวินในพื้นที่

พศ.จัดอุปสมบททั่วปท.หมื่นรูป

วันเดียวกัน นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า พศ.จัดโครงการอุปสมบทพระภิกษุทั่วประเทศถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 10,000 รูป แบ่งเป็นจังหวัดละ 89 รูป ซึ่งพิธีอุปสมบทครั้งแรกจะมีขึ้นในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เนื่องในการบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) และครั้งที่สองจะมีขึ้นในวันที่ 20 ม.ค.2560 เนื่องในการบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) โดยอุปสมบทเป็นเวลาครั้งละ 9 วัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้แล้ว

นายบุญเชิดกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตามที่ มส. มีมติให้พระสังฆาธิการทุกระดับ ทุกรูป ใน เขตกรุงเทพฯ ประกอบพิธีมหามงคลเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา เพื่อถวายพระพรชัยมงคลและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในปี 2559 ทุกวันที่ 5 ของเดือน ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ในพระบรมมหาราชวังนั้น สำหรับพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาวันที่ 5 พ.ย. เวลา 16.00 น. รวมถึงครั้งต่อไป มส.เห็นควรให้เปลี่ยนเป็นพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยจะมีสมเด็จพระราชาคณะ รองสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระสังฆาธิการ ทุกระดับ ทุกวัดในเขตปกครองกรุงเทพฯ ประมาณ 500 รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์

จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมพิธีดังกล่าว เพื่อร่วมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสำนักพุทธฯ จัดเตรียมหนังสือสวดพระพุทธมนต์จำนวน 5,000 เล่ม ไว้แจกประชาชนที่เข้าร่วมพิธีด้วย พร้อมกันนี้ มหาเถรฯ ยังมีมติให้ทุกวัดทั่วประเทศ ทั่วโลก จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนา ในวันดังกล่าวด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน