กรณีโลกออนไลน์แชร์เรื่องราวของ คุณครูอัญทิพย์ ฤทธิ์ทอง ครูสอนศิลปะ จากโรงเรียนบ้านภูเขาทอง จ.ระนอง ที่ใช้ชอล์ควาดพระบรมสาทิสลักษณ์บนกระดานดำให้นักเรียนดู โดยระบุว่า “คุณครูอัญทิพย์ ฤทธิ์ทอง ครูในรัชกาลที่ ๙ จากโรงเรียนบ้านภูเขาทอง จังหวัดระนอง” ซึ่งก็มีชาวเน็ตแห่เข้ามาชื่นชมคุณครูคนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
อ่านข่าว ชาวเน็ตชื่นชม ครูสาวระนองวาดพระบรมสาทิสลักษณ์บนกระดานดำ
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนบ้านภูเขาทอง ต.กำพวน อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เพื่อขอสัมภาษณ์ถึงสาเหตุและที่มาที่ไปของการใช้ชอล์ควาดพระบรมสาทิสลักษณ์บนกระดานดำให้นักเรียนดู จนเกิดกระแสชื่นชมกันกระหึ่มในโลกออนไลน์ แม้จะเป็นวันหยุดก็ยังมีคุณครูมานั่งเตรียมแผนการเรียนการสอนร่วมกันที่ห้องสมุดประจำโรงเรียน และมีน้องๆนักเรียนชั้นประถมศึกษาช่วยงานบรรณารักษ์ ได้เก็บหนังสือที่เพื่อนๆนักเรียนยืมไปอ่าน เข้าเก็บไว้บนหิ้งหนังสือ ตามหมวดหมู่อักษร อย่างเป็นระเบียบ
และได้วาดภาพภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงฉายพระรูปบนกระดานดำขึ้นมาใหม่ โดยมีแบบร่างภาพจากหนังสือที่รวบเรื่องเรื่องราวพระราชกรณียกิจสำคัญๆ ของพระองค์ท่านที่ทรงเสด็จฯและมีภาพถ่าย พระบรมฉายาลักษณ์ในพระอิริยาบถต่างๆ รวบรวมไว้ โดยครูทิพย์ค่อยๆวาดเริ่มจากภาพพระพักตร์ และเก็บรายละเอียดสิ่งประกอบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งกล้องถ่ายภาพที่พระองค์ทรงใช้งาน โดยใช้เวลาเพียง 10 นาที เท่านั้น ภาพวาดพระบรมสาทิสลักษณ์บนกระดานดำ ด้วยชอล์คก็เสร็จสมบูรณ์ ก่อนจะเซ็นชื่ออัญทิพย์ และวันที่ 6 เดือน 11 พ.ศ. กำกับไว้ใต้ภาพ พร้อมพนมมือขึ้นพนมไหว้และลูบศีรษะเพื่อเป็นศิริมงคล
คุณครูอัญทิพย์ ฤทธิ์ทอง หรือครูทิพย์ เปิดใจที่ห้องทำการเรียนการสอนกับผู้สื่อข่าวว่า “ภายหลังจากวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สวรรคต ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ดิฉันเศร้าเสียใจมากคะ ทั้งที่ไม่เคยเศร้าเสียใจมากมายแบบนี้มาก่อน ก็เลยระลึกถึงพระองค์ท่านอยู่ตลอดเวลา วันที่วาดภาพในคราวแรกเป็นวันที่เปิดเทอมใหม่ และนักเรียนยังไม่เข้าห้อง ก็เลยมาวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ไว้บนกระดานดำภาพ เพื่อที่จะได้สอนนักเรียนและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น อันเป็นเรื่องราวที่สร้างความโศรกเศร้าเสียใจของคนไทยทั้งชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่นำสื่อการเรียนรู้รอบตัวมาใช้ โดยการใช้ชอล์คและกระดานดำในการวาด โดยสื่อถึงภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ และเป็นวิชาที่จะต้องให้นักเรียนวาดภาพ เพื่อรำลึกถึงพระองค์ เพื่อเป็นตัวอย่างให้นักเรียนได้ดู และในตอนแรกก็ไม่ได้นำไปลงในสื่อโซเชียลมีเดียอะไร เพียงถ่ายให้เพื่อนดู เพื่อนคุณอมรรัตน์ อมรดารา ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก Monrat Love Sky ก็เลยเกิดกระแสติดตามขึ้นมา และต้องขอขอบพระคุณที่ติดตามผลงาน”
“คำที่กล่าวว่า ฉันเป็นครูในรัชกาลที่ ๙ เป็นคำที่เพื่อนตั้งให้ เพื่อต้องการสื่อให้เพื่อนครูทุกคนมีจิตสำนึก สร้างความตระหนักว่า เรานี่ได้เป็นครูในรัชกาลที่ ๙ ได้ถวายงานให้แก่ราชการ เราควรทำหน้าที่ ดังที่พระองค์ท่านพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกำชับข้าราชการทั้งหลาย ว่าควรรู้จักหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ดิฉันก็มีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นครู และทำงานสนองเบื้องพระยุคลบาท แม้จะเป็นข้าราชการตัวเล็กๆ ก็ตาม อย่างน้อยเราก็ได้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อที่จะทำให้ประเทศชาติของเรา ในด้านการศึกษา ในการพัฒนาเด็ก และเยาวชนของเรา ที่โอกาสในอนาคตจะได้เป็นคนดี และสามารถช่วยพัฒนาให้ประเทศของเราได้เจริญรุ่งเรืองต่อไป และด้วยในความสำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพระองค์ ซึ่งพระองค์ท่านได้ทรงงานเกี่ยวกับการศึกษาไว้หลายอย่าง ทุกโครงการที่พระองค์ทรงคิด และทรงพระราชดำริ เช่น โครงการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โครงการสารานุกรมไทยเพื่อเยาวชน ล้วนเพื่อพัฒนาวงการศึกษาทั้งสิ้น และดิฉันตั้งมั่นและสัญญากับตัวเองว่า ต้องเป็นครู ต้องเป็นแม่พิมพ์ของชาติ ที่จะต้องสร้างชาติ ถึงแม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ อย่างภาพที่นำเสนอออกมา ตามหลักองค์ประกอบศิลป์ จุด คือสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เกิดเส้น เส้นถึงจะเกิดภาพวาด ดิฉันก็เปรียบเสมือนเพียงจุดๆหนึ่ง และจะชักชวนคณะครูทุกคนในประเทศไทย เราจะร่วมกันพัฒนาเยาวชนของเรา จากจุดเล็กๆที่เริ่มต้น จากจุดจะกลายเป็นเส้น จากเส้นก็จะกลายเป็นภาพที่งดงาม” ครูทิพย์กล่าวด้วยความตื้นตัน
พร้อมแจงปมดราม่าจากกระทู้ กับคำกล่าวที่ว่า “วาดง่ายแต่ลบยาก” นั้น ครูทิพย์ กล่าวว่า “เนื่องจากโรงเรียนของเรา ต้องใช้กระดานดำในการจัดการเรียนการสอนในแต่ละวิชา ซึ่งแม้ว่าดิฉันจะวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์เอาไว้ ก็ถือว่าเป็นสื่อการเรียนรู้ของนักเรียน แม้จะวาดและก็ลบ การลบยากจะต้องทำใจนิดหนึ่ง แต่วันหลังเรายังจะวาดใหม่ได้อีก เรายังทำหน้าที่การเรียนการสอนของเรา ยังสร้างสื่อ ยังสร้างภาพ ได้อีกหลายๆภาพ ถึงแม้จะลบไปแล้ว ดิฉันก็ยังสามารถวาดใหม่ได้อีกเรื่อยๆ ได้ทุกวัน เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ที่ในใจดิฉันตลอดเวลา”