ทำพิธีใหญ่14พย. ตามฤกษ์14.09น. พระองค์โสมเผย วิธีปรุงไก่-ข้าวจี่ ทรงยืนทอด7ชม.

สมเด็จพระบรมฯ พระราชทานแจกจ่ายอาหาร 3 มื้อพระองค์โสมฯรับสั่งเผยที่มาเมนูไก่ทอด พร้อมเพิ่มเมนู “ข้าวจี่” พสกนิกรจากทุกสารทิศ หลั่งไหลถวายสักการะแน่น กทม.แนะประชาชนทยอยกันมา จะได้ไม่แออัด มท.สรุปยอด 7 ล้านคนลงนามใน 23 วัน เผยฤกษ์ตัดไม้จันทน์หอม 14 พ.ย.

พสกนิกรถวายสักการะแน่น

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงเป็นประธานถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูปจากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร ในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชวันที่ยี่สิบสี่ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่เก้าที่พระราช ทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ และเนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ได้มีพสกนิกรจำนวนมากเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด โดยเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี

เผยประวัติพระโกศทองใหญ่

จากนั้นเวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ทรงเป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดสุทัศนเทพวราราม

ต่อมาเวลา 15.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จทรงบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดสุทัศนเทพวราราม สวดพระอธิธรรม วงสังข์แตร วงปี่ไฉนกลองชนะ และวงปี่พาทย์นางหงส์ ประโคมย่ำยาม

เวลา 17.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จทรงบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ มีพระพิธีธรรมจากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหา วิหาร สวดพระอภิธรรม

และในเวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระ บรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ มีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และ วัดอนงคารามวรวิหาร

ทั้งนี้พระบรมโกศที่ใช้ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นพระโกศทองใหญ่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อพ.ศ.2351 โดยโปรดให้รื้อทองที่หุ้มพระโกศกุดั่น ที่ใช้ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี และในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ เมื่อปี พ.ศ. 2342 มาทำเป็นพระโกศทองใหญ่ขึ้นไว้สำหรับพระบรมศพของพระองค์ และเป็นประเพณีในรัชกาลต่อมา เมื่อพระมหากษัตริย์สวรรคตจะใช้พระโกศทองใหญ่ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระโกศทองใหญ่สำหรับพระบรมศพจะมีเครื่องประดับประกอบพระอิสริยยศพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วย ดอกไม้เพชรพุ่มข้าวบิณฑ์ประดับยอดพระโกศทองใหญ่ ดอกไม้ไหว, เฟื่องและพู่เงินประดับฝาพระโกศ และดอกไม้เอวประดับเอวพระโกศ

พระบรมฯพระราชทานข้าวต้ม

ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระ องค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสา ธิราชฯ ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสา ธิราชฯ นำอาหาร ขนม ผลไม้ และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายแก่ประชาชนในวันนี้ประกอบด้วย มื้อเช้า ข้าวต้มกระดูกหมู 1,500 ถ้วย นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน-แกงเขียวหวาน 4,000 ชุด อาหารว่าง ได้แก่ ชุดอาหารว่าง 1,000 กล่อง, ขนมไทย 1,000 ชุด, เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ชุด มื้อเย็น สุกี้แห้ง 1,500 จาน เกี๊ยวปลาเกี้ยมอี๋ 1,500 ถ้วย ขณะเดียวกันตลอดทั้งวันมีน้ำสมุนไพรจำนวน 500 ลิตร และน้ำดื่มจิตรลดา ให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

พระองค์โสมฯแจกข้าวจี่-ไก่ทอด

เวลา 10.34 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะองค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เสด็จยังรถโรงครัวเคลื่อนที่ “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจคนไทยไม่ทิ้งกัน” ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก บริเวณหน้ากรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ เพื่อทรงทอดไก่ประทานแจกจ่ายพร้อมข้าวเหนียว ให้กับ พสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ โดยมีประชาชนเดินทางมาต่อแถวชื่นชม พระบารมีและรับอาหาร ที่ประทานให้ด้วยความปลื้มปีติ

สำหรับเมนูประทานในวันนี้เป็นไก่ทอด 1,200 กิโลกรัม ข้าวเหนียว 500 กิโลกรัม พร้อมข้าวจี่สูตรส่วนพระองค์ที่ทรงคิดขึ้นมาเอง โดยมีบุคลากรจากโรงเรียนสาธิตมหา วิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาในพระอุปถัมภ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ข้าราชการจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ และสมาชิกอาสาสภากาชาดไทย มาร่วมทอดไก่เพื่อแจกให้กับประชาชนในครั้งนี้ด้วย

รับสั่งเผยที่มาเมนู”ไก่ทอด”

การนี้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า โสมสวลีฯ รับสั่งแก่สื่อมวลชนถึงเคล็ดลับการทอดไก่ให้นุ่มว่า ก่อนอื่นต้องหมักไก่ตรงบริเวณช่วงน่องบนไว้ประมาณ 30 นาทีจากนั้นจึงนำมาลงกระทะทอด ส่วนเหตุผลที่ประทานข้าวเหนียวไก่ทอดให้แก่พสกนิกรที่มาสักการะพระบรมศพนั้น พระองค์โสมฯรับสั่งว่า ไก่เป็นอาหารที่ทานง่าย สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย และทุกเชื้อชาติศาสนา ที่สำคัญสามารถเก็บไว้ได้นาน

“จากประสบการณ์ที่เคยนำรถโรงครัวเคลื่อนที่ “เพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ช่วยด้วยใจคนไทยไม่ทิ้งกัน” ไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุต่างๆ เราผ่านการลองผิดลองถูกในการปรุงอาหารในการแจกคนมาหลายครั้ง และสุดท้ายก็ทำให้รู้ว่าข้าวเหนียวไก่ รับประทานง่ายและเสียยาก เพราะมีหลายๆ ร้านเอาอาหารมาแล้วบูด พวกผักเสียง่าย ถ้าทำแจกจะไม่รับประกันว่าไม่เสีย”

ทรงยืนทอดนาน 7 ชั่วโมง

ในการนี้ สื่อมวลชนได้ถามว่า ทรงเหนื่อยบ้างหรือไม่ที่เสด็จมาทอดไก่ประทานแทบทุกวัน พระองค์โสมฯ รับสั่งว่า “ร้อนน่ะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถามว่าเหนื่อยไหม ต้องบอกว่าเหนื่อยจนชินแล้ว เพราะทำอาหารมาเยอะ เคยทำจำนวนมากตั้งแต่แจกคนเป็นหลักแสน ถึงน้อยที่สุดคือ 2-3 พันคน แต่ครั้งนี้ทำมาแจกให้กับประชาชนวันละหลายหมื่นคน ส่วนข้าวจี่เป็นเมนูใหม่ที่เพิ่งคิดขึ้นมา เพราะมีคนนำไข่ไก่มาถวายให้จำนวน 3,000 ฟอง ก็ไม่รู้ว่าจะทำเมนูอะไร เพราะเราทำแต่ไก่ทอด จึงคิดสูตรข้าวจี่ขึ้นมาเดี๋ยวนั้นเลย โดยข้าวจี่เป็นเมนูอีสาน เป็นอาหารโบราณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ใช้เวลารอไก่ให้สุกนั้น พระองค์โสมฯได้เปลี่ยนพระอิริยาบถ มาตีไข่ไก่เพื่อทำเมนูข้าวจี่ประทาน โดยทรงปรุงส่วนผสมด้วยพระองค์เอง สร้างความปลื้มปีติแก่ผู้มาเฝ้ารับเสด็จเป็นจำนวนมาก ในการนี้ มีรับสั่งขณะทอดไก่ด้วยว่า การทอดไก่ต้องทอดให้เหลือง ใช้เวลานานหน่อย เพื่อให้กรอบนอกนุ่มใน ส่วนเมนูข้าวจี่รับสั่งว่าต้องปรุงส่วนผสมใหม่ทุกครั้ง ทั้งนี้ได้ใช้เวลาทอดไก่ประทาน ที่รถโรงครัวเคลื่อนที่นานสุด 7 ชั่วโมง

พสกนิกรหลั่งไหลจากทุกสารทิศ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันนี้มีพสกนิกรเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อมารอถวายสักการะพระบรมศพ จนแถวยาวเข้าไปในท้องสนามหลวง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้บอลลูนเป็นสัญลักษณ์เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานทราบว่าปลายแถวอยู่บริเวณใด โดยทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอกตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับบรรยากาศโดยรอบท้องสนามหลวงและพระบรมมหา ราชวัง มีทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เทศกิจ คอยตรวจตรารอบพื้นที่อย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันทั้งประชาชนและ นักท่องเที่ยวที่จะเดินเข้ามาบริเวณสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง ต้องผ่านจุดคัดกรอง 8 จุด ของเจ้าหน้าที่ที่จะตรวจค้นกระเป๋า ร่างกาย และตรวจบัตรประชาชนและหนังสือเดินทางอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันแก๊งมิจฉาชีพที่อาจจะเข้ามาปะปนกับประชาชน รวมไปถึงกลุ่มจิตอาสาและอาสาสมัครจากหลายหน่วยงานคอยให้ความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยแก่ประชาชน ทั้งยังมีบริการให้ยืมร่มกันแดดและการแจกจ่ายน้ำดื่ม อาหาร ยารักษาโรค อย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้จัดพิธีซ้อมใหญ่รับปริญญา ทำให้เจ้าหน้าที่ทางมหาวิทยาลัยปิดกั้นการจราจรโดยรอบห้ามมิให้รถยนต์ของบุคคลภายนอกเข้ามาจอดภายในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรและนิสิตนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยที่มาร่วมซ้อมรับปริญญาในวันดังกล่าว

หนุ่มเชียงรายเหมารถตู้มาเอง

นายสมควร ติยะสัน อายุ 44 ปี พสกนิกรจาก จ.เชียงราย เดินทางมาพร้อมภรรยา และเพื่อนบ้านรวม 10 คนด้วยการเหมารถตู้ตั้งแต่ 4 โมงเย็นวันที่ 5 พ.ย. และมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อตอนตี 3 และพร้อมใจกันรอเข้าแถวเพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพทันที โดยนายสมควร เปิดเผยว่า รู้สึกว่ามีบุญวาสนา เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มา ถ้าคนไม่มีใจมุ่งมั่นก็คงมาไม่ได้ เมื่อเช้าเข้าแถวนาน 5 ช.ม. ไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยเลย ให้ลำบากกว่านี้ก็ทำได้

นางอาภา ขจรจัด อายุ 80 ปี พสกนิกรจาก จ.กระบี่ ที่เดินทางมากับรถของกระทรวงมหาดไทยพร้อมหลานสาว เผยว่า มาถึงกรุงเทพฯ ตอนตี 4 ได้เข้าสักการะพระบรมศพตอน 7 โมงเช้า ดูข่าวในหลวงทางทีวีทุกวันน้ำตาไหลตลอด ในหลวงทรงเป็นที่รักของปวงประชา ตอนอายุ 40 ปีเคยมีโอกาสรับเสด็จพระองค์ที่น้ำตกธารโบกขรณี อ.อ่าวลึก ทรงเยี่ยมราษฎร รู้สึกมีบุญที่ได้รับเสด็จครั้งนั้น กลับไปจะไปบอกลูกหลานว่าคนรักในหลวงมาก มากันเต็มไปหมด ถ้ามีโอกาสลูกหลานต้องมากันนะ

กอร.รส.เผยจัดระบบได้ดีขึ้น

ที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) บริเวณท้องสนามหลวง พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร (กทม) พร้อมด้วย พล.ต.กฤษณ์ดนัย อิทธิมณฑล เสนาธิการกองทัพภาคที่1 พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 นายวิกร เพิ่มพวง ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานอาสา โวลันเทีย ฟอร์แด๊ด ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุมกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ครั้งที่ 20/2559

พล.ต.ต.กฤษณ์ดนัย กล่าวว่า ที่ประชุมได้สรุปผลการปฏิบัติงานของแต่ละภาคส่วน รวมถึงข้อบกพร่องต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะช่วงวันหยุดราชการที่จะมีคนมารอคิวเพื่อเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมาก แต่ขณะนี้สามารถจัดระบบได้ดีขึ้น ยังไม่มีปัญหาหนักที่ต้องแก้ไข ประกอบกับพื้นสนามหลวงเริ่มแห้ง จึงได้จัดให้ประชาชนเข้าไปรอคิวในสนามหญ้า สังเกตจุดเข้าคิวมีบอลลูนลอยอยู่ด้านบน ระบุข้อความว่าท้ายคิว ในส่วนนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกกำกับแถวตลอด โดยวันนี้พบว่ามียอดประชาชนเดินทางเข้าถวายบังคมพระบรมศพแล้ว 12,530 คน ในเวลา 11.00 น. และยังรอต่อคิวเข้าถวายบังคมพระบรมศพอีก 18,000 คน

แนะประชาชนทยอยกันมา

พล.ต.ท.อำนวยกล่าวว่า ขอแนะนำให้ประชาชนทยอยกันมา พื้นที่สนามหลวงจะได้ไม่แออัด โดยเฉพาะช่วงที่กทม.ต้องคืนพื้นที่ 2 ใน 3 ให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบการก่อสร้างพระเมรุมาศ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบกำหนดการที่แน่ชัด ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ พื้นที่สนามหลวงด้านทิศเหนือ สำนักการโยธา กทม.จะปูพื้นแล้วเสร็จ พร้อมตั้งเต็นท์ 40 เต็นท์ เพื่อเป็นจุดพักของประชาชน รองรับประชาชนได้ประมาณ 12,000 คน ตั้งเต็นท์บริเวณทางโค้งทิศเหนือสนามหลวงอีก 44 เต็นท์ สำหรับจุดแจกอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงจุดปฐมพยาบาลต่างๆ สามารถรองรับประชาชนได้ประมาณ 4,000 คน ส่วนกรณีขอขยายเวลาการแจกอาหาร ในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ อาจจะขยายเวลาให้เฉพาะประชาชนที่เข้ามาถวายสักการะพระบรมศพเท่านั้น

นายวิกร กล่าวว่า อยากจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเดินทางมาร่วมงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยรถหรือเรือโดยสาร ในช่วงวันที่ 12 – 13 พ.ย. ที่จะมีการรับเสด็จ เนื่องจากการจราจรจะติดขัดมาก และมีการปิดถนนหลายเส้น อีกทั้งที่จอดรถของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อผู้มาร่วมงาน ทางมหาวิทยาลัยได้ประสานงานให้เรือข้ามฟากให้เปิดให้บริการตั้งแต่ช่วง 6.00 น. และจะเพิ่มรอบเยอะกว่าปกติสามารถใช้บริการได้ตามสะดวก

ศตส.ชี้ปรับจราจรตามจริง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) เป็นประธานประชุมฝ่ายเลขานุการศตส.ร่วมกับตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปรายงานการเตรียมปรับพื้นที่ท้องสนามหลวง เพื่อใช้เป็นพื้นที่จัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและพื้นที่สำหรับจุดพักคอยให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ

โดยนายสุวพันธุ์ แถลงว่า ที่ประชุมศตส.ได้มีมติเห็นชอบตามที่กทม.เสนอแผนมา ส่วนรายละเอียดการปฏิบัติจะพิจารณาในแต่ละส่วนต่อไป ส่วนการจราจรและคมนาคมขนส่ง ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกอร.รส. จะปรับการจราจรไปตามสภาพจริง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งมีการปิดถนนพื้นที่รอบนอกท้องสนามหลวง ดูตามสภาพจริง หากคลี่คลายจะได้ปรับการจราจรสู่สภาวะปกติ โดยเฉพาะในวันที่ 11-13 พ.ย. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะมีการรับพระราชทานปริญญาบัตร คงต้องมีการปรับเพื่อให้เกิดความเหมาะสม

ยันใช้ระบบจัดคิวสักการะ

นายสุวพันธ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ศตส. ได้ทยอยปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ เป็น ระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนเร่ร่อน ปัญหาอาชญากรรม และเชื่อว่าตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปการแก้ไขปัญหาหน้างานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ได้เน้นย้ำอยู่ตลอดว่า ต้องยึดหลักผ่อนปรน อะลุ้มอล่วย และละมุนละม่อมเป็นหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน จะเห็นการปรับแผนเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

“ผมขอย้ำว่า สำหรับประชาชนที่เข้าถวายสักการะพระบรมศพยังใช้ระบบจัดคิวกลุ่มเป็นหลัก โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้ตลอดระยะทาง ส่วนแนวคิดจัดระบบคิวแบบออนไลน์นั้น ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นจัดทำโปรแกรม ซึ่งศตส.คิดว่าจะเป็นทางเลือกในการลดจำนวนประชาชนมารอคิว แต่ต้องมีหลักประกันก่อนว่า ระบบต้องมีความเสถียร มั่นคง และต้องผ่านการทดลองใช้ ที่มีความเสถียรเสียก่อน โดยต้นเดือนธ.ค.จะต้องขอศึกษารายงานเป็นขั้นสุดท้ายเสียก่อน ตอนนี้ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่ายังใช้ระบบจัดคิวกลุ่มเป็นปกติไม่มีการยกเลิก ทั้งนี้ขอขอบคุณประชาชน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ รวมถึงภาคเอกชนที่เข้ามาร่วมอำนวยความสะดวกประชาชนด้วย โดยการประชุมศตส.จะมีการประชุมครั้งต่อไปวันที่ศุกร์ 11 พ.ย. เวลา 14.00 น.” นายสุวพันธุ์กล่าว

ลงนามตจว. 23 วัน-7 ล้าน

กระทรวงมหาดไทย สรุปผลการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความไว้อาลัยและการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในส่วนของต่างจังหวัด มีประชาชนลงนามแสดงความไว้อาลัย ณ วันที่ 5 พ.ย. ทั้งสิ้น 101,063 ราย มียอดสะสมการลงนามแสดงความไว้อาลัยตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เป็นต้นมา 6,990,471 ราย

สำหรับกิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยกิจกรรมสวดอภิธรรม มีผู้เข้าร่วม 124,335 คน ยอดสะสมผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.-5 พ.ย.มี 8,934,800 คน การทำบุญตักบาตร มีผู้เข้าร่วม 12,241 คน ยอดสะสมผู้เข้าร่วมกิจกรรมการทำบุญตักบาตร ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.-5 พ.ย.มีทั้งสิ้น 2,745,961 คน ส่วนกิจกรรมอื่นๆ มีผู้เข้าร่วม 39,096 คน ยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.-5 พ.ย. มี 2,413,240 คน

เผยฤกษ์ตัดไม้จันทน์หอม 14 พ.ย.

วันเดียวกัน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์เรื่องการเตรียมพร้อมพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อให้ผู้แทนจากสำนักพระราชวัง และหัวหน้างานโหรพราหมณ์ เข้ามาทำพิธีตัดไม้จันทน์หอม 4 ต้น สำหรับใช้ในงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้อนุมัติการตัดและแปรรูปไม้จันทน์หอมแล้ว โดยแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมการแปรรูปไม้ 3 ราย ประกอบด้วยนายวัฒนา พรประเสริฐ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส เป็นประธาน นายธีระ เต็มองค์หล้า นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ เป็นกรรมการ และนายพีรวัฒิ สิโรตม์พิพัฒ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการเป็นกรรมการและเลขานุการ

นายธัญญากล่าวต่อว่า หลังจากแปรรูปไม้เสร็จจะส่งมอบไม้จันทน์หอมทั้งหมดให้กับสำนักพระราชวัง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับการเตรียมพร้อมในพื้นที่นั้น ทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรีได้เตรียมการพร้อมเกือบทุกอย่างแล้ว โดยสำรวจหาไม้จันทน์หอม ที่ยืนต้นตายไว้ 19 ต้น หลังจากคณะเข้าสำรวจแล้วได้คัดเลือกไม้จันทน์หอมไว้ 4 ต้น คือลำดับที่ 11, 12, 14 และ 15 เพื่อใช้จัดสร้างพระบรมโกศ ตกแต่งพระเมรุมาศ และทำดอกไม้จันทน์ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยสำนักพระราชวังจะมีพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอมในวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. เวลา 14.09 น.นี้ ซึ่งทางอุทยานได้เร่งปรับพื้นที่บริเวณโดยรอบต้นไม้จันทน์หอมต้นที่ 15 ที่จะใช้เป็นมณฑลพิธีบวงสรวงและตัดต้นไม้จันทน์หอม

รบ.เร่งดันเที่ยวตามรอยพระบาท

ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะหน่วยงานในสังกัด การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่, องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่านหรืออพท.น่าน ติดตามศึกษาข้อมูลการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติที่ยั่งยืน ที่ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ต.ภูฟ้า อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ซึ่งเป็น 1 ใน 70 เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยพระบาท ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโครงการในพระราชดำริ เพื่อให้คนไทยรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำให้คนไทยได้เรียนรู้ถึงพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนรวมถึงยังเป็นแนวทางหนึ่งที่คนไทยทั่วประเทศจะได้ร่วมเทิดพระเกียรติและเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อพระราชปณิธานที่พ่อหลวงของเราได้ดำริไว้

นางกอบกาญจน์กล่าวว่า โครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีมากกว่า 4,000 โครงการ แต่ได้คัดเลือกมาแค่ 70 เส้นทางก่อนนั้น เพราะสถานที่เหล่านี้มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวได้ โดยก่อนหน้านี้ได้จัดพิมพ์หนังสือ “70 เส้นทางตามรอยพระบาท” ออกมาเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลย ราชสมบัติครบ 70 ปี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ออกมาเผยแพร่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นทางรัฐบาลได้ขอความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชนที่มีแผนจัดประชุมสัมมนาใน ต่างจังหวัดให้ไปจัดและท่องเที่ยวในโครงการพระราชดำริแทน เพื่อให้ประชาชนท่องเที่ยวแบบเรียนรู้ ตามแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่ใกล้บ้าน หรือในภูมิภาคต่างๆ เนื่องจากโครงการต่างๆ ถือเป็นบทเรียนนอกห้องจากความตั้งใจของพระองค์ท่านอย่างแท้จริง

พะเยาขอรวบรวมภาพกิจกรรม

ที่จ.พะเยา นายนพดล ภู่ชัย หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ จ.พะเยา เปิดเผยว่า เนื่องจากหลายหน่วยงานและภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ได้จัดกิจกรรมแปรอักษรแสดงความไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อจัดเก็บบันทึกกิจกรรมดังกล่าวไว้ในหอจดหมายเหตุฯ พะเยา ทางหอจดหมายเหตุฯ พะเยา จึงได้มีหนังสือขอความร่วมมือทุกหน่วยงานที่จัดกิจกรรมแปรอักษรแสดงความไว้อาลัยพระเจ้าอยู่หัวขึ้น อนุเคราะห์แจ้งข้อมูลและภาพ มายังหอจดหมายเหตุฯ พะเยา เพื่อทำเป็นบันทึกเก็บไว้ที่หอจดหมายเหตุฯ พะเยา เพราะควรค่าแก่การบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยตลอดไป และจะมีค่าต่อทุกชนทุกรุ่น

ที่จ.นครราชสีมา ชมรมครูศิลป์โคราช ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มครูสอนศิลปะ นักเรียน และนักศึกษาของสถาบันการศึกษา 90 แห่ง ในพื้นที่จ.นครราชสีมา ได้ร่วมกันจัดแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะ พระประทีปส่องแผ่นดิน สืบศิลป์อาลัยพ่อ เพื่อแสดงความไว้อาลัย และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเริ่มจัดแสดงนิทรรศการตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 25 พ.ย. ที่ห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า อ.เมือง ภายในงานนิทรรศการจัดแสดงผลงานศิลปกรรมทุกแขนงทั้งภาพวาด งานปั้น งานพิมพ์ ฯลฯ รวม 989 ผลงาน

ทหารช่วยเกี่ยวข้าวส่งโรงทาน

ที่จ.สุรินทร์ พ.อ.เจษฎา ศรีหมอก ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 นำทหารจากมณฑลทหารบกที่ 25, เกษตรจังหวัด, ฝ่ายปกครองอำเภอเมือง, ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตาอ็อง และชาวบ้านในพื้นที่ รวมกว่า 200 คน ไปเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิในแปลงนา 16 ไร่ ของนายสราวุธ อินทร์แพง ที่บ้านเลขที่ 170 หมู่ 1 บ้านตาอ็อง ต.ตาอ็อง อ.เมือง เพื่อนำไปสีและบริจาค โรงทานหลวง ที่ท้องสนามหลวง ตามที่นาย สราวุธน้อมถวายเป็นพระราชกุศล โดยก่อนที่จะเริ่มเก็บเกี่ยว ได้มีการกล่าวแสดงความไว้อาลัย และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วย

นอกจากนี้ยังมีนายกิตติศักดิ์ ประดับ และภรรยา ชาวบ้านแจรน ต.ตาอ็อง ได้ร่วมบริจาคข้าวเปลือกเพิ่มเติมอีก 2.5 ตัน นาง อรญา ยิงยงยุทธ ภรรยานายก อบต.ตาอ็อง มอบอีก 1 ตัน และชาวบ้านที่มาบริจาคเป็น กระสอบอีกจำนวนหนึ่งด้วย รวมทั้งหมดได้ข้าวเปลือกประมาณ 15 ตัน ซึ่งบรรยากาศเกี่ยวข้าวตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างอบอุ่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน