ตร.เตรียมเรียกสอบเพื่อน “น็อต กราบรถ” สอบเพิ่มในฐานะพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยังไม่ชี้ว่ามีความผิดร่วมด้วยหรือไม่ ส่วนอาการบาดเจ็บของบอยแพทย์ระบุต้องรักษาตัวไม่ต่ำกว่า 1 เดือนถึงจะเป็นปกติ ทนายสงกานต์รุดเยี่ยม พร้อมว่าความให้ยันลูกความไม่เข้าข้อหาชนแล้วหนี เพราะสุดท้ายก็กลับมาที่เกิดเหตุ พร้อมสู้คดีทำให้เสียทรัพย์ เตรียมแจ้งความเพิ่มฐานทำร้ายร่างกายให้เกิดอันตรายสาหัส เพราะต้องรักษาตัวนานกว่า 20 วัน แม่เหยื่อเปิดใจ ตอนแรกเจอที่ โรงพักน็อตทำตัวเป็นเทพบุตร แต่พอเห็นคลิปแล้วไม่เชื่อจะทำร้ายลูกรุนแรงขนาดนี้

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 พ.ย.ที่โรงพยา บาลเลิดสิน นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความและประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมพ.ต.ท.เอกบดี ศรีสุระ อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนตำรวจทางหลวง (กก.8 ทล.บชก.) เดินทางเข้าเยี่ยมนายกิตติศักดิ์ สิงโต หรือบอย ที่ถูกนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือน็อต เวคคลับ ดาราพิธีกรหนุ่ม ทำร้ายร่างกายจนสันจมูกแตก

นายสงกานต์กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากน.ส.สุธิรา หงส์ทอง มารดาของนายกิตติศักดิ์ ให้เข้ามาช่วยดูคดี โดยประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น คือ 1.ที่มีการกล่าวหาว่านายกิตติศักดิ์ขี่ชนแล้วหนี ซึ่งก็มีพยานชัดเจนว่า หลังจากเฉี่ยวชนนายกิตติศักดิ์ขี่ จยย.ไประยะหนึ่ง ก่อนวนรถกลับมาที่เกิดเหตุ ดังนั้น ในทางกฎหมายไม่ถือว่าเป็นการหลบหนี เพราะถือว่ามีความสำนึกในผลที่ตนได้กระทำ 2.ตามที่ปรากฏในคลิปมีการกระชากคอเสื้อแล้วดึงลงมาจากรถจักรยานยนต์ ถือเป็นการข่มขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยว ใช้กำลังประทุษร้าย หลังจากนั้นนายอัครณัฐแจ้งความในข้อหาทำให้เสียทรัพย์นั้น ถือเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่ก็อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ นอกจากนี้นายกิตติศักดิ์มีสิทธิ์แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และทำให้เกิดอันตรายสาหัส หากมีการรักษาตัวเกิน 20 วัน ข้อหาการกักขังหน่วงเหนี่ยว และข้อหาการประทุษร้าย สิ่งที่จะทำต่อไปหลังจากนี้ เมื่อแพทย์อนุญาต ตนจะประสานไปยัง สน.ยานนาวา เพื่อพานายกิตติศักดิ์ไปทำแผนฯ ที่เกิดเหตุ เพื่อที่จะให้ชี้ชัดว่าฝ่ายใดกระทำตรงจุดใด คาดว่าไม่เกินวันที่ 13 พ.ย.นี้

นพ.วุฒิชัย จตุทอง นายแพทย์ชำนาญการศัลยศาสตร์ตกแต่ง กล่าวว่า คนไข้กระดูกหักที่บริเวณจมูก แพทย์รักษาโดยวิธีการผ่าตัดจัดกระดูกให้เข้าที่ไม่มีการเปิดเเผล ใช้เวลาประมาณ 30 นาที การผ่าตัดไม่พบปัญหา และผลที่ได้จมูกของคนไข้จะกลับมาใกล้เคียงปกติมากที่สุด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลารักษานานอย่างน้อยประมาณ 1 เดือน ส่วนเฝือกที่ค้ำภายในจมูกต้องใส่อย่างน้อยประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะสามารถถอดออกได้ หรืออาจจะนานกว่านั้น แต่ต้องระวังบาดเเผลเกิดการติดเชื้อ

น.ส.สุธิรา หงส์ทอง อายุ 53 ปี มารดาของนายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตกลงกันเรียบร้อยว่าต่างคนต่างรับผิดกัน แต่เพิ่งทราบว่านายอัครณัฐบันทึกวิดีโอขณะเจรจาไว้เพื่อเป็นหลักฐานทางคดี ตอนแรกตนไม่ได้ติดใจเอาความเพราะยังไม่เห็นคลิป จึงได้ยอมความไปในครั้งแรก จากนั้นลูกชายมีอาการเจ็บบริเวณจมูก จึงพาไปโรงพยาบาลเลิดสิน เนื่องจากมีประกันสังคม พบว่ากระดูกแตกจึงโทรศัพท์ไปหานายอัครณัฐ เพื่อเจรจาเรื่องค่าเสียหาย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมงนายอัครณัฐโทร.กลับมา

จากการพูดคุยนายอัครณัฐอ้างว่าสามารถช่วยเหลือค่ารักษาได้แค่บางส่วน เนื่องจากมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่ามีประกันสังคมอยู่แล้ว กระทั่งมาเห็นคลิปที่ปรากฏจนยอมไม่ได้ที่เห็นลูกชายถูกกระทำขนาดนี้ “เจอกันครั้งแรกนั้นนายอัครณัฐทำตัวดังเทพบุตร แต่เมื่อดูในคลิปเหมือนปีศาจร้ายที่จะฆ่าลูกดิฉัน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับนายอัครณัฐให้ถึงที่สุด”

ด้านนายกิตติศักดิ์กล่าวเพียงว่าอยากให้เคลียร์เรื่องคดีให้จบๆ กันไป

ขณะที่พ.ต.ท.ทวีป สุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ยานนาวา เปิดเผยว่า สั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดต่อชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมแว่นตา ที่เป็นเพื่อนของนายอัครณัฐ หรือน็อต ซึ่งปรากฏอยู่ในคลิปให้มาสอบปากคำในฐานะพยาน ส่วนวงจรปิดนั้นได้ประสานไปยังกรุงเทพมหานครเพื่อขอภาพ ทั้งนี้ ในส่วนของคดีความนั้นจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเป็นทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้นต้องดูจากผลการตรวจของแพทย์ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะทำคดีเสร็จภายใน 20 วัน เพราะต้องรอผลการตรวจร่างกาย และผลการตรวจสภาพรถจาก บก.จร.

ที่ ตร. พล.ต.ต.ทรงพล วัธนชัย รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ต้องรอดูว่าแพทย์จะลงความเห็นอย่างไร พนักงานสอบสวนจะได้เรียกตัวมา ถ้าสาหัสจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เมื่อวานนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกมาครั้งหนึ่งแล้ว กำลังแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม คือข่มขืนใจให้ผู้อื่นทำการหรือไม่กระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามมาตรา 309 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย

พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวอีกว่า ส่วนจะเรียกเพื่อนของนายน็อตซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุมาสอบสวนด้วยหรือไม่นั้น ได้สั่งพนักงานสอบสวนไปเรียบร้อยแล้ว ในคดีต้องมีทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล นอกจากนี้ยังมีการตรวจเช็กกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุด้วย ส่วนเพื่อนนายน็อตไม่ห้ามปรามถือว่ามีความผิดด้วยหรือไม่นั้น ต้องดูรายละเอียดอีกครั้งว่าเขาได้สั่งการหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน