แม่ “น้องอิน” ร่ำไห้ วอนหยุดพูดถึงปมดับ มีเวลาอยู่กับลูกอีกแค่ไม่กี่วัน ขอให้ลูกจากไปอย่างสงบ เจอแล้ว “ไอโฟน 7” ของ “น้องอิน” ตร.ปูพรมค้นจนพบตกอยู่ในพงหญ้า ด้านรอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เผย ด้านพระเอก บิณฑ์ ยันพูดความจริง เพราะไม่อยากให้น้องถูกมองว่าเมาแล้วขับ ขณะที่ตร.เตรียมเรียกพระเอกบิณฑ์กับสาวทอมคนสนิทมาสอบเพื่อยืนยันเส้นทางที่ขับมา ผอ.แขวงทางหลวงปทุมฯ ลงพื้นที่ติดตั้งป้ายเตือนระวัง เผยจุดดังกล่าวเกิดเหตุรถเหินสะพานจนเกิดอุบัติเหตุบ่อย ประกอบกับถนนชำรุดเพราะรถบรรทุกวิ่ง

จากกรณี “น้องอิน” น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี อายุ 20 ปี นักแสดงวัยรุ่นมีผลงานภาพยนตร์และละครหลายเรื่อง ขับรถเก๋ง บีเอ็มดับเบิลยู ทะเบียน 5 กบ 5248 กทม. ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำชนต้นไม้เสียชีวิต ริมถนนทางหลวงหมายเลข 9 กาญจนาภิเษกตะวันตก ฝั่งขาออก ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยน้องอินผู้ตายขับรถกลับมาเพียงลำพังจากงานที่พัทยา จ.ชลบุรี เหตุเกิดเช้าวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาในงานสวดศพน้องอิน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่าก่อนเกิดเหตุ น้องอินขับรถจากพัทยาไปหาเพื่อนสนิทชื่อ “ไทม์” เป็นสาวทอมที่อยุธยา ซึ่ง “ไทม์” พยายามบอกไม่ให้อินมาหาเพราะดึกและไกลมาก แต่น้องอินก็ยังขับไป กระทั่งประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตอนตี 3 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 เม.ย. พ.ต.อ.ฤทธิ์ ศิริเทพ ผกก.สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรี อยุธยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ 50 นาย เดินหน้ากระดานปูพรมค้นโทรศัพท์มือถือของน้องอิน ที่สูญหายอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนจะพบซากโทรศัพท์สภาพหน้าจอแตกระจายตกอยู่ใน พงหญ้า พร้อมเคสโทรศัพท์ ไอโฟน 7 สีแดง และยังมีซิมการด์อยู่กับซากของเครื่อง ใกล้กันยังพบกุญแจ 1 พวง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.อ.ฤทธิ์เผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรอ ผลตรวจจากแพทย์ถึงปริมาณแอลกอฮอล์ ในเลือด ซึ่งให้พนักงานสอบสวนติดต่อทางนิติวิทยาศาสตร์ อยากให้ใครที่เห็นเหตุการณ์หรือมีใครที่ผ่านจุดเกิดเหตุมีกล้องหน้ารถมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าน่าจะมีคนเห็นเหตุกาณ์ เพื่อมาสรุปสาเหตุ

ขณะที่พ.ต.อ.สง่า ศรัณยานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จาก คำให้สัมภาษณ์ของบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ พระเอกชื่อดัง เชื่อว่าน้องอินน่าจะขับรถมาด้วยความเร็วในช่วงที่ฝนตกหนักและเกิดอุบัติเหตุ จึงให้พนักงานสอบสวนติดต่อบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และพยานที่ระบุว่าน้องอินเดินทางมาหา มาสอบสวนเพื่อจะทำให้ทราบถึงเส้นทางที่เดินทางมาได้

วันเดียวกันนายรุ่ง บัวใหญ่รักษา ผอ.แขวงทางหลวงปทุมธานี นายเอนก จันทร์สมบัติ หน.หมวดทางหลวงลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พร้อมเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงลาดหลุมแก้ว เดินทางมาตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เสริมป้ายเตือนระวังอุบัติเหตุและลดความเร็ว เนื่องจากช่วงนี้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม จึงต้องป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนให้มากขึ้น ทั้งนี้บริเวณที่เกิดเหตุมีรถสัญจรจำนวนมาก และก่อนจุดเกิดอุบัติเหตุ 100 เมตรเป็นสะพานโค้งขนาดเล็ก มีโอกาสทำให้รถยนต์ที่ขับผ่านมาด้วยความเร็วเหินกับคอสะพาน จนทรงตัวไม่อยู่ควบคุมไม่ได้จึงพุ่งไปชนขอบแท่งแบร์ริเออร์ฝั่งขวาและต้นไม้ที่อยู่ริมถนนฝั่งซ้าย จากรายงานพบว่าจุดดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุประมาณปีละ 10-15 ราย ล่าสุดระบุว่า น้องอิน เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 4 ของปี 2561

ล่าสุดนางลัดดา อุตตวัฒน์ (เชิดชูบุพการี) แม่น้องอิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พระเอก บิณฑ์ระบุว่าเรื่องน้องอินขับรถไปหา “ไทม์” เพื่อนสาวทอมว่า ข่าวที่ออกมาอาจมีความ คลาดเคลื่อน อาจจะเป็นการพูดกันหลายคนปากต่อปากเลยทำให้สับสน เพราะน้องอิน มีเพื่อนหลายกลุ่มมากและหลายสถาบัน เพื่อนบางคนตนยังไม่รู้จักเลย แต่เบลนี่ตนรู้จัก เดี๋ยวในงานศพน้องอิน ตนจะชี้แจงรายละเอียด อีกครั้ง

ต่อมาเวลา 17.30 น. ที่ ศาลาหน้าเมรุ วัดราชสิงขรพระอารามหลวง ถนนเจริญกรุง นางลัดดา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยเสียงสะอื้นทั้งน้ำตาว่า วันนี้ตนขอชี้แจงเรื่องที่เป็นประเด็น สาเหตุที่ต้องออกมาแถลงข่าวเนื่องจากในขณะนี้ได้มีกระแสข่าวของน้องอินในหลายประเด็นและหลายช่องทาง ซึ่งมีทั้งข่าวลบและบวก ตนในฐานะผู้สูญเสียจึงอยากขอเปิดใจในการให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกช่องทุกทางซึ่งการชี้แจงในครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ตนจะพูด จึงอยากขอความเห็นใจจากทุกท่านอยากขอให้จบเรื่องที่เป็นกระแสข่าว ณ ปัจจุบันนี้ซึ่งมีทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง อยากให้น้องจากไปอย่างสงบเพราะตนเหลือเวลาอยู่กับน้องอินอีกแค่ 2 วันเท่านั้น วันพุธนี้น้องอินก็จะต้องจากตนไปตลอดชีวิตแล้ว จึงอยากขอร้องให้ทุกสื่อช่วยยุติการประโคมข่าวทุกเรื่องของน้องอินและยุติการแชร์ในทุกสื่อทั้งหมด รวมถึงอยากให้สังคมเห็นใจและเห็นถึงคุณงามความดีของน้องอินมากกว่า เพื่อให้น้องอินจากไปอย่างสงบที่สุดในวาระสุดท้ายของชีวิต

ด้านนางอัจฉา โคจรสวัสดิ์ คุณป้าของดาราสาวผู้ล่วงลับ ซึ่งเดินทางมาจากเชียงใหม่ สะอื้นไห้พร้อมกล่าวว่า น้องอินโตมาเขาต้องเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กที่มีความกตัญญู หนักเอาเบาสู้ สารพัดทุกเรื่องที่จะทำ สังคมไทยเราทำไมไม่นึกถึงจุดที่ดี ทำไมจะต้องไปนึกถึงจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่น้องเขาเป็น วัยรุ่นทั่วไป

“ป้าขอนะคะ(ยกมือไหว้พร้อมปล่อยโฮอย่างหนัก) ขอไปถึงทุกๆคน ให้เห็นใจครอบครัวเรา ที่เราต้องสูญเสียครั้งนี้ น้องอายุแค่นี้เป็นเรื่องธรรมดามากด้วย ถ้าเกิดขึ้นกับครอบครัวไหนเราไม่รู้ว่าพวกคุณจะทนสภาพกับครอบครัวนี้ไปได้นานแค่ไหน ทุกคนรู้ไหมคะ ตลอดระยะเวลาที่น้องมีชีวิตอยู่ น้องต้องดูแลแม่ตามลำพัง ทั้งๆ ที่เราเป็นพี่ป้าน้าอา ทำได้แค่คอยดูแลเขาอยู่ห่างๆ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทำไมสังคมบ้านเราซึ่งเป็นสังคมพุทธจะต้องมองเห็นในจุดที่ไม่ควรจะมองเห็น ทำไมไม่ดูสิ่งที่น้องทำมาหากิน ลำบากตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จนถึงปัจจุบัน แล้วน้องเขายังทำงานจนถึงสาระสุดท้าย ป้าและครอบครัวขอความเห็นใจกับทุกๆ สังคมไทย ทุกๆ สื่อ ขอให้น้องอินไปดี เจอแต่สิ่งดีๆ พูดถึงเขาในเรื่องที่ดีๆ ได้ไหมคะ ครอบครัวเราขอร้องนะคะ(ยกมือไหว้) ขอร้องไปถึงทุกๆ คนเลยค่ะ(สะอื้นไห้อย่างหนัก)” นางอัจฉรากล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ติดใจอะไรที่ทางพระเอกบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ไหม นาวอัจฉรา กล่าวว่า ไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้แล้ว เพราะเราสูญเสียเกินกว่าที่พวกคุณจะเข้าใจว่า การที่เราสูญเสียลูกหลานไปในครั้งนี้ ในขณะที่เขาอายุยังน้อยมันเจ็บช้ำแค่ไหน ถ้าเกิดว่าพวกคุณทุกคนมายืนในจุดที่เรายืนอยู่ จะรู้ว่าเราเจ็บช้ำทางร่างกายและจิตใจขนาดไหน “เราขอนะคะ ถ้าจะพูดถึงน้องอิน ขอให้พูดถึงแต่เรื่องคุณงามความดีที่เขาเป็นเด็กกตัญญูเลี้ยงดูแม่มาจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต เราขอนะคะ (ยกมือไหว้) ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ” ป้าน้องอินกล่าววิงวอน

ขณะที่พระเอกบิณฑ์ให้สัมภาษณ์ออกรายการโหนกระแส ตอนหนึ่งว่า เรื่องราวทั้งหมดขอเอ่ยนามเพราะมีคนคนหนึ่ง น้องเบล เป็นเพื่อนสนิทผู้ชาย วันที่ร.พ.ธรรม ศาสตร์ ผมเจอน้องเบล ก็พูดคุยกับน้องเบล ก็มีประเด็นนี้ แต่ผมไม่ได้มีอะไร ก็ฟังมันมีมาอีกคนคือน้องไทม์ เป็นผู้หญิงลักษณะผู้ชาย เป็นสาวหล่อมากคนนึง ผมได้ฟังข้อมูลมาก็โกรธ ไม่พอใจสาวหล่อ เบล เล่าให้ฟังว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ลงดีเทล แต่เอาเป็นว่าผมโกรธ วันแรกที่เอาศพไปวัด น้องไทม์มารดน้ำศพ ผมก็อยากคุย ก็เรียกมาคุย เขาก็อธิบาย ก็ขอให้พูดเรื่องจริง ทุกอย่างที่เคยโกรธ เขาก็อธิบายโดยละเอียด เราก็รู้สึกว่าเรื่องจริงที่ฟังจากเบล จากไทม์ เรื่องจริงที่ฟังจากแม่ เพราะทุกคนประณามหรือกำลังเข้าใจว่าอินกินเหล้าเมา ทะเลาะกันกับแฟน ซึ่งเป็นเรื่องที่มันไม่ใช่ ผมก็ถามเลย ตอนคุยกับไทม์ เขายืนยันว่าน้องสติสัมปชัญญะดีมาก ไม่ได้ทะเลาะกันด้วยแต่ว่าเสียงดังนิดหน่อย ตีสองครึ่งยังคุยกับน้อง ไม่เมา ไม่ง่วง ไม่อะไรทั้งนั้นเลย ลักษณะตอนตีสองครึ่งยังคุยไม่รู้เรื่องเพราะฝนตก ประเด็นคือน้องอินบอกว่าเดี๋ยวเจอกันแล้วค่อยคุยกันอีกทีหนึ่ง เดี๋ยวขับรถก่อนจนกระทั่งเกือบตีสาม น้องอินก็ไม่ถึงซักที ทางนี้ก็เลยโทร.หา น้องอินก็ไม่รับสาย ตีสี่โทร.หาก็ไม่รับสาย นั่นคือสิ่งที่ตนรู้และผมฟังมา สิ่งที่ตนพูดถามว่าตนพูดมากไปมั้ย ถ้าตนไม่พูด สังคมจะรู้ได้ยังไงว่ามันคืออะไร ไม่ใช่ไปต่อว่าน้องอินหรืออะไร ตนรู้ว่าคนเสียชีวิตไปแล้วไม่ควรเอามาพูดในทางเสียหาย คนที่เข้าไปคอมเมนต์ควรมีความคิดหน่อยไม่ใช่ไปต่อว่าเขา คุณแม่เขายังอยู่ ยังไม่เสียชีวิต ต้องให้กำลังใจเขาไม่ใช่มาต่อว่า แล้วมาบอกว่าตนพูดมาก ตนต้องพูดความจริง

“ก็ยอมรับว่าเข้าไปเสือกแต่อยากให้ทุกคนรู้แล้วกระจ่างว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ไม่ใช่ไปพูดกันเอง ถ้าผมพูดก็เป็นความจริงทั้งหมด วันนี้แม่น้องอินจะแถลงข่าว ถ้าผมจะเป็นหมาผมก็ยอม ไม่เป็นไร สิ่งที่ผมพูดเพราะผมรักน้องอิน ผมรักครอบครัวนี้ ถ้าผมไม่ออกมาพูด แม่ก็ไม่พูดแล้วใครจะออกมาพูด เพราะเขามีกันแค่สองคนแม่ลูก เขาไม่เคยปรึกษาใคร นอกจากผม จะว่าผมเสือก ผมโหนกระแสก็พูดกันไป ผมจะไปโหนกระแสอะไร ผมพูดความจริงก็อยากให้เข้าใจผมด้วย” บิณฑ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน