ภรรยา สจ.โต้ง เปิดใจ หลังสามีถูกยิงดับคาบ้าน “โกทร” ถามกลับ “กล้าฆ่าหมาตัวเองมั้ย นอกจากพี่ไม่รักมันแล้ว” อยากโอนคดีให้ บช.ก. กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ลูกน้องเล่านาทีเกิดเหตุ
จากกรณี นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ถูกยิงเสียชีวิต ในบ้าน นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 7 คน หนึ่งในนั้นคือ นายสุนทร ไปสอบปากคำ เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 12 ธ.ค.67 ที่วัดมะกอกสีมาราม ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยาของ สจ.โต้ง เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงค่ำวันเกิดเหตุ ตนกับสามีกำลังขับรถเข้า กทม. เพื่อไปหาลูก ระหว่างนั้นสามีโทรศัพท์พูดคุยโกทรตลอดเวลา แต่ปรากฏว่าพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง พอขับรถถึง อ.องครักษ์ จ.นครนายก จึงตัดสินใจวนรถกลับมาหาโกทรที่บ้าน แต่ได้แวะส่งตนที่บ้านก่อน ปกติแล้วสามีไม่ได้ไปบ้านโกทรนานแล้ว แค่ครั้งนี้อยากกลับเคลียร์ใจ
พอส่งตนเสร็จ สามีก็ไปต่อ โดยมีลูกน้องไปด้วย แต่ลูกน้องรออยู่หน้าบ้าน ส่วนสามีเข้าไปภายในบ้านคนเดียว สามีเข้าไปตัวเปล่าโดยไม่มีอะไรเลย สักพักลูกน้องเล่าว่า ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากภายในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงปืน จึงเป็นข้อสังเกตได้ว่า คนของเราอาจถูกยิง ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ลูกน้องได้ยินเสียงปืนดังออกมาเยอะมาก เรียกว่าเสียงปืนแบบรัวๆ และยิงมาใส่ลูกน้องเราด้านนอกด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจมากๆ จนอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้เลย สามีเป็นคนระวังตัวมาก เพราะคิดว่าพื้นที่ที่ไปสามารถไว้ใจ เชื่อใจได้ แต่ก็ไม่คิดว่าสุดท้ายมันจะเป็นแบบนี้
ส่วนตัวมองว่าเป็นการวางแผนหรือไม่ ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก เรื่องนี้ขอให้การกับตำรวจก่อน ยังไม่อยากคิดอะไร นอกจากการจัดการงานศพ และเรื่องคดี ตนเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง เพราะเหลือแค่ตนกับลูกเท่านั้น
อีกประเด็นที่เป็นห่วงคือ เรื่องความเป็นธรรมของคดี เพราะรู้ว่าสามีเป็นคนไม่คิดร้ายกับใคร ด้วยบุคลิกเป็นคนที่ปากร้าย แต่ยืนยันว่าไม่เคยคิดร้ายกับใคร อีกอย่างที่กังวลเรื่องความเป็นธรรม เพราะคู่คดีเป็นนักการเมือง อยากให้โอนคดีไปยังตำรวจสอบสวนกลาง แต่เบื้องต้นก็พอใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนฝั่งคู่กรณี ยังไม่มีการโทรศัพท์หรือติดต่อมาหาฝั่งตนเลย
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า ช่วงเกิดเหตุ โกทรอยู่ในห้องนอนแล้ว และได้ยินเสียงปืน แต่ไม่ออกมาเพราะกลัว ส่วนตัวในฐานะภรรยา สจ.โต้ง เชื่อหรือไม่ น.ส.ณภาภัช กล่าวว่า โกทรน่าจะรู้ว่า สจ.โต้ง เข้าไปด้วยมือเปล่า แล้วการที่ได้ยินเสียงปืนมันจะเป็นไปได้หรือ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะสามีตนไม่มีปืนเข้าไป ตามสัญชาตญาณ ถ้าได้ยินเสียงปืน ต้องออกมาแล้วหรือไม่ ทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้
น.ส.ณภาภัช กล่าวต่อว่า สามีเป็นคนที่ห่วงลูกมาก ตั้งใจอยากให้ลูกชายเป็นตำรวจทั้ง 3 คน อยากให้ลูกทำมาหากิน มีอาชีพที่มั่นคง ไม่อยากให้ลูกเป็นนักการเมือง
เมื่อถามถึงประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าเป็นพ่อลูกกัน ทำไมไม่ปกป้องลูก น.ส.ณภาภัช ถามกลับว่า “พี่เลี้ยงหมา กล้าฆ่าหมาตายมั้ยล่ะ? พี่เลี้ยงหมาอยู่ตัวหนึ่ง พี่กล้าเอายาเบื่อหมาที่พี่รักให้มันกินมั้ย พี่ทำได้ไหม นอกจากว่าพี่ไม่รักแล้ว“
น.ส.ณภาภัช ยังกล่าวถึงประเด็นการลงสมัครนายก อบจ. ว่า สามีตั้งใจให้ตนสมัครนายก อบจ. ซึ่งพอรู้ เราก็เตรียมตัวแล้วเช่นกัน ส่วนสาเหตุที่สามีสนับสนุนตน เพราะสามีรักทางด้านนี้อยู่แล้ว แต่ยังมีหลายปัจจัยที่ยังลงไม่ได้ จึงอยากให้ภรรยาลงแทน
เมื่อถามว่า จะลงสมัครนายกอบจ. ต่อหรือไม่ น.ส.ณภาภัช กล่าวว่า ตอนนี้คงไม่แล้ว เพราะคนที่อยากให้เป็น อยากให้ทำ ไม่อยู่แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปทำไม แต่ยืนยันว่า จะยังคงลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนต่อไป ขณะเดียวกัน น.ส.ณภาภัช ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า บ้านหลังใหญ่โตขนาดนั้น ทำไมไม่มีวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุ
ขอบคุณ : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว