Facebook – Instagram จ่อยกเลิกระบบ Fact-Checking ในสหรัฐอเมริกา “มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก” โดนจวกเอาใจ “โดนัลด์ ทรัมป์” เกินไป
เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.) มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Elliot Zuckerberg) ผู้บริหารของ เมตา (META) ผู้ผลิตเฟซบุ๊ก (FACEBOOK) และ อินสตาแกรม (INSTAGRAM) ได้แถลงผ่านเว็บไซต์บริษัทกรณีเตรียมเลิกใช้งานผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอิสระ (independent fact checker)
แทนที่ด้วยระบบ “หมายเหตุชุมชน” (community note) ของ X ซึ่งผู้ใช้งานจะเป็นผู้ทิ้งข้อความเรื่องความถูกต้องของโพสต์นั้นๆ เอาไว้ โดย มาร์ก กล่าวว่า
“เราจะย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้น ลดข้อผิดพลาดให้น้อยลง ทำนโยบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มของเราได้อย่างอิสระอีกครั้ง”
- “หมายเหตุชุมชน” เป็นฟีเจอร์ ที่ X (ทวิตเตอร์) เริ่มใช้งานหลังจาก อีลอน มัสก์ เข้าซื้อบริษัท โดยให้ผู้ใช้งานร่วมให้ข้อมูลและเพิ่มบริบทต่างๆ เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริง เอาไว้ใต้โพสต์, รูปภาพ หรือ วิดีโอ เป็นโปรแกรมกลั่นกรองเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งและข้อความที่อนุมัติจะถูกแสดงทุกครั้งที่มีคนทวีตหรือแชร์คอนเทนต์นี้อีกครั้งในอนาคต
นอกจากนี้แล้วจะโฟกัสไปที่ระบบอัตโนมัติในการลบ “เนื้อหาที่อ่อนไหวสูงและผิดกฎหมาย” เช่นก่อการร้ายและยาเสพติด จะหยุดสแกนเชิงรุกหาวาทกรรมแห่งความเกลียดชังและการละเมิดกฎรูปแบบอื่นๆ และจะทบทวนตรวจสอบโพสต์เหล่านั้น ตอบสนองต่อรายงานของผู้ใช้เท่านั้น
ด้าน ทรัมป์ ก็ออกมาชื่นชมการตัดสินใจนี้ เมื่อนักข่าวถามว่า การเปลี่ยนครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อคำขู่ในอดีตหรือไม่ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ตอบว่า “เป็นไปได้”
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก แสดงความเสียใจต่อการกลั่นกรองเนื้อหาบางอย่างในหัวข้อต่างๆ ในนั้นรวมถึงโควิด-19 นอกจากนี้แล้ว เมตายังบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้ากองทุนสาบานตนของ ทรัมป์ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ต่างจากแนวทางปฏิบัติในอดีตของบริษัท
ด้านกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านการบูลลี่บนโลกออนไลน์ ออกมาแสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจนี้ และระบุว่า นี่เป็นความพยายามเพื่อเอาใจทรัมป์
อย่างไรก็ตาม เมตามีแผนเปลี่ยนแปลงเฉพาะในสหรัฐฯ ยังไม่มีแผนยุติโปรแกรม fact-checking ในดินแดนอื่นๆ