แพทย์เปิดผลวิจัย 2 อาชีพ มีโอกาสเสียชีวิตจาก ‘โรคอัลไซเมอร์’ น้อยที่สุด จากทั้งหมด 9 ล้านคนและ 443 อาชีพ
นพ. หง ฮุ่ยเฟิง แพทย์ประจำภาควิชาหทัยวิทยาและประธานคณะกรรมการเวชศาสตร์ป้องกันแห่งสมาคมโรคหัวใจแห่งสาธารณรัฐจีนออกมาเผยแพร่องค์ความรู้ผ่านทางโซเชียลเกี่ยวกับผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์อังกฤษ (BMJ) วิเคราะห์อัตราการเสียชีวิตจากโรคอัลไซเมอร์จากอาชีพต่าง ๆ ซึ่ง พบ 2 อาชีพที่ใครหลายคนไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคอัลไซเมอร์น้อยที่สุด
ตามรายงาน ผลการศึกษาของข้อมูลการเสียชีวิตของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 8,972,221 รายที่ประกอบอาชีพแตกต่างกันทั้งหมด 443 อาชีพในช่วงปี 2020 ถึง 2022 พบว่า 3.88% (348,328 ราย) มีโรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุการเสียชีวิต
โดยพบว่า สัดส่วนของการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ในหมู่คนขับรถพยาบาลเป็นอาชีพที่ต่ำที่สุดในบรรดาอาชีพทั้งหมดที่ได้รับการตรวจสอบ ซึ่งคนขับแท็กซี่ 1.03% (171/16,658 ราย) เสียชีวิตจากโรคอัลไซเมอร์ ในขณะที่คนขับรถพยาบาล อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0.74% (10/1,348 ราย)
แม้หลังจากปรับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุและภูมิหลังทางสังคมและประชากรแล้ว อัตราการเสียชีวิตจากโรคอัลไซเมอร์ในกลุ่มคนขับรถพยาบาลที่ 0.91% และคนขับรถแท็กซี่ที่ 1.03% ยังคงต่ำที่สุดในบรรดาอาชีพทั้งหมดอยู่ดี
ซึ่งแนวโน้มนี้ไม่พบในงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งที่ต้องอาศัยการประมวลผลเชิงพื้นที่และการนำทางแบบเรียลไทม์หรือในภาวะสมองเสื่อมประเภทอื่น ผลลัพธ์มีความสอดคล้องกันไม่ว่าโรคอัลไซเมอร์จะถูกบันทึกว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหลักหรือเป็นสาเหตุร่วมของการเสียชีวิตก็ตาม
ดร. หง ฮุ่ยเฟิง กล่าวว่า ไฮโปทาลามัสในสมองมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความจำเชิงพื้นที่และการนำทาง และยังเป็นหนึ่งในพื้นที่สมองกลุ่มแรก ๆ ที่หดตัวลงจากโรคอัลไซเมอร์ การศึกษาสรุปว่า อาชีพที่มักเกี่ยวข้องกับการเดินทางและการประมวลผลเชิงพื้นที่ เช่น คนขับแท็กซี่และคนขับรถพยาบาล มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคอัลไซเมอร์ต่ำที่สุดในบรรดาอาชีพทั้งหมด
ชาวเน็ตบางคนเล่าว่า “เป็นเรื่องยากมากที่จะสอบใบขับขี่แท็กซี่ในต่างประเทศ แม้แต่ในญี่ปุ่น และยิ่งกว่านั้นในยุโรป โดยเฉพาะแท็กซี่ของอังกฤษ ชื่อถนนในลอนดอนนั้นซับซ้อนมาก การสอบมักกำหนดให้คุณต้อง จำชื่อถนนที่คุณไม่สามารถเลี้ยวหรือไปทางเดียวได้หรือไม่สามารถพึ่งพาการนำทางของ GPS ได้”
