กบร.ออกกฎใหม่สายการบินไทย-ต่างประเทศ หากเจอ 6 กรณีนี้ ปฏิเสธรับผู้โดยสารได้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย มีผลบังคับใช้ 19 ก.พ.2568
กฎใหม่สายการบิน เมื่อวันที่ 23 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ซึ่งมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคมเป็นประธาน ออกข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 104
ว่าด้วย การปฏิเสธการรับขนผู้โดยสาร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.68 เป็นต้นไป โดยจำกัดให้สายการบินของไทยและต่างประเทศ (ผู้ขนส่ง) สามารถปฏิเสธการรับขนผู้โดยสารได้ เฉพาะกรณีดังต่อไปนี้
1.ผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ไม่ได้แจ้งขอรับบริการช่วยเหลือพิเศษล่วงหน้าภายในกำหนดเวลาที่ผู้ขนส่งแต่ละรายกำหนด และผู้ขนส่งนั้นได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด ในการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางสำหรับผู้โดยสารนั้นแล้ว แต่ไม่สามารถจัดเตรียมบริการเช่นว่านั้นได้
2.ผู้โดยสารนั้นไม่สามารถแสดงเอกสารการเดินทาง ซึ่งเป็นเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่สามารถใช้ระบุตัวตน หรือเอกสารที่ใช้ในการผ่านแดนหรือการเข้าเมืองต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้
3.ผู้โดยสารที่หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของประเทศปลายทางหรือประเทศที่เป็นจุดแวะพัก แจ้งว่าจะไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศหรือแวะพัก
4.ผู้โดยสารที่เป็นทารกแรกเกิดอายุต่ำกว่า 14 วัน
5.ผู้โดยสารอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่เดินทางโดยลำพัง
6.ผู้โดยสารที่มีอายุครรภ์เกินที่กำหนดในเงื่อนไขในการขนส่งของผู้ขนส่งแต่ละราย
นอกจากนี้ ผู้ขนส่งมีสิทธิปฏิเสธการรับขนผู้โดยสาร สัมภาระ และของที่ผู้โดยสารไม่ยินยอมให้ตรวจค้นหรือไม่ผ่านการตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการปฏิเสธการรับขนด้วยเหตุความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย
โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 มาตรา 41/133 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสาร ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย