จับตาการประชุมมหาเถรสมาคมบ่ายวันนี้ หลังเลขาธิการมส.แจ้งจับรูด 5 พระเถระ-กรรมการมส.ด้านเจ้าคณะกทม.”พระพรหมดิลก”ขอบคุณที่ประเคนคดีที่ทำให้ได้บำเพ็ญบุญบารมีเพิ่มมากขึ้น ลั่นพร้อมชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวหา ชี้สำนักเรียนวัดสามพระยา เป็นสถานที่ศึกษาและอบรมภาษาบาลีจนถึงประโยค 9 จึงต้องใช้ งบประมาณในส่วนนี้ ขณะที่รมต.ประจำสำนักนายกฯ แจงความเป็นมาของกรณีที่เกิดขึ้น ยันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารคณะสงฆ์ แต่เรื่องคดีก็ให้ดำเนินไปตามขั้นตอน ผอ.สำนักพุทธฯ เบี้ยวแจ้งจับคดีเงินทอนอีก 7 วัด เลื่อนนัดตำรวจปปป.ไม่มีกำหนด อ้างติดธุระ ประธานองค์กรชาวพุทธฯ ติง “พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์” ไม่ใช่หน้าที่ของฆราวาสที่จะไปปรับอาบัติปาราชิกพระ-ไม่ควรเป็นกรรมการ มส. ระบุละเมิดอำนาจสมเด็จพระสังฆราช

วันที่ 19 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนัก นายกฯ กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร้องทุกข์เอาผิดผู้เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณการศึกษาพระปริยัติธรรม และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา กล่าวหาว่าพระผู้ใหญ่รวม 5 รูป ประกอบด้วยพระราชาคณะเจ้าคณะรอง 3 รูป พระราชาคณะชั้นราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง 2 รูป เข้าไปเกี่ยวข้องว่า จากการหารือกับพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ เกี่ยวกับประเด็นที่พศ.จะดำเนินคดี โดยข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินงานของพศ. ที่ได้รับการร้องเรียนการทุจริตเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของรัฐ ทั้งการอุดหนุนการศึกษา การเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อเดือนก.ย.2560 และได้ส่งเรื่องให้กองบังคับการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปดำเนินการ

รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เมื่อบก.ปปป.สืบสวนสอบสวนตั้งแต่เดือนก.ย.ถึงเดือนเม.ย. 2561 พบว่ามีข้าราชการระดับสูงระดับอดีตรองผอ.พ.ศ. บุคคลภายนอก รวมทั้งวัดเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทุจริต กองบัญชาการสอบสวนกลางจึงทำหนังสือถึงผอ.พศ. ให้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ จึงเป็นที่มาของการร้องทุกข์กล่าวโทษเมื่อวันที่ 11 เม.ย.และเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวพันกับข้าราชการ บุคคลภายนอก เอกชนและประชาชน จึงต้องส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการสอบสวนเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบของป.ป.ช.ไปแล้ว ทุกอย่างจึงอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย

นายสุวพันธุ์กล่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย และตนเห็นตรงกันว่าในส่วนของข้าราชการ ให้พศ. ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ นอกเหนือจากการสอบสวนของป.ป.ช.ไม่ว่าจะมีข้าราชการระดับไหนเกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามแนวทางนโยบายที่นายกฯให้ไว้ เพราะลักษณะความผิดคล้ายกับการกระทำผิดที่ผ่านมาคือเป็นเงินอุดหนุนเรื่องปฏิสังขรณ์วัด เรื่องการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม และการเผยแผ่กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งก่อนหน้ามีการลงโทษทางวินัยและคดีอาญาไปแล้ว ในส่วนของพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีข่าวเกี่ยวข้องด้วยนั้นอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของป.ป.ช. ทั้งนี้การตรวจสอบในครั้งนี้เมื่อพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกก็ต้องดำเนินการเพิ่มโดยขึ้นอยู่กับการสอบสวนของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่าการสอบสวนพระชั้นผู้ใหญ่ซึ่งมีตำแหน่งในมหาเถรสมาคม จะต้องให้ออกจากตำแหน่งหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ต้องแยกส่วนกัน เรื่องของกระบวนการยุติธรรมก็ว่าไป เรื่องคณะสงฆ์เป็นอีกเรื่อง และการจะพิจารณาให้ออกจากตำแหน่งไม่ใช่อำนาจของฝ่ายอาณาจักร เชื่อว่าทุกคนอยากทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ดังนั้นทางใดที่จะให้พระพุทธศาสนาเจริญรัฐบาลและคณะสงฆ์ก็จะเดินไปทางนั้น แต่เมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วต้องปล่อยให้ไปตามนั้น และขณะนี้ยังไม่ทราบถึงข้อร้องเรียนที่เกี่ยวกับพระผู้ใหญ่ จึงพูดไม่ได้ว่าจะต้องหยุดการทำหน้าที่หรือไม่ เรื่องที่เกี่ยวกับกิจการพระพุทธศาสนา มหาเถรสมาคมก็ต้องหารือกันซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดการหารือ

ส่วนที่มีพระผู้ใหญ่ไม่พอใจการตรวจสอบของพศ. จะทำให้การตรวจสอบมีอุปสรรคเกิดขึ้นหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ผอ.พศ. ไปร้องทุกข์ตามที่ผบช.ก.ที่ทำหนังสือมาถึง เมื่อทุกเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วจะเป็นผู้ตอบได้ดีที่สุด ซึ่งเราต้องปล่อยตามกระบวน การยุติธรรมและกฎหมาย ส่วนรัฐบาลนี้ยึดความถูกต้องตรงไปตรงมา โปร่งใส เราเดินไปตามนั้น ขณะเดียวกันงานที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนารัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรือง เมื่อเกิดเรื่องต้องปล่อยให้กระบวน การยุติธรรมได้ทำงาน และเชื่อว่าทุกฝ่ายต้อง การทำให้ความจริงปรากฏได้รวดเร็วไม่ยืดเยื้อ

ต่อข้อถามว่าหากพระผู้ใหญ่เกี่ยวข้องและกระทำผิดจริง จะไม่ละเว้นใช่หรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า จะให้ตอบแบบนั้นไม่ได้ ตอบได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม พยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ส่วนจะมีการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องล็อตต่อไปอีกหรือไม่ อยู่ที่การสอบสวนของตำรวจ ซึ่งทราบเบื้องต้นว่ายังมีเหลือแต่ไม่ทราบว่าจะปรากฏเมื่อไหร่และมีใครเกี่ยวข้องบ้างยังไม่ทราบ

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่พระผู้ใหญ่วิพากษ์วิจารณ์การตรวจสอบของผอ.พศ.เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ก็ต้องสร้างการรับรู้ว่าทุกฝ่ายทำตามหน้าที่ เมื่อถามว่าพศ.ส่งรายชื่อข้าราชการที่คาดว่าเกี่ยวข้องมาให้รัฐบาลเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ชื่อทั้งหมดอยู่ที่ป.ป.ท.และป.ป.ช.แล้ว ซึ่งตนไม่ทราบว่ามีใครบ้าง

ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ กล่าวถึงพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เตรียมแจ้งความเอาผิดคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อต 3 ในพื้นที่กทม.ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องทำอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง เพราะศาสนาเป็นเรื่องที่มีผล กระทบกับจิตใจของประชาชน จะทำอะไรต้องมีฐานข้อมูลที่ชัดเจน การดำเนินการต้องยึดตามที่นายกฯกำหนดและให้นโยบายไว้

รองนายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนยังไม่ทราบรายละเอียด จึงมอบให้นายสุวพันธุ์ รวบรวมข้อมูลมาพูดคุยกันก่อน คิดว่าแนวทางการทำงานของนายสุวพันธุ์ และพศ.ต้องยึดตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯพูดว่าในเมื่อเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การทำอะไรต้องมองทุกมิติอย่างรอบคอบ ส่วนเรื่องนี้จะกระทบกับแรงศรัทธาของประชาชนต่อพุทธศาสนาหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเมื่อมีความชัดเจนออกมา เชื่อว่าคนไทยยังคงมั่นคงในการนับถือศาสนาอยู่ ต้องยอมรับว่าคนจำนวนมากยังเคารพและศรัทธาศาสนาพุทธอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีมีรายงานว่า พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ประสานมาพบ พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปปป. เวลา 10.00 น.วันที่ 19 เม.ย.นี้ เพื่อมาร้องทุกข์กล่าวโทษ คดีเงินทอนวัดล็อต 3 ที่เหลืออีก 7 วัด

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวหลายสำนักเดินทางมาเฝ้ารอที่หน้าสำนักงาน บก.ปปป. เพื่อรอทำข่าว ต่อมา พ.ต.อ.ปัญญา เปิดเผยว่า พ.ต.ท.พงศ์พร ประสานมาขอเลื่อนเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ คดีเงินทอนวัดล็อต 3 ที่เหลือ เนื่องจากติดภารกิจด่วนจึงไม่สามารถที่จะเดินทางมาได้ตามเวลานัด 10.00 น. โดยแจ้งอีกว่าถ้าเสร็จธุระอาจจะเดินทางมาในช่วงบ่ายแทน ส่วน พล.ต.ต. กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. ทราบว่าไปประชุมที่ บช.ก.

เวลา 14.00 น. พ.ต.ท.พงศ์พรประสานพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ว่าวันนี้ไม่สามารถเข้ามาพบตามนัดหมายได้ ขอเลื่อนมาให้ปากคำและแจ้งความวันอื่น โดยยังไม่ได้ระบุวันและเวลาที่เข้ามาพบแต่อย่างใด

เมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน ที่วัดสามพระยา กรุงเทพฯ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นประธานเปิดการประชุมเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ในเขตกรุงเทพฯ โดยพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธัมโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และกรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม และกล่าวรายงานการประชุม

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมในภาคเช้า พระพรหมดิลก ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ถึงกรณีที่ถูกพ.ต.ท.พงศ์พรแจ้งจับพร้อมพระเถระอีก 4 รูปว่า “ต้องขอขอบคุณ อนุโมทนา ผอ.สำนัก งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ทำให้ตนได้บำเพ็ญบุญบารมี เพิ่มมากขึ้น และในวันที่ 20 เม.ย. ก็จะเข้าร่วมประชุมมหาเถรฯตามปกติ”

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีข่าวแพร่ออกไปว่า พระพรหมดิลกเข้าร่วมประชุมเจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาสคณะสงฆ์หนกลาง ครั้งนี้ ปรากฏว่า มีผู้สื่อข่าวจำนวนมากดักรอสัมภาษณ์พระพรหมดิลก ซึ่งมอบหมายให้ลูกศิษย์แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า จะให้สัมภาษณ์หลังจากฉันภัตตาหารเพลเสร็จแล้ว

จากนั้น เวลา 12.25น. พระพรหมดิลกออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ว่า “ข้อมูลยังไม่มี จึงยังไม่สามารถให้สัมภาษณ์ข้อมูลอะไรได้และหาก ทราบข้อมูลที่ชัดเจนแล้วก็พร้อมที่จะชี้แจง”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เตรียมข้อมูลที่จะชี้แจงแล้วหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกบาลี พระพรหมดิลกกล่าวตอบว่า “โรงเรียนพระปริยัติธรรมก็มีอยู่แล้ว ที่วัดสามพระยาเป็นสำนักเรียนที่จัดอบรม จัดสอบ เป็นสำนักเรียนใหญ่ ที่จัดการเรียนการสอนในระดับสูงถึงชั้น ปธ.9 สำหรับนักเรียนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นประจำ ทุกปี”

ด้านนายกรณ์ มีดี เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนทราบเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อมูลห้อยท้ายคำฟ้องว่า พระเถระต้องอาบัติปาราชิก ไม่สมควรดำรงสมณศักดิ์ ไม่สมควรเป็นกรรมการมหาเถรฯ โดยเป็นการฟ้องเรื่องของการทุจริต ซึ่งการฟ้องทุจริต คือ การนำงบฯไปใช้ส่วนตัว แต่เท่าที่ทราบพระไม่ได้นำเงินไปใช้ส่วนตัว เพียงแต่ว่า เงินนั้น ถูกนำไปใช้ผิดประเภท เช่น อุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ แต่นำมาสร้างอาคารเรียนหรือกุฏิในพระพุทธศาสนา เป็นต้น โดยข้อมูลที่ตนทราบมาแต่ยังไม่ยืนยัน 100 % ว่า พระเถระที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้น ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯไปว่า จะนำงบฯมาสร้างอาคาร สร้างกุฏิในวัดเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ก็ยืนยันว่าได้ และจะดำเนินการให้ โดยไป โยกงบฯอุดหนุนของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษามาให้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ โดยที่ไม่ทราบว่า งบฯมาจากส่วนใด และก็ดำเนินการตามที่แจ้งสำนักพุทธฯ ไว้จริง โดยไม่ได้นำไปทำอย่างอื่น

นายกรณ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้คงจะเคลื่อน ไหวอะไรลำบาก แต่ก็กำลังหารือกันว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ นอกจากนี้ ตนห่วงกรณีผอ.สำนักพุทธฯ ไปปรับอาบัติปาราชิก กล่าวหา 3 พระเถระว่าไม่สมควรเป็นกรรมการมหาเถรฯ เท่ากับว่า เป็นการไปกดดัน พระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช เนื่องจากการปลดกรรมการมหาเถรฯ เป็นพระอำนาจสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น การทำเช่นนั้น เป็นการทำเกินหน้าที่ของ ผอ.สำนักพุทธฯ และการปรับอาบัติปาราชิก ฆราวาสไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินพระได้

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะเดียวกัน มีกลุ่มไลน์ของพระสงฆ์ ส่งต่อข้อมูลรายชื่อวัดที่ได้รับงบประมาณ อุดหนุนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมจากกองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระ พุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อปี 2556 ที่ พ.ต.ท. พงศ์พร เรียกตรวจสอบ ซึ่งงบประมาณ ดังกล่าวมีนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ. สำนักพุทธฯ ในขณะนั้น เป็นผู้ลงนามอนุมัติ โดยมีรายชื่อวัดสำคัญๆ เช่น วัดเทพศิรินทราวาส ได้รับงบฯ 10 ล้านบาท, วัดสุทัศนเทพวราราม 10 ล้านบาท วัดบวรนิเวศวิหาร 5 ล้านบาท เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า รายชื่อวัดดังกล่าวจะรวมอยู่ในรายชื่อ 7 วัดที่พ.ต.ท.พงศ์พรเตรียมจะแจ้งความเพิ่มหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 20 เม.ย. จะมีการประชุมมหาเถรสมาคม ในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า พ.ต.ท.พงศ์พร ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม และกรรมการมหาเถรสมาคมอีก 2 รูปที่ถูกแจ้งความกล่าวโทษจะเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่

ในส่วนของพ.ต.ท.พงศ์พรนั้น ช่วงเช้ามีกำหนดการบรรยายเรื่องสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกับงานคณะสงฆ์ ในการประชุมเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส สังกัดคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร ที่วัดสามพระยา ในเวลา 09.00-10.00 น. ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน