หลังจากอินโดนีเซีย เจ้าภาพการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 18 ส.ค.-2 ก.ย. ประกาศรายชื่อ 6 เกม ที่จะถูกบรรจุเป็นกีฬาสาธิตของอีสปอร์ต ประกอบด้วย League of Legend หรือ LoL แนว MOBA บน PC, Arena of Valor หรือ RoV เกมยอดฮิตบนมือถือในประเทศไทย, StarCraft II เกมแนววางแผน, Hearthstone แนวการ์ดเกม, Pro Evorution Soccer 2018 เกมฟุตบอลชื่อดัง และClash Royale เกมบนมือถือแถว Tower Defense
ทำให้มีกระแสวิพากวิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างหนักถึงวิธีการเลือกเกมที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งอาจไม่ถูกใจเหล่าเกมเมอร์บางส่วน
ล่าสุด นายสันติ โหลทอง นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย (ทีอีเอสเอฟ) เผยว่า เดิมที อาลี สปอร์ต บริษัทลูกของ บริษัทอาลีบาบา จะเป็นเจ้าภาพในการคัดเลือกเกม และจัดการแข่งขันต่างๆ แต่เกิดปัญหาเรื่องงบประมาณไม่เพียงพอทำให้สุดท้ายเป็นบริษัท เทนเซ็นต์ ยักษ์ใหญ่ในวงการเกมโลก เข้ามาเป็นผู้สนับสนุน และจัดการเรื่องคัดเลือกเกมที่จะใช้แข่งขันในเอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งในการประชุมคัดเลือกเกมที่จะใช้แข่งขันครั้งนี้ที่กัมพูชา เมื่อเดือนก่อน ต้องบอกว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความตรึงเครียดตั้งแต่เช้าถึงเย็น เดิมทีที่ประชุมวาง ฟีฟ่า (FIFA) และโดต้า 2 (DOTA2) เป็นเกมหลักที่จะใช้แข่งขัน แต่ติดที่ทั้งสองเกมนี้ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ให้ค่ายเจ้าของเกม จึงทำให้ทั้งสองเกมนี้ไม่ผ่านการคัดเลือก
ส่วนเกมแนว เอฟพีเอส (เกมยิงปืนบุคคลที่หนึ่ง) ซึ่งมีตัวละครอ้างอิงมาจากเหตุการณ์จริง และมีเรื่องสัญชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้มีแนวโน้มสุ่มเสี่ยงต่อการเหยียดเผ่าพันธุ์และเชื้อชาติ จึงไม่สามารถนำมาแข่งขันได้เช่นกัน
“โทมัส บัค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล เคยพูดไว้นานแล้วหากทุกคนต้องการนำเกมเข้ามาเป็นกีฬา ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงค่ายเกมต่างๆทั่วโลกต้องใจกว้างให้นำเกมต่างๆเข้ามาแข่งขันได้โดยไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์ เพราะหากต้องเอาเกมมาแข่งขัน และต้องเสียเงินให้เจ้าของเกมด้วยคงไม่มีใครอยากนำเอาอีสปอร์ตมาบรรจุในการแข่งขัน” นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทยกล่าว
นายสันติ เผยอีกว่า ขณะที่เกมอย่าง League of Legend หรือ LoL และ Arena of Valor หรือ RoV เกมยอดฮิตบนมือถือ แม้จะเป็นเกมต่อสู้เหมือนกับเกมแนวเอฟพีเอส แต่ตัวละครทั้งหมดเป็นแนวแฟนตาซี ที่ไม่ได้อ้างอิงจากเรื่องจริง หรือเชื้อชาติแต่อย่างใด อีกทั้งปัจจุบันยังได้รับความนิยมในหลายประเทศ และง่ายต่อการเข้าถึงจึงได้รับการโหวตให้เข้าแข่งขันในครั้งนี้ ส่วน Pro Evorution Soccer 2018 ที่ได้รับเลือกนั้น ในเมื่อ ฟีฟ่า ไม่สามารถนำมาเข้าแข่งขันได้ ก็ที่ประชุมจึงจำเป็นต้องนำเกมที่มีความนิยม และมีการเล่นคล้ายกันอย่าง Pro Evorution Soccer 2018 เข้ามาแทน
