ความเคลื่อนไหวของทัพ “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงไทย ชุดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 18 ส.ค. – 2 ก.ย. ล่าสุด 14 ส.ค. ทั้งหมดได้ยกพลเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ไปยังเมืองปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย เรียบร้อย เพื่อเตรียมแข่งขันในกลุ่มซี โดยมีโปรแกรมพบ ญี่ปุ่น วันที่ 16 ส.ค. และวันที่ 19 ส.ค. พบ เวียดนาม เวลา 18.30 น. ที่สนามบูมิ ศรีวิจายา
“โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน กุนซือใหญ่ กล่าวว่า ตอนนี้พร้อมเต็มที่ เพราะมีทัวร์นาเมนท์ต่อเนื่อง พยายามปรับทีมตลอดเวลา ส่วนการที่ “ทราย” วราภรณ์ บุญสิงห์ โกลมือ 1 เจ็บ ต้องถอนตัว และเรียก “มิรันดา” สุชาวดี นิลธำรงค์ ซูเปอร์สตาร์ดาวยิงลูกครึ่งมาเสริมทัพ ถือว่าเป็นข้อดีมากกว่า เพื่อให้ วราภรณ์ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ได้พักสำหรับฟุตบอลโลก ในปีหน้า ซึ่งจริงๆแล้ว อยากให้ทั้ง 2 คนอยู่ร่วมทีม
ด้าน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม เผยว่า การประสานขอตัว สุชาวดี นิลธำรงค์ มาแข่งเอเชียนเกมส์ หนนี้ ยากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะ มิรันดา มีหลายเกมต้องเล่นกับสโมสร ตั้งแต่ 17 ส.ค. เป็นต้นไป รวมทั้ง มหาวิทยาลัยเบิร์คเลย์ ต้นสังกัดของมิรันดา ก็ขาดนักเตะหลายคน เพราะไปเล่นทีมชาติสหรัฐฯ จึงลังเลที่จะปล่อยตัวมา ทว่าทีมไทย ต้องการ สุชาวดี ช่วยทีม เพราะมีผลต่อความแข็งแกร่งอย่างมาก
“แป้งทั้งคุยเองด้วย ให้ทีมงานประสานด้วยกับทุกฝ่าย ทั้งน้อง ครอบครัว โค้ชส่วนตัว และต้นสังกัด จนดีลนี้สำเร็จ แม้ต้องรอนานแต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอยมากจริงๆ ต้องขอบคุณสโมสรและครอบครัวของมิรันดาด้วยใจจริง ที่ตัดสินใจช่วยทีมชาติไทยอีกครั้ง”
“มาดามแป้ง” กล่าวต่อว่า มิรันดา จะบินตามทีมไปถึงปาเล็มบัง ในวันที่ 15 ส.ค. ต้องดูว่าร่างกายพร้อมแค่ไหน เพราะเดิมเจ้าตัวเคยบอกว่า อยากลองเล่นกับญี่ปุ่น ซึ่งคงประเมินอีกครั้ง แต่ก็หวังให้สมบูรณ์ในเกมกับเวียดนาม ที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะต้องชนะเพื่อเข้ารอบ เชื่อว่ากองหน้ารายนี้จะเข้ามาเติมเต็ม เสริมทีมเวิร์กทำให้โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายมีมากขึ้น
สำหรับเกมแรกของ ชบาแก้ว ที่พบ ญี่ปุ่น หาก มิรันดา ยังไม่พร้อม เกมรุกจะฝากที่ กาญจนา สังข์เงิน, รัตติกาล ทองสมบัติ, ธนีกานต์ แดงดา แดนกลาง ศิลาวรรณ อินต๊ะมี กับ พิกุล เขื่อนเพ็ชร ขณะที่ ญี่ปุ่น ดีกรีเบอร์ 1 ของเอเชีย และเบอร์ 6 ของโลก ล่าสุดเพิ่งคว้าแชมป์เอเชียนคัพ เมื่อเดือน เม.ย. ที่ประเทศจอร์แดน สถิติการพบกันของคู่นี้ ตามที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่าบันทึก 7 แมตช์ ไทยแพ้รวด และยังยิงไม่ได้เลย โดย ชบาแก้ว ปัจจุบัน อยู่ที่ 28 ของโลก และที่ 5 เอเชีย
